ช่วงนี้เพื่อนๆ หลายคนคงมีแพลนไปเที่ยวสิงคโปร์ปี 2023 กันเยอะเลย แต่ว่าเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีหลายๆ อย่างที่เราต้องเช็กลิสต์ก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ต, ใบรับรองวัคซีน, เอกสารรับรองเข้าประเทศ ที่พัก หรือแม้แต่ซิมสิงคโปร์ที่เราจำเป็นต้องมีเนี่ยแหละ 😂
 
ยิ่งเจ้าซิมสิงคโปร์นี้ยิ่งเป็น Gadget สำคัญมากๆ เลย เพราะถ้าไม่มีเน็ตอาจทำให้คนคนนึงกรีดร้องได้เลย555 เพราะไหนจะต้องดู GPS ติดต่อกับคนรู้จักอีก บางคนก็ไม่ชอบพกเงินสดด้วย ไม่มีเน็ตล่ะก็นึกภาพตามแล้วขนลุกเลย ดังนั้นซิมเลยเป็นอีกไอเทมที่เราควรเช็กลิสต์อย่างดีก่อนที่จะไปถึงนั่นเอง
 
เพราะแบบนั้นพวกเรา Lifesara คิดว่าคงมีหลายคนที่รู้เรื่องซิมแล้ว และคงมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่รู้เรื่องซิมดี ว่าควรต้องใช้ค่ายไหนดี แบบไหนเวิร์ค แบบไหนเหมาะกับตัวเรา ในวันนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจของทุกคนในการเลือกใช้ซิมเพิ่มเติมจ้า
 
เนื่องจากพวกเราได้ลองใข้ซิมมาทั้งสองแบบ ดังนั้นจึงอยากนำข้อมูลที่พวกเราได้มาจากซิมทั้งสองตัวนี้ มาช่วยให้หลายๆ คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ซึ่งในบทความนี้พวกเราก็มามาบอกทั้งจุดเด่น, วิธีติดตั้ง, ซื้อที่ไหน รวมถึงเปรียบเทียบซิมทั้งสองแบบให้เห็นกันจะจะไปเลย จะเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องไปติดตามอ่านกันต่อเลยย~
 
หมายเหตุ : ซิมซื้อได้ที่ไหนกันนะ?

ใครมีแพลนจะไปสิงคโปร์ สำหรับซิมทั้งสองแบบเราแนะนำให้ซื้อที่แอป Klook ดีกว่านะ เพราะซื้อง่ายสุด ไวสุด ถูกกว่า แถมใช้รหัสลดราคาได้ด้วย กรณีที่มีส่วนลด (ยังได้เครดิตในแอป Klook เผื่อเป็นส่วนลดในครั้งต่อไปได้ด้วยนะ!)

——————————————-

สำหรับสายเที่ยวสิงคโปร์ อยากไปเที่ยวโซนไหน หรือหาอะไรกินต่อ ลองดูบทความอื่นๆ เพิ่มเติมจากข้างล่างได้เลยยย

 Part I : มาเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์กัน
– เช็คลิสต์ 11 ของต้องเตรียมก่อนออกไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง!

 Part II : กิน/เที่ยวสิงคโปร์หลากสไตล์
– แจกแพลนปั่นจักรยานสิงคโปร์รอบเมอรีน่า เบย์ ด้วยงบ 100 บาท!
– 25 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ฉบับอัปเดตครบทุกสไตล์ ใครไม่ไปคือพลาด!
– เปิดพิกัด 16 สวนสิงคโปร์เด็ดๆ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองง่ายๆ
เปิดพิกัด 25 ร้านมิชลินสิงคโปร์ที่จัดว่าเด็ด แบบต้องตามมากิน
พาทัวร์ 17 เครื่องเล่น Universal Studio Singapore แบบจุใจ เล่นยังไงให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง!
จัดทริปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน ครบทั้งที่กินดีๆ ที่เที่ยวเด็ดๆ แบบห้ามพลาด

  1  

ซิมสิงคโปร์แบบถอด : StarHub SIM Travel

 

ซิมสิงคโปร์แบบถอดได้ จะเหมือนกับซิมทั่วไปที่เราใช้กันเป็นประจำ และต้องบอกว่าซิม StarHub เป็นหนึ่งในค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายที่ได้รับความนิยมมากสุดในสิงคโปร์

📌ราคา
$12 (244.- ไทย)

📌จุดเด่น :
– อินเทอร์เน็ตสูงสุด 100GB เป็นเวลา 10 วัน
– ข้อมูลโรมมิ่ง 1GB (17 จุดหมายปลายทาง)
– 100 SMS ส่งข้อความได้ในพื้นที่
– โทรออกในพื้นที่ 1,000 นาที
– สายเรียกเข้าในพื้นที่ไม่จํากัด

📍ความรู้สึกส่วนตัว :
– ถ้าเป็น iPhone คือเราต้องหาตัวถอดซิมใส่ ซึ่งถ้าหาที่จิ้มไม่ได้ให้ขอเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ถ้ากรณีฉุกเฉินให้ใช้ต่างหูจิ้มแทน
– มีวิธีตั้งค่าซิมไม่ยาก แปะสอนอยู่หน้าเคาน์เตอร์
– ความเร็วเน็ตดีมาก แต่ถ้าออกนอกเขต เช่นไปเกาะ หรือขึ้นเขา เน็ตจะขาดๆ หายๆ

 

📌วิธีซื้อ SIM StarHub ใน Klook 

1. เข้าไปที่แอป Klook แล้วเสิร์ชคำว่า Sim singapore
2. กดคลิก 4G SIM Card (SG Airport & City Pick up) from StarHub หรือคลิกที่นี่ได้เลย
3. กดจองตอนนี้
4. ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการรับซิม
5. จากนั้นเลือกซิมการ์ดที่ต้องการ 
6. เลือกวันที่ที่เราต้องการไปรับซิม (ซึ่งปกติมักจะเป็นวันแรกที่เราไปถึงสิงคโปร์กัน)
7. กรอกข้อมูลติดต่อของเราเป็นภาษาไทย
8. ชำระเงิน มีทางเลือกชำระทั้งบัตรเครดิต, True Money และ โมบายแบงค์ (ต้องชำระภายใน 2 ชั่วโมงนะ)
9. เมื่อถึงสนามบินให้เราส่งพาสปอร์ตกับหน้าจอโทรศัพท์เพื่อแสดงหลักฐานการซื้อให้กับเจ้าหน้าที่

ปล. สำหรับคนที่ใช้ Iphone ตั๋วซิมที่ซื้อไว้จะอยู่ในแอป Wallet ในเครื่องนั่นเอง

 

📌วิธีติดตั้ง SIM StarHub

1. เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์ Starhub ที่เราระบุสถานที่จองไว้ ให้เราส่งพาสปอร์ต พร้อมกับหลักฐานการซื้อให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานเอาข้อมูลในพาสปอร์ตไปลงทะเบียนให้
2. เสร็จแล้วพนักงานจะให้ซิมเรามา
3. ถอดซิมเดิมของเราออก บอกเลยว่าเก็บไว้ดีๆ หายนี่แย่เลยนะ อาจจะเก็บไว้ในเคสก็ได้
4. ใส่ซิมใหม่ แล้วเราก็จะสามารถใช้งานได้เป็นปกติเลย ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. ถ้าต้องตั้งค่าใดๆ ที่หน้าเคาน์เตอร์จะมีกระดาษแนะนำวิธีตั้งค่าอยู่

 

  2  

ซิมสิงคโปร์ eSIM M1 Prepaid Sim

 

eSIM คือ ซิมดิจิทัลมาตรฐานที่จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเปิดใช้งานเซลลูลาร์จากผู้ให้บริการเครือข่ายได้โดยไม่ต้องใช้ซิมจริง ทั้งยังติดตั้ง eSIM ได้มากถึง 8 ซิมหรือมากกว่านั้นด้วยนะ

📌ราคา
$12 (252.- ไทย)

📌โทรศัพท์ที่รองรับ eSIM
iPhone XR / XS / XS Max หรือใหม่กว่า, iPhone SE (2020), iPad (รุ่นที่ 7), iPad Air (รุ่นที่ 3), iPad Mini (รุ่นที่ 5), iPad Pro (11 นิ้ว) (รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2), iPad Pro (12.9 นิ้ว) (รุ่นที่ 3 และ 4), Samsung Note20 / Note20 Ultra 5G, Samsung S20 / S20+ / S20 Ultra 5G, Samsung Galaxy Z Flip, Samsung Galaxy Fold

📌จุดเด่น
– อินเทอร์เน็ตความแรง 100GB
– โทรภายใน 500 นาที
– 100 SMS ในพื้นที่
– โทรระหว่างประเทศ 20 นาที (สามารถกดเลข +66 แทนเลข 0 ตามด้วยเบอร์ปกติสำหรับการโทรไปประเทศไทย)

📌ความรู้สึกส่วนตัว
– ติดตั้งง่าย สแกนปั๊บ Active อัตโนมัติ ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน
– เน็ตเร็วมาก โหลดทันใจ
– ตอนเราไปที่ Universal Studio หรือลงใต้ดินสัญญาณจะไม่ค่อยดี
– ไม่ต้องถอดซิมออก สามารถตั้งค่าในเซลลูลาร์ (ซิม) ได้เลยว่าอยากใช้เบอร์ไหนเป็นเบอร์หลัก ถึงจะกลับไทยไป แต่เจ้า eSim ก็ยังอยู่ในเครื่อง

 

📌วิธีซื้อ eSIM M1 ใน Klook

1. แอป Klook เสิร์ชคำว่า Sim singapore 
2. กดคลิก 4G eSIM Card (SG Airport & City Pick up) M1 หรือคลิกที่นี่
3. กดจองตอนนี้
4. ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการรับซิม ซึ่งให้เราเลือก StarHub Counter Terminal 1 สนามชางชี เพราะว่าใกล้ทางออกที่สุด (แต่ถ้าใครไม่ได้ขึ้นที่นี่ ก็กดเลือกสถานที่อื่นได้เลย)
5. จากนั้นเลือกซิมการ์ดที่ต้องการ
6. เลือกวันที่ที่เราต้องการไปรับอีซิม (หรือก็คือวันแรกที่เราไปถึงสิงคโปร์ตามปกติ)
7. กรอกข้อมูลติดต่อของเราเป็นภาษาไทย
8. ชำระเงิน มีทางเลือกชำระทั้งบัตรเครดิต, True Money และ โมบายแบงค์ (ต้องชำระภายใน 2 ชั่วโมงเช่นกัน)

 

📌วิธีติดตั้ง eSIM

1. ไปที่เคาน์เตอร์ที่เราระบุรับ พร้อมยื่นพาสปอร์ตเพื่อให้พนักงานลงทะเบียน
2. เมื่อเราได้การ์ดมาแล้ว ให้เราเข้าไปที่ตั้งค่าโทรศัพท์ เลือก ‘เซลลูลาร์’
3. ให้เรากดคลิกที่ “เพิ่ม eSIM”
4. จากนั้นหน้าจอจะขึ้นว่าแถบเมนูสองตัว ให้เราเลือก ‘ใช้คิวอาร์โค้ด ‘
5. ให้ทำการสแกน Qr Code ที่อยู่บนบัตร
6. หน้าจอจะแสดง Activate eSIM เพื่อโหลดข้อมูลซิม
7.ให้เปลี่ยนชื่อเซลลูลาร์เป็น Travel และให้ eSIM คือเบอร์หลัก
8. จากนั้นจะมี POP-up ข้อความขึ้นมาเกี่ยวกับคุณสมบัติของซิม
9. ซิมการ์ดจะได้รับการเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียน 

 

  3  

เปรียบเทียบ SIM & eSIM

 

สุดท้ายนี้ เราก็จะมาสรุปให้เห็นภาพกันชัดๆ ว่าซิมทั้งสองแบบมีข้อดีที่แตกต่างกันยังไง ฉะนั้นใครชอบแบบไหน คิดว่าแบบไหนเหมาะกับเรา ก็ลองอ่านเป็นคำตอบดูนะ✨

🔵StarHub
– เหมาะกับสายประหยัด ลุยๆ
– อินเทอร์เน็ตสูงสุด 100GB เป็นเวลา 10 วัน
– ข้อมูลโรมมิ่ง 1GB (17 จุดหมายปลายทาง)
– 100 SMS ส่งข้อความได้ในพื้นที่
– โทรออกในพื้นที่ 1,000 นาที
– สายเรียกเข้าในพื้นที่ไม่จํากัด
– เสี่ยงซิมเก่าหาย เพราะเป็นแบบใส่ซิมเข้าเครื่อง
– ราคาถูกกว่า M1
– สัญญาณที่ Sentosa จะไม่ค่อยมีสัญญาณ แต่ว่ายังได้อยู่แต่ไม่ค่อยแรง

🟠M1
– เหมาะกับคนชอบความสะดวก ใช้เน็ตแบบไม่ต้องเปลี่ยนซิม สแกนซิมเข้าเครื่องเสร็จ
– ราคาแพงกว่า StarHub 10 บาท
– อินเทอร์เน็ตความแรง 100GB
– โทรภายใน 500 นาที
– 100 SMS ในพื้นที่
– โทรระหว่างประเทศ 20 นาที (สามารถกดเลข +66 แทนเลข 0 ตามด้วยเบอร์ปกติสำหรับการโทรไปประเทศไทย)
– สัญญาณตอนอยู่ที่ Universal มีขาดหายบ้าง บางพื้นที่สัญญาณเข้าถึงน้อย แต่ยังสามารถโทรติดต่อได้

 

  3  

การ Roaming

การ Roaming แบบใช้เบอร์เดิม

อีกหนึ่งวิธีที่เราไม่ต้องซื้อซิมใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนซิม นั่นก็คือการโรมมิ่งหรือใช้ซิมเดิมนั่นเอง ซึ่งข้อดีของการโรมมิ่งคือสามารถใช้เบอร์เดิมได้เลยแม้จะอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถซื้อได้ตามแพ็กเกจในค่ายที่ให้บริการเครือข่ายของประเทศไทย เช่น True, Dtac, AIS ได้ทันทีเลย 

วิธีการซื้อโรมมิ่ง

ง่ายๆ เพียงเข้าแอปของเครือข่ายที่เราใช้บริการ พร้อมเสิร์ชว่า Travel หรือ Roaming ก็ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่ต้องดูเงื่อนไขให้ละเอียดด้วยนะ ว่าแพ็กเกจนั้นมีประเทศที่เรากำลังจะไปเที่ยวอยู่หรือเปล่า

ซึ่งการซื้อเบอร์แบบโรมมิ่งก็ไม่ได้ยุ่งยาก แค่กดซื้อแพ็กเกจโรมมิ่ง พร้อมจ่ายเงิน หรือบางคนอาจจะโดนเรียกเก็บในภายหลัง แล้วจากนั้นเมื่อไปถึงประเทศสิงคโปร์ เราก็สามารถใช้เน็ตและบริการต่างๆ ได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำอะไรกับมัน

ข้อควรรู้ก่อนโรมมิ่งมือถือ

  • ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าแบบซิมธรรมดา ราคาขึ้นอยู่กับแต่เครือข่ายที่เลือกใช้ 
  • ไม่เหมาะกับโทรปกติ แนะนำว่าให้โทรในไลน์ หรือบริการอื่นๆ ที่ไม่ได้โทรในเครือข่ายปกติ
  • การโรมมิ่งใช้กับ SG Bike ไม่ได้
  • หากต้องการโทรเข้า โทรออกในประเทศสิงคโปร์ เพราะกังวลว่าอินเทอร์เน็ตจะใช้ไม่ได้ แนะนำว่าให้ซื้อซิมมือถือจะดีกว่านะ