ใครมีแพลนจะไปสิงคโปร์ สำหรับซิมทั้งสองแบบเราแนะนำให้ซื้อที่แอป Klook ดีกว่านะ เพราะซื้อง่ายสุด ไวสุด ถูกกว่า แถมใช้รหัสลดราคาได้ด้วย กรณีที่มีส่วนลด (ยังได้เครดิตในแอป Klook เผื่อเป็นส่วนลดในครั้งต่อไปได้ด้วยนะ!)
——————————————-
สำหรับสายเที่ยวสิงคโปร์ อยากไปเที่ยวโซนไหน หรือหาอะไรกินต่อ ลองดูบทความอื่นๆ เพิ่มเติมจากข้างล่างได้เลยยย
Part I : มาเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์กัน
– เช็คลิสต์ 11 ของต้องเตรียมก่อนออกไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง!
Part II : กิน/เที่ยวสิงคโปร์หลากสไตล์
– แจกแพลนปั่นจักรยานสิงคโปร์รอบเมอรีน่า เบย์ ด้วยงบ 100 บาท!
– 25 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ฉบับอัปเดตครบทุกสไตล์ ใครไม่ไปคือพลาด!
– เปิดพิกัด 16 สวนสิงคโปร์เด็ดๆ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองง่ายๆ
– เปิดพิกัด 25 ร้านมิชลินสิงคโปร์ที่จัดว่าเด็ด แบบต้องตามมากิน
– พาทัวร์ 17 เครื่องเล่น Universal Studio Singapore แบบจุใจ เล่นยังไงให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง!
– จัดทริปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน ครบทั้งที่กินดีๆ ที่เที่ยวเด็ดๆ แบบห้ามพลาด
1
ซิมสิงคโปร์แบบถอด : StarHub SIM Travel
ซิมสิงคโปร์แบบถอดได้ จะเหมือนกับซิมทั่วไปที่เราใช้กันเป็นประจำ และต้องบอกว่าซิม StarHub เป็นหนึ่งในค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายที่ได้รับความนิยมมากสุดในสิงคโปร์
ราคา
$12 (244.- ไทย)
จุดเด่น :
– อินเทอร์เน็ตสูงสุด 100GB เป็นเวลา 10 วัน
– ข้อมูลโรมมิ่ง 1GB (17 จุดหมายปลายทาง)
– 100 SMS ส่งข้อความได้ในพื้นที่
– โทรออกในพื้นที่ 1,000 นาที
– สายเรียกเข้าในพื้นที่ไม่จํากัด
ความรู้สึกส่วนตัว :
– ถ้าเป็น iPhone คือเราต้องหาตัวถอดซิมใส่ ซึ่งถ้าหาที่จิ้มไม่ได้ให้ขอเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ถ้ากรณีฉุกเฉินให้ใช้ต่างหูจิ้มแทน
– มีวิธีตั้งค่าซิมไม่ยาก แปะสอนอยู่หน้าเคาน์เตอร์
– ความเร็วเน็ตดีมาก แต่ถ้าออกนอกเขต เช่นไปเกาะ หรือขึ้นเขา เน็ตจะขาดๆ หายๆ
วิธีซื้อ SIM StarHub ใน Klook
1. เข้าไปที่แอป Klook แล้วเสิร์ชคำว่า Sim singapore
2. กดคลิก 4G SIM Card (SG Airport & City Pick up) from StarHub หรือคลิกที่นี่ได้เลย
3. กดจองตอนนี้
4. ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการรับซิม
5. จากนั้นเลือกซิมการ์ดที่ต้องการ
6. เลือกวันที่ที่เราต้องการไปรับซิม (ซึ่งปกติมักจะเป็นวันแรกที่เราไปถึงสิงคโปร์กัน)
7. กรอกข้อมูลติดต่อของเราเป็นภาษาไทย
8. ชำระเงิน มีทางเลือกชำระทั้งบัตรเครดิต, True Money และ โมบายแบงค์ (ต้องชำระภายใน 2 ชั่วโมงนะ)
9. เมื่อถึงสนามบินให้เราส่งพาสปอร์ตกับหน้าจอโทรศัพท์เพื่อแสดงหลักฐานการซื้อให้กับเจ้าหน้าที่
ปล. สำหรับคนที่ใช้ Iphone ตั๋วซิมที่ซื้อไว้จะอยู่ในแอป Wallet ในเครื่องนั่นเอง
วิธีติดตั้ง SIM StarHub
1. เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์ Starhub ที่เราระบุสถานที่จองไว้ ให้เราส่งพาสปอร์ต พร้อมกับหลักฐานการซื้อให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานเอาข้อมูลในพาสปอร์ตไปลงทะเบียนให้
2. เสร็จแล้วพนักงานจะให้ซิมเรามา
3. ถอดซิมเดิมของเราออก บอกเลยว่าเก็บไว้ดีๆ หายนี่แย่เลยนะ อาจจะเก็บไว้ในเคสก็ได้
4. ใส่ซิมใหม่ แล้วเราก็จะสามารถใช้งานได้เป็นปกติเลย ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. ถ้าต้องตั้งค่าใดๆ ที่หน้าเคาน์เตอร์จะมีกระดาษแนะนำวิธีตั้งค่าอยู่
2
ซิมสิงคโปร์ eSIM M1 Prepaid Sim
eSIM คือ ซิมดิจิทัลมาตรฐานที่จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเปิดใช้งานเซลลูลาร์จากผู้ให้บริการเครือข่ายได้โดยไม่ต้องใช้ซิมจริง ทั้งยังติดตั้ง eSIM ได้มากถึง 8 ซิมหรือมากกว่านั้นด้วยนะ
ราคา
$12 (252.- ไทย)
โทรศัพท์ที่รองรับ eSIM
iPhone XR / XS / XS Max หรือใหม่กว่า, iPhone SE (2020), iPad (รุ่นที่ 7), iPad Air (รุ่นที่ 3), iPad Mini (รุ่นที่ 5), iPad Pro (11 นิ้ว) (รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2), iPad Pro (12.9 นิ้ว) (รุ่นที่ 3 และ 4), Samsung Note20 / Note20 Ultra 5G, Samsung S20 / S20+ / S20 Ultra 5G, Samsung Galaxy Z Flip, Samsung Galaxy Fold
จุดเด่น
– อินเทอร์เน็ตความแรง 100GB
– โทรภายใน 500 นาที
– 100 SMS ในพื้นที่
– โทรระหว่างประเทศ 20 นาที (สามารถกดเลข +66 แทนเลข 0 ตามด้วยเบอร์ปกติสำหรับการโทรไปประเทศไทย)
ความรู้สึกส่วนตัว
– ติดตั้งง่าย สแกนปั๊บ Active อัตโนมัติ ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน
– เน็ตเร็วมาก โหลดทันใจ
– ตอนเราไปที่ Universal Studio หรือลงใต้ดินสัญญาณจะไม่ค่อยดี
– ไม่ต้องถอดซิมออก สามารถตั้งค่าในเซลลูลาร์ (ซิม) ได้เลยว่าอยากใช้เบอร์ไหนเป็นเบอร์หลัก ถึงจะกลับไทยไป แต่เจ้า eSim ก็ยังอยู่ในเครื่อง
วิธีซื้อ eSIM M1 ใน Klook
1. แอป Klook เสิร์ชคำว่า Sim singapore
2. กดคลิก 4G eSIM Card (SG Airport & City Pick up) M1 หรือคลิกที่นี่
3. กดจองตอนนี้
4. ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการรับซิม ซึ่งให้เราเลือก StarHub Counter Terminal 1 สนามชางชี เพราะว่าใกล้ทางออกที่สุด (แต่ถ้าใครไม่ได้ขึ้นที่นี่ ก็กดเลือกสถานที่อื่นได้เลย)
5. จากนั้นเลือกซิมการ์ดที่ต้องการ
6. เลือกวันที่ที่เราต้องการไปรับอีซิม (หรือก็คือวันแรกที่เราไปถึงสิงคโปร์ตามปกติ)
7. กรอกข้อมูลติดต่อของเราเป็นภาษาไทย
8. ชำระเงิน มีทางเลือกชำระทั้งบัตรเครดิต, True Money และ โมบายแบงค์ (ต้องชำระภายใน 2 ชั่วโมงเช่นกัน)
วิธีติดตั้ง eSIM
1. ไปที่เคาน์เตอร์ที่เราระบุรับ พร้อมยื่นพาสปอร์ตเพื่อให้พนักงานลงทะเบียน
2. เมื่อเราได้การ์ดมาแล้ว ให้เราเข้าไปที่ตั้งค่าโทรศัพท์ เลือก ‘เซลลูลาร์’
3. ให้เรากดคลิกที่ “เพิ่ม eSIM”
4. จากนั้นหน้าจอจะขึ้นว่าแถบเมนูสองตัว ให้เราเลือก ‘ใช้คิวอาร์โค้ด ‘
5. ให้ทำการสแกน Qr Code ที่อยู่บนบัตร
6. หน้าจอจะแสดง Activate eSIM เพื่อโหลดข้อมูลซิม
7.ให้เปลี่ยนชื่อเซลลูลาร์เป็น Travel และให้ eSIM คือเบอร์หลัก
8. จากนั้นจะมี POP-up ข้อความขึ้นมาเกี่ยวกับคุณสมบัติของซิม
9. ซิมการ์ดจะได้รับการเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียน
3
เปรียบเทียบ SIM & eSIM
สุดท้ายนี้ เราก็จะมาสรุปให้เห็นภาพกันชัดๆ ว่าซิมทั้งสองแบบมีข้อดีที่แตกต่างกันยังไง ฉะนั้นใครชอบแบบไหน คิดว่าแบบไหนเหมาะกับเรา ก็ลองอ่านเป็นคำตอบดูนะ
StarHub
– เหมาะกับสายประหยัด ลุยๆ
– อินเทอร์เน็ตสูงสุด 100GB เป็นเวลา 10 วัน
– ข้อมูลโรมมิ่ง 1GB (17 จุดหมายปลายทาง)
– 100 SMS ส่งข้อความได้ในพื้นที่
– โทรออกในพื้นที่ 1,000 นาที
– สายเรียกเข้าในพื้นที่ไม่จํากัด
– เสี่ยงซิมเก่าหาย เพราะเป็นแบบใส่ซิมเข้าเครื่อง
– ราคาถูกกว่า M1
– สัญญาณที่ Sentosa จะไม่ค่อยมีสัญญาณ แต่ว่ายังได้อยู่แต่ไม่ค่อยแรง
M1
– เหมาะกับคนชอบความสะดวก ใช้เน็ตแบบไม่ต้องเปลี่ยนซิม สแกนซิมเข้าเครื่องเสร็จ
– ราคาแพงกว่า StarHub 10 บาท
– อินเทอร์เน็ตความแรง 100GB
– โทรภายใน 500 นาที
– 100 SMS ในพื้นที่
– โทรระหว่างประเทศ 20 นาที (สามารถกดเลข +66 แทนเลข 0 ตามด้วยเบอร์ปกติสำหรับการโทรไปประเทศไทย)
– สัญญาณตอนอยู่ที่ Universal มีขาดหายบ้าง บางพื้นที่สัญญาณเข้าถึงน้อย แต่ยังสามารถโทรติดต่อได้
3
การ Roaming
การ Roaming แบบใช้เบอร์เดิม
อีกหนึ่งวิธีที่เราไม่ต้องซื้อซิมใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนซิม นั่นก็คือการโรมมิ่งหรือใช้ซิมเดิมนั่นเอง ซึ่งข้อดีของการโรมมิ่งคือสามารถใช้เบอร์เดิมได้เลยแม้จะอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถซื้อได้ตามแพ็กเกจในค่ายที่ให้บริการเครือข่ายของประเทศไทย เช่น True, Dtac, AIS ได้ทันทีเลย
วิธีการซื้อโรมมิ่ง
ง่ายๆ เพียงเข้าแอปของเครือข่ายที่เราใช้บริการ พร้อมเสิร์ชว่า Travel หรือ Roaming ก็ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่ต้องดูเงื่อนไขให้ละเอียดด้วยนะ ว่าแพ็กเกจนั้นมีประเทศที่เรากำลังจะไปเที่ยวอยู่หรือเปล่า
ซึ่งการซื้อเบอร์แบบโรมมิ่งก็ไม่ได้ยุ่งยาก แค่กดซื้อแพ็กเกจโรมมิ่ง พร้อมจ่ายเงิน หรือบางคนอาจจะโดนเรียกเก็บในภายหลัง แล้วจากนั้นเมื่อไปถึงประเทศสิงคโปร์ เราก็สามารถใช้เน็ตและบริการต่างๆ ได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำอะไรกับมัน
ข้อควรรู้ก่อนโรมมิ่งมือถือ
- ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าแบบซิมธรรมดา ราคาขึ้นอยู่กับแต่เครือข่ายที่เลือกใช้
- ไม่เหมาะกับโทรปกติ แนะนำว่าให้โทรในไลน์ หรือบริการอื่นๆ ที่ไม่ได้โทรในเครือข่ายปกติ
- การโรมมิ่งใช้กับ SG Bike ไม่ได้
- หากต้องการโทรเข้า โทรออกในประเทศสิงคโปร์ เพราะกังวลว่าอินเทอร์เน็ตจะใช้ไม่ได้ แนะนำว่าให้ซื้อซิมมือถือจะดีกว่านะ