ตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นให้วีซ่าฟรี 15 วัน ใครหลายคนก็อยากไปญี่ปุ่นกันมากขึ้น ซึ่งวันนี้พวกเรา Lifesara ก็ไม่พลาดที่จะพาเพื่อนๆ ไปส่องสายการบินที่จะพาเราไปญี่ปุ่นแบบเซฟเงินมากขึ้น! นั่นก็คือสายการบิน Vietjet ของสัญชาติเวียดนามนั่นเอง แน่นอนว่าเราก็บินกับสายการบินนี้มาแล้วหลายครั้ง นี่เลยถือเป็นโอกาสอันดี ที่เราอยากมาบอกต่อสำหรับสายประหยัดเงิน ที่ตอบโจทย์มากๆ สำหรับการบินไปญี่ปุ่นคราวนี้กับทริป Vitejet Fukuoka!

โดยพวกเราก็เคยบินไปสิงคโปร์กับสายการบินนี้มาแล้ว แต่ไหงเพิ่งรู้มาว่าเขามีบินไปญี่ปุ่นที่ฟุกุโอกะเหมือนกัน เพราะงั้นมีเหรอที่จะไม่อุดหนุนอีก! สำหรับใครกำลังวางแพลนเพื่อเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดเงิน เราจะพาเพื่อนๆ ไปส่องกันดีกว่าว่า การไปขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Vietjet นี้จะมีอะไรน่าสนใจ เผื่อไว้เพื่อนๆ เก็บไว้ตัดสินใจเพิ่มเติมได้ อย่ารอช้า ลุยกันเลยย

 1  

สายการบิน Vietjet จองยังไง/เข้าเว็บไหน

มาเริ่มต้นกับการจองตั๋วกันก่อนดีกว่า ใครไปเที่ยวหรือไปลงสนามบินฟุกุโอกะ สามารถจองตั๋วเครื่องบิน Vietjet Fukuoka ได้โดยตรงที่นี่เลย

ซึ่งสำหรับสายการบินนี้จะมีทั้งแบบ Eco ชั้นประหยัด, Deluxe มีความพรีเมียมขึ้นมาหน่อย, SkyBoss อารมณ์ชั้นธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าที่เราไปนั้นเป็นแบบ Eco ราคาก็จะประหยัดมากขึ้น ซึ่งรอบนี้เราซื้อจะอยู่ที่หมื่นนิดๆ แถมราคารวมกับการโหลดกระเป๋า 20 กิโล และ Priority Check-in ให้แล้วด้วย คือนั่งชั้นธรรมดาแต่ได้สิทธิพิเศษของ Deluxe ปังไม่ไหวแล้ว แถมไม่ต้องไปจ่ายแยกต่อเลย

สำหรับตั๋วที่พวกเราได้จะเป็นรอบ 00:30 ยังไม่รวมกับการดีเลย์ด้วยนะ เพราะงั้นพอไปถึงฟุกุโอกะ ก็จะช่วงตอนเช้า 8:00 – 9:00 โมงพอดี ไหนจะรอตรวจขาเข้าอีกอาจจะใช้เวลามากขึ้น เพราะงั้นใครที่กลัวตัวเองจะหิว อยากตุนท้องก่อนลง แนะนำว่าตอนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้จองซื้ออาหารแบบ Prebook ในเว็บไซต์ดีกว่า เพราะว่าจะถูกกว่าซื้อบนเครื่องถึง 20% เลย แถมได้อาหารที่อยากกินชัวร์ เพราะบางเมนูถ้าเราไปสั่งบนเครื่อง อาจเกิดปัญหาของหมดบ้าง ก็คิดสะว่ากันตัวเองไว้ก่อนก็ดีนะ

 2  

ซื้อ Priority Checkin เคาน์เตอร์พิเศษ VIP สำหรับการเช็กอินดียังไง ?

แน่นอนว่าช่วยลดเวลา! 

เพราะการต่อคิวเป็นอะไรที่ทำให้ทุกคนเฟลและเหนื่อยมากก ใครอยากเช็กอินไวๆ อย่างที่บอกไปว่าอยากแนะนำ priority checkin สุดๆ คือมันเหมาะมากกับคนที่รักความสบาย ราคาเริ่มต้นแค่ 140 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน) ก็สามารถเข้าช่องพิเศษโดยที่ไม่ต้องรอคิวให้เหนื่อยใจเลย แนะนำว่าให้ซื้อทั้งขาไปและขากลับ

เพราะปกติช่องธรรมดาต้องรอนานมาก ถ้าเราไม่มีช่องพิเศษก็ต้องมาสนามบินล่วงหน้า 3-4 ชั่วโมงเพราะต้องรอคิวเช็กอินเยอะเลย ถ้ามาช้าตกเครื่องบินแน่ๆ แบบต้องใจแข็งนิดนึง แต่ถ้าเราซื้อ Priority Checkin หรือช่องพิเศษ VIP จะประหยัดเวลาได้กว่า 1-2 ชั่วโมง คือรอคิวประมาณ 3-4 คิวเท่านั้น ถือว่าเสียเงินเพิ่ม เพื่อซื้อความสบายใจแล้วกัน เพราะเราจะได้ไปเดินดูของ ช้อปปิ้ง หาอะไรกินระหว่างรอแบบไม่ต้องรีบ

ปล. Priority Checkin ช่องพิเศษนี้จริงๆ ได้แค่ SkyBoss, Deluxe เท่านั้นนะ แต่เรามันสายประหยัดที่ต้องการความสะดวก ก็ซื้อไปเลยยยจ้า 

เสร็จแล้วพี่พนักงานจะนำกระเป๋าไปชั่งน้ำหนัก และส่งต่อไปเลย แน่นอนว่า 20 โลคือรวมทุกกระเป๋าที่มาด้วยกันหมดเลย ก็คือไม่แพงมากสำหรับราคาประหยัด เสร็จแล้วก็เดินตัวปลิว เข้าไปซื้อของกินด้านในระหว่างรอขึ้นเครื่องเลย จากนั้นเราก็เดินไปตาม Gate ตามที่ตั๋วเครื่องบินกำหนดได้เลย ลุยยยย

พอเดินมาถึงเครื่องบินของเรา  พี่ๆ แอร์สวยๆ สจ๊วตหล่อๆ ก็จะยืนรับไหว้สวยๆ ต้อนรับผู้โดยสารอย่างใส่ใจ ใครกลัวไม่เจอที่นั่ง เดี๋ยวเขาก็จะช่วยแจ้งว่าที่นั่งเราอยู่ตรงไหน พอไปถึง วางกระเป๋าเสร็จสรรพ จากนั้นก็ใกล้ถึงเวลาที่เครื่องจะบินขึ้นไปแล้ว~ 

ก่อนเครื่องบินจะเตรียมพร้อมทะยานขึ้นฟ้า จะมีการสาธิตความปลอดภัยทุกครั้ง ซึ่งจะสอนตั้งแต่การใช้หน้ากากออกซิเจน การคาดเข็มขัดที่ถูกต้อง การใช้เสื้อชูชีพสวมยังไงบ้าง

 3  

จอง Prebook ซื้ออาหารก่อนใคร ดียังไง?

แน่นอนว่าถูกกว่า และกันของหมด!

เมื่อเครื่องขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศปลอดภัย ไม่นานพี่ๆ แอร์เขาก็จะเดินมาพร้อมกับรถเข็นอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้สั่งไปตั้งแต่ Prebook ที่จองช่วงซื้อตั๋วแรกๆ เลย เป็นบริการเสริมที่มีให้สำหรับคนที่มีตั๋วเครื่องบินแล้วเท่านั้น สามารถซื้อผ่านเว็บนี้เลยทุกคน เขาจะมีให้เรากรอกหมายเลขสำรอง, นามสกุล, ชื่อจริงหรือชื่อกลางเลยจ้า จากนั้นล็อกอินซื้ออาหารล่วงหน้าเลย พอเราซื้อไปแล้ว พี่ๆ แอร์เขาก็จะหยิบอันที่เราซื้อมาให้เราเลยยย พร้อมกินทันที

แต่สำหรับใครที่ไม่ได้จองมาก่อน บนเครื่องบินเขาจะมีเมนูเสียบอยู่ที่เบาะข้างหน้า เราสามารถหยิบมาดูเผื่ออยากกินอะไร แต่รอบของพวกเราคือรอบเที่ยงคืน แน่นอนว่ากินเยอะไม่ไหว เลยเอาแค่ครัวซอง ชาร้อนๆ กับน้ำชาเขียวดีกว่า หรือใครยังไม่อยากกินก็ค่อยตื่นช่วงก่อนถึงก็ได้จ้า ส่วนสำหรับการจ่ายเงินก็แนะนำให้หนีบเงินสดไปนะ มันใช้สแกนอะไรไม่ได้อยู่แล้วบนเครื่อง 😂 

ช่วงเวลากลางคืนพร้อมกับชาร้อนๆ กับชาเขียนเย็น ก็คือหวานกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ครัวซองกลมกล่อมไม่ค่อยอมน้ำมัน แซนวิชก็ดีเลยคำไม่ใหญ่มาก กินเยอะเดี๋ยวจุก แล้วราคาทุกเมนูทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่ถ้าแนะนำอยากบอกให้ลองชาเขียน คือมันนัวดี ขนาดพี่ๆ แอร์บนเครื่องเขาก็แนะนำตัวนี้เหมือนกัน ซึ่งจริงๆ แนะนำให้สั่งจองอาหารล่วงหน้านะทุกคน เพราะว่ากว่าเราจะผ่าน Gate ทุกช่องในฟุกุโอกะ แอบกินเวลาเกือบเที่ยงเลยนะ ใครที่กลัวหิวก็ซื้อรองท้องไปก่อนเลยจ้า

จากนั้นมาถึงฟุกุโอกะในเวลาสาย ข้อดีของที่นี่คือสนามบินตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง Hakata Station มาก คือใช้เวลาไม่นานก็จะถึงศูนย์รวมของกิน และการท่องเที่ยว อากาศที่เรามาช่วงนี้ก็คือค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว เต็มไปด้วยน้ำค้าง และหมอกยามเช้า โดยรวมคืออากาศดีเว่ออออ ขนาดอยู่สนามบินนะ แล้วที่ฟุกุโอกะ เป็นเมืองใหญ่ของภูมิภาคคิวชูงี้ ก็คือลงเครื่องปุ้บ ลุยเที่ยว เจอของกินเพียบ กินจุกๆ ไปเลย ดีต่อใจมากจ้า 

ซึ่งเราก็ไปเที่ยวตามแพลนที่วางไว้ เพื่อนๆ สามารถส่องไฮไลต์ 10 ที่เที่ยวฟุกุโอกะเพิ่มเติมได้เลยยย 

แต่ว่างานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลาาาา ได้เวลากลับไทยกันแล้วจ้าาาา

 4  

รีวิวขากลับไทย เป็นยังไงบ้าง ข้อควรระวังที่ต้องรู้? 

ขากลับนี่แหละประเด็น เพราะถ้าเราไม่ได้ซื้อ priority ล่ะก็รอนานมากกกก ด้วยความที่ Group Tour มีลงอยู่เรื่อยๆ และค่อนข้างต้องรอระดับนึงเลย ถ้ามาช้าก็คือรอนานกว่าที่ไทยมาห เพราะปกติ group tour เขามักจะรีบพาทีมมาเป็นคิวแรกๆ เพราะคนเขาเยอะด้วย เลยต้องใช้เวลานั่นเอง แต่ถ้าเรามี priority ก็เหมือนลดเวลาให้กับเราเพิ่มขึ้น แถมยังเวลานอนเยอะขึ้นอีกหน่อยด้วย ค่อยโล่งใจไปเปราะนึง

สำหรับการ Check in gate ขากลับ ที่ต้องผ่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน ซึ่งจุดนี้จะค่อนข้างเล็กและมีแค่จุดเดียว จึงต้องเผื่อเวลาส่วนนี้ด้วย เพราะขากลับเราไม่รู้ว่าคนเยอะน้อยแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ เยอะมากกว่าแน่นอน เพราะระหว่างที่เรารอขึ้นเครื่อง จะมีหลายสายการบินที่ออกเวลาใกล้เคียงกัน จึงต้องมาก่อนเวลาสักหน่อย เพราะคิวจะยาวเลย ซึ่งตอนที่เราไปต่อแถวเป็นช่วง 9.00 กว่าๆ คือรอเดินเข้าไปเกือบ 30-40 นาทีเลย ซึ่งการเผื่อเวลานี้เพื่อที่เราจะได้มีเวลาซื้อของฝาก แต่ด้วยความที่รอบบินของเราคือ 9:00 โมง ทำให้บางร้านยังไม่ได้เปิดมากขนาดนั้น 

แต่พอเดินเข้าไปใน Gate แล้วไม่เป็นไรนะสำหรับสายของฝาก เพราะยังมีร้านขนมให้ซื้อข้างในเป็น station สุดท้าย อย่างพวก Royce มีขายข้างใน เดินผ่าน migration เข้าไปก็เจอเลยจ้า มีหวังอยู่  ไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ตั้งแต่ snack box หรือของขวัญ แถมระหว่างรอเวลา ละแวกนั้นก็มีพื้นที่ให้นั่งเล่น ชิลๆ สำหรับเสพบรรยากาศฟุกุโอกะในวันสุดท้ายของทริปที่กำลังจะสิ้นสุดลง~

อาหารเช้าแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะจอง Prebook เหมือนเดิม

พอเราขึ้นมาแล้วก็เหมือนเดิมเลย พี่สจ๊วตเขาก็จะมาแนะนำ สาธิตการใช้อุปกรณ์ให้ปลอดภัยมากขึ้น ระหว่างที่เขาสาธิตเขาก็จะมีโบว์ชัวให้อ่านด้วย พร้อมกับแนบเมนูอาหารมาให้ เราก็สามารถหยิบมาดูอาหารบนเครื่องได้เลย

บอกเลยว่าเป็นการมาแชร์ประสบการณ์การไปฟุกุโอกะด้วยสายการบิน VietJet ที่ดีมากๆ เลยสำหรับการนั่งเครื่องบินที่อยากบอกต่อให้สำหรับคนที่อยากประหยัดเงิน และอยากเซฟเวลาให้ดีขึ้น เพราะงั้นก่อนจบรีวิวนี้พวกเราขอมารีแคปใหม่กันอีกรอบว่า จุดไหนที่ต้องจำก่อนเตรียมตัวไปญี่ปุ่นกับ VietJet กันบ้าง~

  1. ซื้อตั๋วเครื่องบินแบบ Eco ชั้นประหยัด+ โหลดกระเป๋า 20 กิโล รวมมาในราคาหมื่นต้นๆ  คือนั่งชั้นธรรมดาแต่ได้สิทธิพิเศษของ Deluxe แถมเราไม่ต้องไปจ่ายแยกต่ออีกด้วย 
  1. อย่าลืมซื้อ priority checkin ในราคาเริ่มต้น 140 บาท ช่วยลดเวลาการต่อคิวลงถึง 1-2 ชั่วโมง ! 
  2. จองซื้ออาหารแบบ Prebook ในเว็บไซต์ถูกกว่าซื้อบนเครื่องถึง 20% เลย แถมได้อาหารที่อยากกินชัวร์ เพราะบางเมนูที่สั่งไปอาจหมดด้วย
  3. ก่อนกลับกรุงเทพ อย่าลืมซื้อ priority checkin ขากลับ เพราะใช้เวลาค่อนข้างเยอะกว่า ด้วยความที่มีทัวร์มาต่อเนื่อง เลยต้องเซฟเวลา ซื้อความสบายใจจะดีกว่า

จองซื้อตั๋วได้ที่นี่เลย :   https://th.vietjetair.com 

จองซื้ออาหารล่วงหน้าได้ที่นี่เลย :   https://th.vietjetair.com/searchreservation