เราเคยสงสัยมั้ยว่าเวลาที่เราทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะถอน โอน หรือทำบัตรเครดิต ยื่นสินเชื่อ เราที่เป็นลูกค้าที่ไปใช้บริการส่วนมากก้รู้ว่าธนาคารมีเงื่อนไขกับการใช้บริการกับเรามาโดยตลอด  ซึ่งเราก็ยอมทำตามเงื่อนไข ข้อกำหนดต่างๆ จนเคยชิน จนอาจลืมไปเลยว่าเรามีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างที่สมควรรู้ในระหว่างใช้บริการธุรกรรมการเงินต่างๆ

บอกเลยใครที่มีบัตรเครดิต ยื่นสินเชื่อหรือกู้เงิน รู้แล้วจะดีมาก เพราะสิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงินเหล่านี้ จะช่วยทำให้รู้ทัน พร้อมกับปกป้องตัวเราจากการเรื่องที่อาจไม่ดีตลอด

อ้างอิงข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย

 1

สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน
ที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่บิดเบือน

สิทธิแรกที่เราจะได้เลยคือเรามีสิทธิ์ที่จะสอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินได้ทุกช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะโทรสอบถามพนักงาน สาขาสำนักงานใหญ่ สาขาอื่นๆ รวมถึงเว็บไซต์ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อที่เราจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจน ช่วยในการประกอบการตัดสินใจมากขึ้น แต่หากธนาคารหรือพนักงานให้ข้อมูลบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยน เราก็สามารถแจ้งทางธนาคารได้ทันที 

 2  

สิทธิที่จะเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระ เราสามารถเลือกเองได้

เชื่อว่าหลายคนที่ไปธนาคารก็มีจุดประสงค์ในการไปจัดการธุระทางการเงินของตัวเอง ไม่ว่าจะไปเพื่อทำบัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต ทำประกัน หรือยื่นสินเชื่อก็ล้วนแต่ผู้คน เแต่เคยมั้ยที่จู่ๆ บางธนาคารก็แนะนำให้เราทำบริการอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะแนะนำให้ทำบัตร แนะนำให้เปิดบัญชีเงินฝาก รวมทั้งการทำประกันต่างๆ ที่ไม่ใช่หนึ่งในจุดประสงค์ของเราตั้งแต่แรก บางคนอาจจะมีความเกรงใจ การถูกโน้มน้าวใจจนลืมไปว่าถ้าเราทำแล้วจะดีต่อเราหรือเขากันแน่ เพราะงั้นเราก็สามารถปฎิเสธได้ทันที  ไม่จำเป็นที่จะต้องตกลงเสมอไป

 3  

สิทธิที่จะได้เรียกร้องความเป็นธรรม เพราะนั่นคือสิทธิ์ของเรา

เคยมีเคสคนส่งเอกสารเพื่อสมัครบัตตรเครดิตแต่ว่าเอกสารดันไม่ครบถ้วน เพราะเจ้าหน้าที่บอกข้อมูลผิดพลาด ไม่ครบตามความจริง ซึ่งจะถือว่าเป็นความไม่เป็นธรรมในแง่ของการให้ข้อมูล ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราสามาถแจ้งต่อหน่วยงานเพื่อร้องเรียนสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งจะมีศูนย์คุ้มครองในการใช้บริการทางการเงิน หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการรับคำร้องของเรา

 4  

สิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยเมื่อเกิดการเสียหาย

สำหรับใครที่ทำธุรกรรมทางการเงินไม่สำเร็จ ก็สามารถเรียกร้องความเสียหายได้ อย่างกรณีซื้อของไปแล้วระบบตัดเงินไปแล้ว แต่ไม่มีการชำระจริงให้ทางร้านค้า กดเงินสดแต่ไม่ได้เงิน เจ้าหน้าที่เอาบัญชีเราไปแอบอ้าง หรือเจ้าหน้าที่จงใจหรือประมาท อะไรก็ตามแต่ที่เป็นปัญหาเกี่ยวข้องกับระบบทางการเงิน เราสามารถแจ้งผลดำเนินงานและให้ทางธนาคารพิจารณาชดเชยความเสียหายให้เราได้ แต่กลับกันถ้าเป็นความผิดพลาดของเราเอง เช่น โอนเงินผิดบัญชี กรณีธนาคารก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 5  

สิทธิของผู้มีประวัติในเครดิตบูโร

หลายคนน่าจะรู้จักกันแล้วว่า เครดิตบูโรคืออะไร หรือใครยังไม่รู้สามารถไปดูคอนเทนต์เครดิตบูโรฉบับย่อได้เลย ซึ่งเราน่าจะรู้กันว่า เมื่อเราเปิดบัตรเครดิตเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าเราจะมีประวัติอยู่ในเครดิตบูโรทันที ซึ่งบริษัทนี้จะคอยรวบรวมประวัติและชื่อต่างๆ เพื่อที่ธนาคารจะได้ตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของเราได้ทั้งหมดจึงง่ายต่อการตรวจสอบนั่นเอง แต่การที่เขาเก็บข้อมูลของเราไปมากมายขนาดนี้ ในอีกมุมนึงเราก็ได้รับสิทธิความคุ้มครองตามกฎหมายอีกด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้างไปดูเลย

1. สิทธิเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล
ก่อนที่เราจะสมัครบัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่างๆ ในทางปฎิบัติเราจะต้องเซ็นชื่อในหนังสือให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลพร้อมกับใบสมัครสินเชื่อ ดังนั้นธนาคารจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ เพราะเราอนุญาตแล้ว และก่อนจะที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลของเรา ทางเครดิตบูโรจะออกหนังสือเพื่อแจ้งให้เราทราบภายใน 30 วัน 

2. สิทธิที่จะรู้ว่าธนาคารเก็บข้อมูลอะไรของเราบ้าง
เราที่เป็นเจ้าของข้อมูลที่ได้รับการอนุญาตไปก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกันว่า เครดิตบูโรนั้นเก้บข้อมูลอะไรของเราไปไว้บ้าง และมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งขอแก้ไขให้ถูกจ้องตามข้อเท็จจริง 

 6  

ถ้าธนาคารไม่อนุมัติจะต้องมีหนังสือปฎิเสธสินเชื่อ

อีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้จากการทำบัตรเครดิต หรือยื่นสินเชื่อคือเวลาสถาบันการเงิน หรือธนาคารปฎิเสธ ไม่อนุมัติสินเชื่อของเรา เขาจะมีเอกสารหรือใบแจ้งระบุอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะข้อมูลผิด เงื่อนไขไม่ถูกต้อง หรือเช็กกับเครดิตบูโร หรือบางกรณีอาจจะได้เจอ ธนาคารแจ้งว่าเราเคยค้างชำระติดบัญชีในแครดิตบูโรมาก่อน แต่แท้จริงแล้วเรามีหลักฐานว่าไม่เคยค้างชำระ ถ้าเกิดกรณีนี้เราสามารถบอกต่อเครดิตบูโรเพื่อเข้ารับการแก้ไข และเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มายื่นขอสินเชื่อใหม่ได้ 

ดังนั้นแล้วก่อนที่เราจะสมัครสินเชื่อ หรือกู้ยืมต่างๆ ก็อย่าลืมควรรู้ว่าสิทธิคุ้มครองจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ไม่โดนเอาเปรียบจากธนาคาร หรือถ้ามีปัญหาบางอย่างเราจะได้รู้ทันนั่นเอง