ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศยอดนิยมของคนที่อยากเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศแบบไม่ไกลมากนัก เนื่องจากการไปเที่ยวสิงคโปร์ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบิน ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ซึ่งที่ประเทศนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้เช็คอินเพียบ หรือพวกแหล่งช้อป แหล่งกินที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงวัฒนธรรมที่หลากหลาย เหมาะแก่การไปเที่ยวมากๆ เลยล่ะ ที่สำคัญยังใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารอีกด้วยนะ
——————————————-
สำหรับสายเที่ยวสิงคโปร์ อยากไปเที่ยวโซนไหน หรือหาอะไรกินต่อ ลองดูบทความอื่นๆ เพิ่มเติมจากข้างล่างได้เลยยย
Part I : มาเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์กัน
– รีวิว 2 ซิมสิงคโปร์แบบละเอียดยิบ พร้อมวิธีซื้อง่ายๆ จาก Klook
– 5 วิธีสมัคร SG Bike ปั่นจักรยาน เที่ยวสิงคโปร์ สุดมันส์
Part II : กิน/เที่ยวสิงคโปร์หลากสไตล์
– แจกแพลนปั่นจักรยานสิงคโปร์รอบเมอรีน่า เบย์ ด้วยงบ 100 บาท!
– 25 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ฉบับอัปเดตครบทุกสไตล์ ใครไม่ไปคือพลาด!
– เปิดพิกัด 16 สวนสิงคโปร์เด็ดๆ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองง่ายๆ
– เปิดพิกัด 25 ร้านมิชลินสิงคโปร์ที่จัดว่าเด็ด แบบต้องตามมากิน
– พาทัวร์ 17 เครื่องเล่น Universal Studio Singapore แบบจุใจ เล่นยังไงให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง!
– จัดทริปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน ครบทั้งที่กินดีๆ ที่เที่ยวเด็ดๆ แบบห้ามพลาด
1
หนังสือเดินทาง (Passport)
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เรามักจะได้ยินคำว่าพาสปอร์ตอยู่บ่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวพาสปอร์ตเนี้ย ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คือหนังสือเดินทาง ที่เป็นเอกสารรับรองสัญชาติของผู้ถือและเป็นเอกสารแสดงตนของเราเพื่อจะได้รู้ว่าเราเป็นตัวจริงไม่ใช่ตัวสำรอง และจะออกให้โดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ ไว้ใช้สำหรับเดินทางระหว่างประเทศนั่นเอง
หากเราไปประเทศสิงคโปร์ ก็ต้องเตรียมหนังสือเดินทางไว้ให้ดีเลยนะ และก็ต้องเช็คด้วยว่าหนังสือเดินทางของเรานั้นมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน โดยที่เรา ไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจลงตราหรือขอวีซ่าล่วงหน้าก่อนการเดินทางเลย ส่วนสำหรับใครที่มีการเปลี่ยนชื่อ ก็ต้องนำใบเปลี่ยนชื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของเรา ไม่งั้นก็อาจจะโดนเรียกตรวจจนทำให้เสียเวลาได้
2
วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine passport)
ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดกำลังคลี่คลายแล้ว แต่ว่าวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine passport) ก็ยังจำเป็นสำหรับการเดินทางอยู่นะ ซึ่งเราสามารถขอเล่มหนังสือด้วยตัวเองผ่านทางแอปหมอพร้อมได้เลย และเราต้องมารับที่อาคารบางรัก ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเซนต์หลุยด้วยตนเอง
ส่วนใครที่ไม่มีเวลามาเอาเล่มวัคซีนพาสปอร์ต สามารถเข้าไปแอปหมอพร้อมแล้วขอเป็นไฟล์ดิจิทัล เพื่อยืนยันกับเจ้าหน้าที่ด่านตม.ดูได้เลย แต่ว่าอาจจะต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้เขาเข้าใจด้วย แต่เราแนะนำว่าให้ปรินต์เป็นเอกสารเลยดีกว่า
3
เอกสาร SG arrival card (ICA)
บอกเลยว่าเป็นเอกสารที่สำคัญมากๆ หากใครไม่ได้กรอกเอกสาร SG arrival card (ICA) ก็อาจพลาดทริปเที่ยวสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ ซึ่งในระบบจะบังคับให้เรากรอกล่วงหน้า 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันก่อนเดินทาง โดยระบบจะขึ้นวันที่เราจะเดินทางไปให้ แต่ถ้ากรอกก่อนหน้านั้น ในระบบจะไม่ขึ้นวันที่เดินทางให้
โดยสามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดขอเอกสารได้ที่เว็บไซต์ : https://www.ica.gov.sg/
- เลือก Visitor
- เลือก Submit SG Arrive Card อ่านรายละเอียดให้เรียบร้อยแล้วไปที่ Submit Online
- เลือก Foreign Visitors ก่อนจะคลิกที่ Individual Submission จากนั้นก็กรอกรายละเอียดให้ครบจนสมบูรณ์
ซึ่งในท้ายที่สุด เราจะได้เป็นเอกสารไฟล์ PDF มา หลังจากนั้นให้เราปรินต์เอกสารออกมา เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ตม. ดู เพื่อป้องกันการถูกเข้าห้องดำนั่นเอง
ปล. เราสามารถเปลี่ยนเป็นภาษาไทยได้นะ ตัวปุ่มเปลี่ยนจะอยู่ริมขวาด้านบน
4
เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไป-ขากลับ
(Round trip Flight Booking)
อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ตม.ที่สิงคโปร์นั้นค่อนข้างเข้มงวดประมาณนึง เนื่องจากมีนักเดินท่องเที่ยวที่กลายเป็นผีน้อยกันเยอะอยู่พอสมควร ทำให้ทางตม.จึงต้องเข้มงวดในการตรวจมากขึ้น ดังนั้น เราจึงควรปริ้นต์เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไป-ขากลับ (Round trip Flight Booking ) ไปด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดแน่นอน ไม่ได้มาปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ในสิงคโปร์แบบถาวรนะ
5
เอกสารใบจองห้องพักของโรงแรม (Hotel Booking)
เมื่อเราปริ้นต์เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไป-ขากลับ (Round trip Flight Booking ) เสร็จแล้ว ต่อมาเราควรปริ้นต์เอกสารใบจองห้องพักของโรงแรม (Hotel Booking) ติดตัวเอาไว้ด้วย เพื่อยืนยันกับตม.ว่าเราได้ทำการพักอยู่ที่โรงแรมนี้ ไม่ได้ไปพักอยู่ที่อื่นหรือจะหนีไปอย่างผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ส่วนห้องพักที่เราจองนั้น สามารถจองผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น Agoda, Booking, Airbnb, Traveloka, Expedia, Trip, Hostelworld และอื่นๆ ตามความชอบของเราเลย
และที่สำคัญเราต้องอ่านรายละเอียดของราคาห้องพักในแต่ละเว็บไซต์ให้ดีๆ เลยว่า ราคาดังกล่าวนั้น รวมภาษีท้องถิ่นและค่าบริการแล้วหรือยัง เพราะบางเว็บไซต์ก็ยังไม่ได้รวมค่าบริการเหล่านั้น ทำให้เราต้องไปจ่ายค่าภาษีที่โรงแรมเอง
6
เตรียม Pocket Money ให้พร้อม
ประเทศสิงคโปร์จะใช้สกุลดอลล่าร์สิงคโปร์ (SGD) โดย 1 SGD จะเท่ากับ 25.67 บาทไทย ( ข้อมูลวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ) ซึ่งเราสามารถไปแลกได้ตามธนาคารใหญ่ๆ ได้ ตัวอย่างร้านแลกเงิน เช่น Superrich, X One Currency Exchange Center, Twelve Victory Exchange, Vasu Exchange, K79 Exchange และอื่นๆ
ส่วนเรื่องการเตรียม Pocket Money ของเรานั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนเดินทางของเราเลย ว่าเราเดินทางกี่วัน จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือจะช้อปปิ้งหนักแค่ไหน แต่ก็จะมีวีธีคำนวณคร่าวๆ โดยคิดจากค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าบัตรรถให้ประมาณนี้ก่อนค่า
– ราคาอาหารประเภท Hawker ในย่านต่างๆ ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ $3-6
– ศูนย์อาหารประเภท Food Court ในห้าง ราคาอาหารจะอยู่ที่ประมาณ $5-12
– ร้านอาหารดังๆ จะอยู่ที่ประมาณ $6 ขึ้นไป
– ค่าน้ำเปล่าตกขวดละ $2.7
– ราคาบัตรรถ* จะตกอยู่ที่ประมาณ $30
ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการคำนวนแบบเบื้องต้น เพื่อให้ทุกคนได้ลองคิดคำนวนกัน จากนั้นก็ไปแลกเงินได้เลย
แต่!!!!! ทุกคนอย่าพกเงินเกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ ประมาณ 500,000 บาท นะ ไม่งั้นโดนตม.เรียกตรวจแน่นอน!
*หมายเหตุ ราคาบัตรรถอิงจากบัตร The Singapore Tourist Pass สามารถอ่านต่อได้ที่หัวข้อการเดินทางน้าาา
7
ซิมการ์ด
อาจมีคนสงสัยว่าถ้าเดินทางไปสิงคโปร์จำเป็นต้องซื้อซิมใหม่มั้ย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องซื้อเลย เพราะเราสามารถเปิดโรมมิ่ง (Roaming) เพื่อให้ใช้งานโทรศัพท์เบอร์เดิมได้ แต่ก็อาจจะเสียเงินไปจำนวนไม่น้อยเลย
ส่วนการซื้อชิมการ์ดใหม่นั้น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยม ซึ่งมีทั้งซิมของในประเทศไทย ได้แก่ ค่าย AIS, Truemove H และ Dtac หรือถ้าเป็นซิมของทางประเทศสิงคโปร์ก็จะมีอยู่ 3 เจ้าหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ Singtel, Starhub และ M1 ซึ่งเราอาจจะปักหมุดไปซื้อซิมของสิงคโปร์ได้ที่ร้าน Cheers ตอนถึงสิงคโปร์แล้ว (เขาบอกว่าคุ้มน่ะ!) โดยรายละเอียดการใช้งานจะใกล้เคียงกัน ดังนั้นเราอาจจะต้องเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าของซิมแต่ละเจ้าให้ดีนะ
8
การเดินทาง
การเดินทางในประเทศสิงคโปร์นั้นมีความสะดวกมากๆ เลยล่ะ เพราะซื้อแค่บัตรเดียวก็เอาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถบัส, รถไฟฟ้า หรือรถแท็กซี่ หรือถ้าใครอยากปั่นจักรยานรอบเกาะก็มีเหมือนกันนะ (คนต่างชาติไปขี่ได้นะ เพราะเขาก็มีวิธีสมัครขอยืมจักรยานแบบง่ายๆ ให้ด้วย) แต่ถ้าใครอยากเดินทางรอบตัวเมืองให้ครบๆ การเดินทางด้วยบัสและรถไฟฟ้าก็อาจจะครอบคลุมกว่านั่นเอง ว่าแต่ที่สิงคโปร์มีบัตรอะไร แล้วแต่ละบัตรจะสามารถใช้ขึ้นรถชนิดไหนได้บ้าง เรามาดูกัน!
บัตs EZ-Link และ Net FlashPay
– บัตรนี้เป็นบัตรยอดนิยมเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ได้มีไว้ใช้แค่ขึ้นรถเท่านั้น แต่ยังเป็นบัตรที่สามารถใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหารบางแห่งได้อีกด้วย
– โดยเราสามารถซื้อบัตรใหม่ในราคา $12.0 ซึ่งจะมีมูลค่าในบัตร $7.0 และหากต้องการเติมเงิน ก็จะมียอดเติมขั้นต่ำที่ $10.0
– เป็นบัตรรถชนิดเติมเงินที่ใช้ขึ้นรถได้ทุกประเภท ทั้ง MRT, LRT, รถบัส, แท็กซี่
– สามารถใช้จ่ายเงินซื้อของในร้านที่ร่วมรายการได้ เช่น 7-11. Cheers, KOI Cafe, McDonald’s แบบว่าสะดวกสุดๆ ไปเลย
บัตร The Singapore Tourist Pass
– เป็นอีกบัตรที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งบัตร EZ-Link นี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวเลย
– สามารถใช้นั่ง MRT, LRT และรถบัสแบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว โดยเลือกซื้อตามจำนวนวันเดินทางคือ 1 วัน $20, 2 วัน $26 และ 3 วัน $30 โดยมีค่ามัดจำบัตร $10.0
– บัตรชนิดนี้จะขายเฉพาะในเคาน์เตอร์สถานีใหญ่ๆ เช่น สนามบิน Changi, สถานี Orchard, HarbourFront, Raffles Place, Bugis, Chinatown เป็นต้น
บัตร Standard Ticket
– บัตรรถไฟฟ้าแบบเที่ยวเดียวเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เดินทางบ่อยๆ
– สามารถหาซื้อได้จากตู้อัตโนมัติ โดยจะมีเงินมัดจำบัตร 10 cent อยู่นะ
หรือถ้าหากใครอยากใช้ของไทย เราก็แนะนำให้ใช้แอปกสิกร สมัครบัตร Youtrip แลกเงินได้เหมือนกัน รวมถึงธนาคารอื่นๆ ด้วย
9
ประกันภัยการเดินทาง
การประกันภัยการเดินทางจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบิน, กระเป๋าเดินทางหายหรือล่าช้า, เกิดอุบัติเหตุระหว่างเที่ยวอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้เราต้องเสียเวลาหรือจ่ายค่ารักษาที่ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ดังนั้นหากเราสมัครไว้ก่อนย่อมเป็นการเตรียมตัวที่ดีกว่านะ
10
กฎหมาย
ถ้าใครไปถึงประเทศสิงคโปร์แล้ว เรามักจะไม่เห็นขยะแม้แต่ชิ้นเดียว เนื่องจากประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยในระดับที่ดีมาก โดยมีกฎหมายที่เข้มงวดและมีบทลงโทษสูงในการกระทำผิดต่างๆ บอกเลยว่าอย่าทำผิดกฎแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่งั้นอาจเสียน้ำตาได้!
ซึ่งพวกเรา Lifesara ขอคัดกฎหมายแบบคร่าวๆ ที่เราควรรู้ไว้ก่อนออกเดินทางมาให้ทุกคนได้อ่านกัน กฎต่างๆ เหล่านี้ อันได้แก่
– ไม่ทิ้งขยะในถังขยะ ปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
– ปัสสาวะในที่สาธารณะ ปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
– ข้ามถนนในที่ห้ามข้าม จำคุกสูงสุด 3 เดือน หรือปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
– เมาสุราในที่สาธารณะ จำคุกสูงสุด 1 เดือน หรือปรับสูงสุด 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
– ทะเลาะวิวาท โทษสูงสุดจำคุก 1 ปี หรือเสียค่าปรับ สูงถึง 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ
– ลักทรัพย์ (ลัก จี้ ชิง ปล้น หรือขโมยของในร้านค้า) จำคุก 3 – 7 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
– ซื้อหรือขายบุหรี่หนีภาษี ปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถ้าทำผิดซ้ำอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี
– เล่นการพนันแบบผิดกฎหมาย โทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนหรือเสียค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
เห็นแบบนี้แล้วก็เข้าใจเลยว่า ทำไมผู้คนในประเทศสิงคโปร์ถึงเป็นระเบียบกันมากๆ เลย เพราะงั้นใครที่จะไปเที่ยว ก็ต้องระวังและรักษากฎหมายตามบ้านเมืองของสิงคโปร์ด้วยน้า
11
What’s in my bag
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ลองมาดูกันว่าเราจะต้องเตรียมอะไรไปเที่ยวสิงคโปร์กันบ้างน้าาา?
หมวดเอกสาร
– หนังสือเดินทาง (Passport)
– วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine passport)
– เอกสาร SG arrival card (ICA)
– เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไป-ขากลับ (Round trip Flight Booking)
– เอกสารใบจองห้องพักของโรงแรม (Hotel Booking)
หมวดเงิน
– บัตรเครดิต / เดบิต
– เงินสด
หมวดเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ
– เสื้อผ้า
– แปรงฟัน ยาสีฟัน แชมพูสระผม สบู่อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว
– สกินแคร์
– เครื่องสำอาง
– เจลแอลกอฮอล์
– มาสก์
หมวดของกิน
– มาม่า
หมวดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
– ที่ชาร์จโทรศัพท์
– โทรศัพท์
– กล้องถ่ายรูป อย่าลืมเตรียมแบตกับเมมกล่องนะ !
– ปลั๊กแบบ Travel Universal Adapter ( ควรมี! )
ใครแพ็กกระเป๋าตามนี้ครบแล้ว ก็ไปเที่ยวกันให้สนุกได้เลยยย