เห็นสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ แบบนี้ แต่ที่เที่ยวสิงคโปร์ก็เยอะจนไม่รู้ว่าจะควรไปจุดไหนก่อนดี ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวสิงคโปร์ในปี 2023 ไม่ว่าจะเคยมาหลายครั้งแล้วหรือจะเพิ่งมาเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก พวกเรา Lifesara ก็อยากพาให้ทุกคนได้มากิน เที่ยว นอนด้วยกันกับแพลนเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนของพวกเรา!
โดยเราจะพาทุกคนที่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ได้ลุยแบบไม่หยุดยั้งในสถานที่ดังต่างๆ และของกินสุดแซ่บที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน (ซึ่งถ้าหากใครกำลังสงสัยว่าสิงคโปร์นั้นมาเที่ยวยากไหม ก็ลองมาเช็คลิสต์วิธีการเตรียมตัวก่อนมาเที่ยวสิงคโปร์กันก่อนได้ จะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง ต้องใช้ซิมสิงคโปร์แบบไหนใดๆ เป็นต้น)
แต่สำหรับใครที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็มาดูแพลนแบบคร่าวๆ กันก่อนได้เลย โดยในแต่ละวัน สถานที่พวกเราไปก็จะประมาณนี้!
Day 1
– กิน Liao Fan Hawker Chan (Chain resterant)
– เที่ยว Thian Hock Keng Temple
– เที่ยว Marina Bay sands
– เที่ยว Garden by the Bays
– ปั่นจักรยานรอบอ่าวเมอรีน่า เบย์
– กิน People Park
– พักที่ Hotel Calmo Chinatown
Day 2
– กิน Tiong Bahru Bakery
– เที่ยว Fort Canning Park
– เที่ยว Tree Tunnel
– เที่ยว National Gallery
– เที่ยว Universal Studio Singapore
– บุก Casino หากำไรแบบปัง
– ปิดท้ายด้วย Zouk
Day 3
– กิน Hong Kong Style Chee cheong Fun
– เที่ยว Reddot Design Museum
– เที่ยว National Museum
– เที่ยว นิทรรศการโดเรม่อน
– กิน Ayam Taliwang
– เที่ยว Orchard Road
บอกเลยว่าห้ามพลาดทริปนี้เด็ดขาด ส่วนงบเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะเราไปเที่ยวกันด้วยสัญชาตญาณ 5555 ส่วนแพลนทริปสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนของพวกเราจะเป็นยังไงบ้าง ไปติดตามกันเลยย~
1
Day 1
– China Town –
เริ่มต้นเช้า Day 1 ด้วยการไปแถว ChinaTown เพื่อไปกินข้าวกันก่อนเลยย โดยร้านที่เรามาเป็นหนึ่งในร้านมิชลิน 1 ดาวดีกรี 4 ปีซ้อนจาก Liao Fan Hawker Chan (Chain resterant) ใครชอบข้าวหน้าเป็ดหมักซีอิ๊วขาว หรือเส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เส้นละเอียด บอกเลยมานี่ชอบแน่นอน
ปล. แอบกระซิบว่าที่นี่มีร้านมิชลินสิงคโปร์เยอะมากกก สายกินคนไหนมาเที่ยวสิงคโปร์ทั้งที อย่าลืมมาเก็บร้านมิชลินของที่นี่ให้ครบน้า
สำหรับรสชาติของอาหารร้านนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเส้นเขาไม่ค่อยมันมาก ขณะเดียวกันก็ไม่แห้งจนเกินไป เป็ดคือกรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลินมาก อยากให้ลองมาชิมเลยนะ อยู่แถวไชน่าทาวน์เลย แล้วก็เราค่อนข้างชอบเครื่องดื่มมากๆ เขาจะมีความเอาน้ำสไปร์ทมาเท แล้วใส่เลม่อนหั่นชิ้นลงไป อร่อยมากแต่จำชื่อไม่ได้ แต่บอกเลยว่าสดชื่นสุดอะไรสุด
ราคา
– ข้าวหน้าเป็ด ราคาเริ่มต้นที่ $6.80
– ก๋วยเตี๋ยวแห้งเป็ด ราคาเริ่มต้น $7.80
📍Liao Fan Hawker Chan Terminal 21 Branch
กินเสร็จเราไปแวะไหว้ศาลเจ้า Thian Hock Keng Temple กันก่อน ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุด ที่นอกจากเราจะได้มีวาสนามากราบไหว้ ยังจะได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมเก่าแก่ และสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งสวยงาม ลงตัวเหมือนวัดในหนัง บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ควรค่าแก่การมาไหว้เลยย
2
Day 1
– Marina Bay Sands & Garden By The Bay –
ต่อไปเราจะมุ่งสู่ Marina Bay sands กัน เพราะมาถึงสิงคโปร์ทั้งที จะพลาดตึกแลนด์มาร์กไปได้ยังไง ตอนนี้เราอยู่แถว Chainatown เลยต้องข้ามสะพานเพื่อไปขึ้น MRT โดยเราจะนั่งจาก Chinatown เส้นสีน้ำเงิน Downtown line ไปลง Bayfront จากนั้นเดินไปที่ทางออก E ไม่กี่นาทีก็ถึง Marina Bay sand แล้ว
เรามาถึง Marina Bay sand ก่อน ระหว่างทางเพื่อเดินทางไปสะพานเชื่อมไป Garden by the bay เราก็ต้องขึ้นบันไดเลื่อนสูงชันไปข้างบน ซึ่งจังหวะนี้เองที่เราจะได้มาเห็นข้างในตัวตึกที่เป็นทั้งห้างและโรงแรมกว้างเต็มไปหมดเลย
เราชอบด้านในมาก ทุกชั้นมีของแบรนด์เนมและของกินละลานตาเต็มไปหมด ข้างล่างสุดก็มีพายเรือแบบวัฒนธรรมอิตาลี เห็นกลางวันสวยแบบนี้ กลางคืนนี้แสงระยิบระยับเต็มไปหมดเลยนะ
พอมาถึงด้านบนก็แอบแชะภาพ เจ้าตึกแฝด 3 นี้สักหน่อย
ทีนี้ให้เราไปตามทางที่เป็นสวนทางเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะได้รับลม เย็นๆ มีอากาศพัดตีหน้าเข้ามาระหว่างช่วงกลางตึก เป็นอะไรที่สบายใจมาก หลายคนมาถ่ายรูปตรงนี้กันเยอะแยะ เพราะลมกำลังดี แถมวิวสวยใช้ได้เลยล่ะ
เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึง Garden By the Bays แว้ววว ~
สวนหลากสีที่มีความทันสมัย ไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นอีกสถานที่เที่ยวสำคัญของสิงคโปร์ไปแล้ว ใครอยากเดินสะพานลอยฟ้าก็สามารถขึ้นลิฟต์มาได้นะ สวยมากๆ ซึ่งส่วนตัวเราชอบสวนนี้ตรงที่มีหลายมุมให้นั่งพักผ่อนได้ พร้อมเสพบรรยากาศได้หลากหลายทางชิวๆ
พอเราถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็เตรียมตัวไปปั่นจักรยานกันที่ Flowers Dome เพื่อไปเช่าจักรยาน SG Bike ขี่รอบอ่าวสิงคโปร์กันนน
ถ้าหากใครจะขี่จักรยานแล้วอยากรู้ว่าเส้นทางเป็นประมาณไหน มีวิวหรือมุมท่องเที่ยวที่น่าสนใจตรงไหนให้เก็บบ้าง ก็ต้องมาดูแพลนขี่จักรยานสิงคโปร์แบบละเอียดรอบอ่าวเมอริน่าเบย์ที่พวกเราไปขี่มาแล้วกันเลยยย บอกเลยว่าวิวดีมาก!!
3
Day 1
– People Park –
ปั่นเสร็จเราก็นั่ง MRT กลับมา ChinaTown เพื่อแว่บไปกินศูนย์อาหารฮอว์กเกอร์ People Park ฝั่งตรงข้าม เห็นร้านเยอะๆ แบบนี้ขอบอกว่าอร่อยหลายร้านมาก
นี่ได้โอกาสมากินร้านหม่าล่า Hot Pot ราคาไม่แพงเลย ให้ชามใหญ่แบบตู้มมม กินหลายคนอิ่มได้จริงๆ ซึ่งเราชอบความเผ็ดชาของหม่าล่ามากกก ตอนอยู่ที่ไทยแอบหารสชาติแบบนี้ยากจริงๆ คือถ้าใครสาวกหม่าล่าก็คือต้องลองมากินที่นี่เลย แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่ารสชาติที่คู่ควร !! This is ต้นตำรับหม่าล่า!
เครื่องดื่มอีกอย่างที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาถึงฮอว์กเกอร์ นั่นก็คือ น้ำอ้อยเลม่อน! สดชื่นมากกก มีความอร่อยแบบคั้นสดๆ ให้เห็นกันเลย ถือว่าเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของสิงคโปร์เลย (คิดว่านะะ)
เดินไปนิดนึงร้านจะอยู่ข้างๆ เซเว่นเลย เป็นร้านชื่อว่า Jia Xiang Hot Plate grill เป็นร้านที่มี Hot Plate Grilled Squid ปลาหมึกหม่าล่าเสียบไม้ที่เผ็ดจัดๆ แต่ว่าอร่อยเหมือนกัน และรอคิวไม่นาน ราคากำลังดี ใครชอบความแซ่บ แสบ ลิ้นชา น้ำตาไหลริน คือห้ามพลาดดด
กินอิ่มๆ เราก็ข้ามสะพานกลับไป ChinaTown เพื่อเข้าสู่ที่พักอย่าง โรงแรม Hotel Calmo Chinatown
ที่นี่เป็นโรงแรมฉบับแพงบ้านเราแต่ถูกบ้านเขา 😭 ห้องเหมาะกับอยู่กันสองคน น่ารักๆ อบอุ่น มีเน็ตไวๆ แอร์เย็นฉ่ำๆ มีที่ให้ทำงานด้วย บอกเลยสายประหยัด โรงแรมนี้งานดีย์ ห้องน้ำกว้าง แถมมีที่เป่าผมให้ด้วยนะ~
ใครอยากนอนติดต่อที่นี่เลย : https://hotelcalmo.co
4
Day 2
– Tiong Bahru Bakery –
ตื่นแต่เช้า ตอน 7:00 เพื่อจะพาไปกิน Tiong Bahru Bakery ร้านเบเกอรี่หอมกรุ่นจากเตาสดๆ โดยวิธีเดินทางมาร้านนี้ เราสามารถนั่ง MRT Chinatown ไปลงสถานี Fort Canning แล้วเดินต่อไปอีก 2 นาทีก็ถึงร้านได้เลย
ร้านจะอยู่ริมถนนเดินเข้าไปนิดนึงก็ถึงแล้ว รอบๆ หน้าจะเต็มไปด้วยต้นไม้ ยิ่งตอนเช้าวันนี้ที่เราไป อากาศดีมาก เพราะว่าเมื่อคืนฝนตกหนักนั่นเอง ซึ่งจะบอกว่าสิ่งแรกที่เราเข้าไปที่ร้านแล้วสัมผัสได้เลย คือกลิ่นหอม! คือกลิ่นขนมปังลอยออกมาหอมมากกกก พอไปถึงคุณลุงเจ้าของร้านจะต้อนรับพวกเราอย่างดี ให้เราไปเลือกโต๊ะนั่งก่อน จากนั้นถึงจะค่อยลุกไปต่อคิวสั่งอาหาร
ขนมปังที่นี่มีหลากแบบเลย ราคาจับต้องได้ ชอบแบบไหนก็จิ้มสั่งได้เลยยย คือทุกคนต้องเห็นความน่ากินของสิ่งนี้! ดูสีของขนมปังซะก่อน บอกเลยว่ากรอบมากๆ แค่จิ้มก็ได้ยินเสียงกร๊อบบ บอกเลยสายเบเกอรี่ สายกาแฟต้องห้ามพลาดร้านนี้นะ
📍Tiong Bahru Bakery (มีหลายสาขา แต่เรามาที่สาขาถนน River Valley)
5
Day 2
– Fort Canning Park –
จบจากกินขนมปังโฮมเมดสุดอร่อย เราก็มุ่งไปสวน Fort Canning Park เพื่อไปดูอุโมงค์ต้นไม้ Tree Tunnel !
เดินจากร้านเบเกอรี่ไปถึงที่นั่นจะใช้เวลาเดินเกือบ 10 นาที เห็นอย่างนี้ดูเหมือนไกล แต่จริงๆ ไม่ได้ไกลอย่างที่คิดนะ เพราะระหว่างทางที่เราเดินก็จะได้พบกับแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสวนในเมืองเยอะแยะเลย
ซึ่งต้องบอกเลยว่าสิงคโปร์คือเมืองแห่งสวนสีเขียวไม่เกินจริง ถ้าใครเป็นสายเที่ยวชิวๆ สายเดินชมธรรมชาติ พวกเราก็ได้รวบรวมสวนธรรมชาติที่น่าไปในสิงคโปร์มาให้แล้ว ตามไปเก็บกันได้เลยยย
ดูสิสวยมากเลย ที่นี่จะต้องต่อคิวถ่ายรูปด้วยน้า คือถ้าใครมาเช้าๆ แบบเรา ก็จะมีคนต่อคิวอยู่บ้าง (แต่อาจจะไม่เยอะเท่าตอนบ่ายๆ เย็นๆ) ถือว่าต่อหลายคิวอยู่ แต่แค่ได้ถ่ายก็คุ้มกับที่มาแล้ว
📍Fort Canning Park Tree Tunnel
6
Day 2
– National Gallery –
เราทำเวลาดีอยู่นะ เพราะตอนนี้เป็นเวลา 9:30 และเราก็ได้เดินทางไปต่อที่ National Gallery พิพิธภัณฑ์ระดับชาติของสิงคโปร์ เห็นรูปร่างตึกเหมือนทำเนียบขาวแบบนี้ ไม่ต้องแปลกใจเลย เพราะที่นี่เคยเป็น ที่ทำการศาลฎีกาฯ มาก่อนนั่นเอง ซึ่งที่นี่จะรวมผลงานของศิลปะจากหลากหลายประเทศมารวมไว้ที่แห่งนี้ แน่นอนว่ามีประเทศไทยด้วยแหละ
National Gallery มีหลายห้อง หลายโซน ถ้าใครไม่รู้จะไปที่ไหนก่อน ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำตลอดว่าควรเริ่มต้นจากห้องไหนไปยังห้องไหน เพื่อที่จะเราจะได้ไม่หลงทางนั่นเอง ซึ่งเราเชื่อหลายๆ คนมาทั้งทีก็คงอยากเก็บให้ครบทุกห้องที่จัดแสดงให้ได้ใช่ไหม แต่เห็นงี้ คือมันกว้างมากจนเรายังเก็บไม่หมดเลย😂 ด้วยความที่เราชอบถ่ายรูปทำคอนเทนต์มากกว่า ก็เลยรีบสาวเท้าเดินไปแต่ละห้องแบบไวๆ แทน (แต่ก็อาจจะยังเก็บไม่ครบเหมือนกัน)
ในภาพด้านบนที่เห็นนี้ ที่นี่คือชั้นแรก เป็นโซนของเด็กและมีร้านอาหารข้างล่างด้วย ใครมาก็อย่าลืมแวะมากันได้นะ
7
Day 2
– Universal Studio & Casino –
หลังจากดูที่ Gallery จนพอใจแล้วเราก็นั่งรถเมล์ไป Vivo City เพื่อไปต่อรถไฟไป Universal Studio Singapore กันนั่นเอง บอกเลยว่านี่คือช่วงที่รอคอยเลย ซึ่งก็ไปถึงช่วง 11:00 พอดี ทันเล่นเครื่องเล่นได้หลากหลายอย่าง โดยเป้าหมายวันนี้คือการ ‘เก็บเครื่องเล่นไว้ให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 6 ชั่วโมง!’ ร่างแหลกไปเลยวัยรุ่น!
บอกเลยว่าเราชอบเครื่องเล่นที่นี่มากๆ เลยอยากให้ทุกคนได้ลองมาเที่ยวคุ้มๆ แบบพวกเราดู ซึ่งสำหรับใครที่อยากรู้แพลนเที่ยว Universal Studio แบบละเอียดยิบ ตั้งแต่วิธีการซื้อตั๋วสมัคร การเดินทางไป เครื่องเล่นที่น่าสนใจ ยันทริคการเล่นต่างๆ พวกเรามีเขียนไว้แบบจัดเต็มแล้วตามบทความรีวิว 17 โซน/เครื่องเล่น Universal Studio Singapore แบบจุใจ ใครสนใจก็ตามไปอ่านได้เลยยย
อะ พอเล่นเสร็จและฟ้าเริ่มมืดแล้วเราก็จะเดินออกจาก Universal Studio เพื่อไปกินไอศกรีม Liao Liao หวานๆ ใส่ท็อปปิ้งจุกๆ ต่อกัน โดยร้านนี้อยู่ทางตรงข้าม Universal นั่นเอง ถือเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตที่บอกเลยว่าอร่อยมาก ชอบตรงที่ท็อปปิ้งใส่ได้เยอะๆ แบบจุกๆ
หลังจากรองท้องกันมาพอแล้ว ก็มาถึงช่วงไคลแมกซ์ก่อนกลับที่พักกันสักหน่อย ซึ่งเราเรียกที่แห่งนี้ว่า สถานที่มาหากำไร! ที่นี่มันอยู่ข้างหน้า Universal Studio เลยนะทุกคน แต่คือต้องเดินลงมาชั้นใต้ดินก่อนถึงจะเจอ ซึ่งการเข้าที่นี่ค่อนข้างง่ายนะ เพียงใช้แค่พาสปอร์ตกับ Sg Arrived ก็สามารถเข้าได้แล้ว (ปล. ที่นี่เขาห้ามถ่ายรูปภายในเด็ดขาดเลยน้า เราเลยอาจจะไม่ได้มีรูปมาฝากเพื่อนๆ นั่นเอง)
ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปเป็นเวลา 2 ทุ่ม เราก็ได้กลับไปที่พัก Chinatown เพื่อที่จะไปต่อที่สุดท้ายสำหรับวันนี้กัน มาถึงตรงนี้บอกเลยว่า จริงๆ ถ้าใครไม่ไหว ก็คือสต็อปแค่ตรง Universal Studio ก็พอนะ เพราะแพลนนี้ร่างแหลกมากกก😂 แต่ถ้าใครยังไหว ก็เตรียมพร้อมแล้วไปปาร์ตี้แดนซ์สไตล์วัยรุ่นกับพวกเรากันต่อเลยยย
8
Day 2
– Zouk –
ปิดท้ายทริปวันที่ 2 ด้วย Zouk ไนท์คลับสายแดนซ์ที่ดีเจเปิดเพลงอย่างตึง ใครสายดริ๊งก์น่าจะชอบเลย ดื่มกันแหลกมาก เราอยู่ที่นี่ยัน ตี 2 แล้วก็กลับไปนอนที่ Chinatown โดยสวัสดิภาพค่า
ค่าเข้า : $40
📍Zouk
9
Day 3
– Hong Kong Style Chee Cheong Fun –
เริ่มต้นเข้าวันที่ 3 ด้วยการตื่นมาแวะกิน Hong Kong Style Chee cheong Fun ร้านข้าวม้วนนึ่ง จากศูนย์อาหาร Farrer Park ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในร้านมิชลินไกด์ด้วยนะ ขอยกนิ้วเรื่องรสชาติให้เลย
ที่สำคัญคือคุณป้าเขาน่ารักมากกก คอยชวนคุยอยู่ตลอด ขอถ่ายรูปอะไรใดๆ ก็ให้ถ่ายด้วย ซึ่งที่นี่จะมีป้าผู้หญิงสองคนคอยช่วยกัน คนนึงตักน้ำข้าวลงบนกระทะ รอให้เป็นแผ่น อีกคนก็จะเอาแผ่นข้าวที่ได้มาตัดแบ่ง เพื่อห่อกับกุ้งบ้าง หมูบ้าง แต่ตอนเราไปกิน เราขอเขาแบบเปล่าๆ ไม่ต้องห่อ น้องเมนูนี้มีชื่อว่า Cheong Fun แค่ $3 เท่านั้น ซึ่งตอนเขาเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ บอกเลยว่าอร่อยฟินสุดๆ เลย ใครอยากลองกินข้าวม้วนนึ่ง ต้องลองมากินนะ ราคาถูกแถมยังอิ่มด้วยยย
📍Pin Wei Hong Kong Style Chee Cheong Fun
10
Day 3
– Reddot Design Museum –
หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถเมล์ไปดูพิพิธภัณฑ์ Reddot กันต่อเลย ใครชอบวงการ Innovation การออกแบบ น่าจะรู้จักกันนะ เพราะเวลาที่เราเห็นงานออกแบบต่างๆ ได้รางวัล เรดดอท อะวอร์ด (Red Dot Design Award) นั่นหมายความว่าของชิ้นนั้นได้รางวัลรับรองด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลกจากประเทศเยอรมันนี โดยกว่าจะได้รางวัลนี้ก็ต้องคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอนมากๆ
ด้านในพิพิธภัณฑ์ จะออกแบบราวกับเรากำลังอยู่ในโลกอนาคต นอกจากนี้ยังจะได้เห็นนวัตกรรมแปลกใหม่ต่างๆ อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบบละลานตา ที่นี่ก็เลยเหมือนเป็นศูนย์รวมของ Red Dot Design Award ระดับนานาชาติ ที่มีการจัดแสดงผลงานการออกแบบที่ได้รับรางวัลกว่า 300 ชิ้นจากหนึ่งในรางวัลการออกแบบอันทรงเกียรติที่สุดในโลก คือใครชอบการออกแบบ อยากให้ลองมาที่นี่สักครั้งหากได้มาเยือนสิงคโปร์เลย
11
Day 3
– National Museum –
เสพงานจนพอใจ เราก็เตรียมตัวไปอีกพิพิธภัณฑ์ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดนั่นก็คือ National Museum
National Museum แค่เห็นตัวอาคารก็บอกเลยว่าเหมือนอยู่ทำเนียบขาวที่ดีซี สถานที่นี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสิงคโปร์ ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวประเทศสิงคโปร์ด้วยรูปแบบแสงสีเสียง ที่ทำให้การเดินชมไม่น่าเบื่ออีกต่อไป โดยตัวพิพิธภัณฑ์จะเชื่อมกับหอศิลป์สแตมฟอร์ดไว้อยู่นะ ซึ่งที่เรามาดูจะเห็นเป็นแกลเลอรี่ชั้นใต้ดิน และแต่ละห้องจะแบ่งออกเป็นปีๆ
บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่สงคราม การสูญเสีย ไปจนถึงวัฒนธรรมต่างๆ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของสิงคโปร์เลย
ส่วนหอศิลป์สแตมฟอร์ด ช่วงนี้กำลังมีจัดนิทรรศการของโดเรม่อนด้วย!! ซึ่งรวมศิลปินทั่วโลกที่คัดมาแล้วเน้นๆ บริเวณหน้างานก็มีของซื้อด้วยนะ โดยของที่ว่าก็เช่นภาพจัดแสดงที่มารีเมคเป็นโปสการ์ดบ้าง จิ๊กซอว์บ้าง ถ้าใครอยากมาดู ต้องรีบน้า เพราะเจ้างานโดเรม่อน มีจัดตั้งแต่ 05 พ.ย. 2565 – 05 ก.พ. 2566 ใครที่มาสิงคโปร์ก่อนกุมภา บอกเลยว่าต้องมาดู ข้างในมีหลายโซนให้เดินชมแบบสนุกมาก
อะ นอกจากผลงานต่างๆ ก็ยังมีคาเฟ่โดเรม่อนด้วยน้า มาแวะกินโดรายากิไส้ถั่วแดงกันนน!
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 19.00 น.
ราคาค่าเข้า :
– SGD 30 สําหรับผู้ใหญ่
– SGD 25 สําหรับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
– สําหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมฟรี
12
Day 3
– Nasi Lemak Ayam Taliwang –
หลังจากเดินดูโดเรม่อนเสร็จ เราก็จะแวะมากินอาหารที่ Nasi Lemak Ayam Taliwang ร้านนี้จะอยู่แถว Management University ห่างกับ National Museum ไม่กี่เมตร นี่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านจากมิชลินไกด์ Ayam Taliwang คือเป็นร้านขายไก่ย่างที่หมักด้วยสูตรรสต้นตำรับของอินโดนีเซีย
เรื่องรสชาติ ส่วนตัวมองว่าไก่เขาหมักอร่อยเลยนะ รสชาติไม่ได้จัดมาก ราคาเริ่มต้นที่ $5.70
13
Day 3
– Orchard Road –
ปิดท้ายแพลนเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจกับถนนย่านการค้าดังของสิงคโปร์อย่าง Orchard Road ถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่กลับเต็มไปด้วยความสนุกสุขสันต์
ระหว่างเดินเข้าไปที่ถนน เราก็จะเห็นการแสดงต่างๆ ตลอดทาง รวมถึงร้านเล็กๆ น้อยๆ ที่เปิดขายตามทาง ก็จะเห็นคนต่อคิวซื้อกันยาวเหยียดเต็มไปหมด
พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะได้เจอกับนักดนตรีตลอดทาง มีจอ โปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ ฉายตามตึก พร้อมกับเสียงต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์
ดูก็รู้เลยว่าจุดนี้ช่วงเคาน์ดาวน์คนต้องแน่นแน่นอนน สำหรับใครที่อยากมาที่นี่ สามารถเดินทางมาลงได้ที่สถานี Orchard MRT Station (NS22)
เป็นยังไงกันบ้างกับแพลนเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนของพวกเรา จุใจกันไหมนะ สำหรับทริปนี้เราก็ไม่รู้ว่าเสียเงินไปเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆ ระหว่างออกเดินทางเนี่ย ค่าเที่ยวค่ากินน้อยกว่าค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ สะอีก😂
สำหรับใครที่ชอบแพลนนี้หรืออยากลองเรฟแพลนเที่ยวเราไปต่อยอดก็ยินดีเลยจ้า และท้ายที่สุด หลังจากเที่ยวกันเสร็จแล้ว ก่อนจะกลับ อย่าลืมไปหาซื้อของฝากสิงคโปร์ปังๆ กันด้วยน้าา ขอให้ทุกคนเที่ยวสิงคโปร์กันอย่างมีความสุขและสนุกตลอดทริปเลยค่าา แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าๆ นะ 🥰
