รู้หรือไม่ ที่เที่ยวในญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่โตเกียว โอซาก้า รวมถึงบนเกาะคิวชู (Kyushu) ยังมีจังหวัดศูนย์กลางที่สามารถบินตรงจากประเทศไทยไปลงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง! จังหวัดที่ว่าก็คือ.. ฟุกุโอกะนั้นเอง!!
ฟุกุโอกะ (Fukuoka) ตั้งอยู่บนเกาะคิวชู (Kyushu) เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของญี่ปุ่น!! ซึ่งหากให้นิยามแล้ว ฟุกุโอกะเป็นเมืองที่มีธรรมชาติอันงดงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เรียกว่าเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและการใช้ชีวิตในเมืองสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยมีไฮไลท์คืออาหารอร่อยด้วยสไตล์และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความสดของอาหาร กับเนื้อย่างอีกด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยคือประวัติศาสตร์อันยาวนานของฟุกุโอกะ
ดังนั้นวันนี้ LifeSara จึงขออาสาพาทุกคนไปตะลุยเที่ยว ฟุกุโอกะกับ 10 ที่เที่ยวฟุกุโอกะฟินๆ กับอีกหนึ่ง Activity Road Trip รอบเมือง!! ซึ่งขอบอกเลยว่านอกจากที่เที่ยวจะเยอะอย่างมีคุณภาพมากๆแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำอย่างแบบจัดเต็ม ตั้งแต่ช้อปปิ้ง ทานอาหาร ขอพรกับศาลเจ้าอายุกว่าพันปี เที่ยวดูประตูโทริอิที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาที่มาคู่กับวิวหลักล้าน ต่อด้วยการอุดหนุนสินค้าจากเกษตรกรชาวญี่ปุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย จะสนุกขนาดไหน และมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย!!
การเดินทางไปตามเก็บที่เที่ยวฟุกุโอกะรอบนี้ บอกเลยว่าเซฟเงินเยอะมาก เพราะเราได้มากับสายการบิน Vietjet ที่เหมาะกับสายประหยัดสุด ๆ คือจองตั๋วรอบเดียวได้ทั้ง prebook อาหาร ได้โหลดกระเป๋าอีก 20 โล และยังเพิ่มเงินเริ่มต้นเพียง 140 บาทก็ได้เข้าช่องพิเศษ ไม่ต้องรอคิวนานให้เหนื่อยใจเลย คุ้มมาก สำหรับใครที่กำลังมองหาสายการบินประหยัดๆ ค่อยไปเปย์กับการเที่ยวการกินเอาทีหลัง ต้องลองสายการบินนี้เลย (ใครอยากรู้ว่า บินไปญี่ปุ่นกับ Vietjet นั้นดียังไง ตามไปดูรีวิว Vietjet Fukuoka ฉบับเต็มได้เลยย )
หลังจากที่เราขึ้นเครื่องมาเรียบร้อย เป้าหมายของเราก็คือไป ฟุกุโอกะ จากภูมิภาคคิวชูนั่นเอง ละพอถึงปุ๊บก็เที่ยวปั๊บได้แบบฟินๆ เลยยย ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้มามือเปล่า เพราะเราขอมาแบ่งปันกับ 10 ที่เที่ยวฟุกุโอกะน่าสนใจ 2023 ใครกำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี อย่ารอช้า ไปดูกันต่อเลยจ้า
(ปล. ซึ่งถ้าใครสนใจอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบฉ่ำๆ ในราคาประหยัดแล้ว สามารถซื้อตั๋วของสายการบิน Vietjet ได้ตามลิงก์เลยน้า)
รีวิวสายการบิน Vietjet Fukuoka เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองฉบับคนเซฟเงิน!
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง พร้อมปัก 38 ที่เที่ยวโตเกียวห้ามพลาด
รีวิวเที่ยว One day trip ให้สนุกที่เมือง Gifu ประเทศญี่ปุ่น!
ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบ one day trip ที่ Toyama
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเมือง Nagano แบบ one day trip ด้วยตัวเอง!
1
Fukuoka Road Trip
ขอเปิดทริปด้วยการขับรถตะลอนรอบเมืองฟุกุโอกะ (Road trip) เมืองที่เกิดจาดการรวมตัวกันระหว่าง 2 เมืองคือ ฮากาตะ กับ ฟุกุโอกะ
การขับรถชมเมืองเล่นของพวกเราเริ่มต้นจากในเมือง ทำให้เห็นว่าฟุกุโอกะเป็นเมืองที่ทันสมัย แต่เงียบสงบมาก ขอเรียกว่าเป็นการผสมผสานความเก่าและใหม่กันอย่างลงตัว โดยยังสามารถคงเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ละที่ชอบมากๆ คือเมื่อเราขับรถออกมาจากเมืองไม่ไกล ก็ได้เจอกับทุ่งหญ้า ภูเขา ที่มาพร้อมกับทิวทัศน์อันงดงาม เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนในวันที่เหนื่อยล้ามากจริงๆ
2
Sumiyoshi Jinja
เปิดที่เที่ยวฟุกุโอกะที่แรก กับศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sumiyoshi-jinja ศาลเจ้าชินโตยอดนิยมที่ขึ้นชื่อในด้านสถาปัตยกรรม มีความโดเด่นด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1,800 ปี และนับว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
ศาลเจ้าสุมิโยชิ เป็นศาลเจ้าแห่งแรกในจิคุเซ็น ตั้งอยู่ในฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล 3 องค์ คือ Sokotsutsunoo, Natkatsutsunoo และ Uhatsutsunoo เชื่อกันว่าเทพทั้ง 3 มาสถิตอยู่ในศาลเจ้าใหญ่สุมิโยชิ ทำให้ในอดีต ชาวฮากาตะนิยมมาขอพรเพื่อให้ออกทะเลได้อย่างปลอดภัย ส่วนปัจจุบันผู้คนนิยมมาที่นี่เพื่อขอพรให้ดำเนินกิจการราบรื่น ไร้อุปสรรค
ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 3 ศาลเจ้าสุมิโยชิถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิ Keikō ก่อนจะถูกทำลายแล้วสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้งตลอดประวัติศาสตร์ จนล่าสุดในปี 1623 นากามาสะ คุโรดะ (Kuroda Nagamasa) เจ้าเมืองฟุกุโอกะ ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ โดยยังคงความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่เรียกว่า “sumiyoshi-zukuri” ซึ่งเป็นรูปแบบเก่าแก่ของศาลเจ้า มีลักษณะเฉพาะคือหลังคาที่ลาดเอียง และเป็นรูปแบบที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ เอาไว้ ทำให้ศาลเจ้าสุมิโยชิกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับงานแต่งงาน การสักการะทั่วไป และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของฮากาตะ
เมื่อเข้ามาข้างในศาลเจ้าสุมิโยชิ ที่นี่มีบรรยากาศที่เงียบสงบคู่กับลมพัดเย็นๆ และความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น โดยเมื่อมาที่นี่ กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว และสถานที่ที่ควรไปเห็นให้ได้ก็คือ
- ห้องโถงใหญ่ของศาลเจ้า
: มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า”sumiyoshi-zukuri” ได้รับการขึ้นทะเบียนทางวัฒนธรรมให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น และมีการแกะสลักปิดทองที่โดดเด่นด้วยรายละเอียดที่สลับซับซ้อน - ประตูโทริอิของศาลเจ้า
: ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในประตูหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และทำจากหินเพียงแค่ชิ้นเดียว!! - สวนรอบๆ ศาลเจ้า
: เพราะสวนของที่นี่ซึ่งตกแต่งสวยมากๆ มีสระน้ำที่เงียบสงบ และต้นซากุระที่ผลิดอกสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ - การแสดงตีกลองญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมของศาลเจ้า
: จัดขึ้นหลายต่อหนึ่งวัน เป็นไฮไลท์ที่ต้องไปดูให้ได้ - สวนสุมิโยชิที่อยู่ใกล้ๆ กัน
: ที่นี่เป็นสวนที่หลีกหนีความวุ่นวายจากเมือง เหมาะสำหรับการไปปิกนิกหรือเดินเล่นสบายๆ
ถ้าใครกำลังวางแผนเดินทางมาที่ศาลเจ้าสุมิโยชิ บอกเลยว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวฟุกุโอกะที่เปิดให้ท่องเที่ยวเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งไม่ต้องเสียค่าเข้าชมใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังเดินทางสะดวกมากด้วย โดยสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Sumiyoshi-jinja บนสาย Hakozaki
Entrance Fee : –
Opening Hours : 09.00 – 17.00 น.
Location : 3 Chome-1-51 Sumiyoshi, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0018, Japan
3
Hakata Station
ถึงแล้วสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุด และมีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในคิวชู ที่สถานีฮากาตะ ( Hakata Station) โดยสถานีฮากาตะ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2432 ก่อนจะถูกบูรณะและสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2544 ปัจจุบันสถานีฮากาตะ ทำหน้าที่เป็นสถานีศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของฟูกุโอกะ หรือจะเรียกว่าเป็นประตูสู่ฟุกุโอกะและทั่วทั้งเกาะคิวชูเลยก็ว่าได้ เพราะมีเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสายท้องถิ่น รถบัสระหว่างเมือง ไปจนถึงสนามบินฟุกุโอกะในที่เดียว!
ขอบอกเลยว่าสถานีฮากาตะหน้าตาดูทันสมัยมาก หลังคาโดมมีความโค้งหยัก เก๋สุดๆ โดยสถานีฮากาตะ นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการคมานาคมแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่น่าประทับใจด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและล้ำอนาคต สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเมือง ทำให้เวลาที่เราเข้าไปจะรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคตเลยจริงๆ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวบรวมร้านอาหารยอดนิยม ร้านค้า ร้านกาแฟ รวมไปถึง ครัวซองค์ของดีจากที่นี่ด้วย จะมีอยู่ร้านนึงในนี้ ใครอยากกินอย่าลืมดูนะทุกคนนน ไปจนถึงร้านขายของที่ละลึกเอาไว้แบบจุกๆ อีกด้วย
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากชิม ช้อป และใช้บริการโดยสารแล้ว เรายังสามารถสนุกและเพลิดเพลินไปกับการสำรวจบริเวณโดยรอบของสถานีฮากาตะได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Hakata Riverain Mall ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับสถานีฮากาตะ ทางเดินริมน้ำที่ให้บรรยากาศที่สวยงามและผ่อนคลาย และโรงภาพยนตร์
สถานที่เที่ยวฟุกุโอกะอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน Hakata Machiya ซึ่งจัดแสดงสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และศาลเจ้าคูชิดะ (Kushida-jinja) ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่จัดงานเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยมีเทศกาลสำคัญคือ เทศกาลฮากาตะ กิออน (Hakata Gion Festival ซึ่งจะเริ่มจัดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี
Entrance Fee : –
Opening Hours : 24 ชม.
Location : 中央街-1-1 博多駅 Hakata Ward, Fukuoka, 812-0012, Japan
4
Canal City
ศูนย์การค้าคาแนลซิตี้ (Canal City Hakata) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาคคิวชู ศูนย์รวมความบันเทิง ในย่านฮากะตะ ที่มีโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำนากะ และมีทางน้ำขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 180 เมตร ตัดผ่านใจกลางห้าง!!
พาย้อนกลับไปในปี 1996 เดิมพื้นที่ของศูนย์การค้าคาแนลซิตี้เป็นที่ตั้งของโรงงานที่มีพื้นที่ประมาณ 234,000 ตารางเมตร ก่อนจะถูก Jon Jerde สถาปนิกผู้ซึ่งทำงานในศูนย์การค้าและสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เลือกใช้จุดแข็งของพื้นที่อันประกอบไปด้วย น้ำ ธรรมชาติ และสีสันที่มีเอกลักษณ์ของเมือง มาออกแบบเนรมิตรจนกลายเป็นศูนย์การค้าคาแนลซิตี้ ที่มีความเก๋ไม่เหมือนที่ไหนมาก่อน
ขอแนะนำว่า เมื่อมาที่ Canal City Hakata สิ่งที่เราจะพลาดไม่ได้ก็คือ การมาดูคลองน้ำที่ถูกตัดผ่านใจกลางอาคาร ไปพร้อมกับการชื่นชมดีไซน์และการออกแบบตึก! อีกทั้งเขายังมีการแสดงน้ำพุอีกด้วย
และแน่นอนว่าในด้านกิจกรรมที่คาแนลซิตี้ฮากาตะก็มีให้ทำมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเพลิดเพลินไปกับการเดินช้อปปิ้งในร้านค้า กว่า 250 ร้าน ชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ สนุกไปกับการเล่นเกมมากมายที่ เกมเซ็นเตอร์ ก่อนมาผ่อนคลายด้วยการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารซึ่งก็มีให้เลือกเยอะมากกกก และที่นี่ยังมีมีร้านขายของสะสมตัวการ์ตูนจากนิตยสารจั๊ม (Shonen Jump) อีกด้วย!!
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนไม่แพ้กันแล้วยังอยู่ไม่ไกลจากคาแนลซิตี้ฮากาตะก็คือ Taito Station ที่นี่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับฟู้ดทรัค (Food truck) สตรีทฟูด และร้านอาหารมากมายตลอดเส้นทาง!!
Entrance Fee : –
Opening Hours : 10.00 – 21.00 น.
Location : 1 Chome-2 Sumiyoshi, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0018, Japan
5
Tenjin Underground Mall
Tenjin Underground Mall ห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งที่ตั้งอยู่ใต้ดิน ในย่าน Tenjin เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีร้านค้าให้เลือกซื้อเยอะและหลากหลายมาก กว่า 150 ร้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟที่มาพร้อมกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นใน Tenjin Underground Mall เช่น ตลาดนัด การแสดงสด และงานอื่น ๆ ที่น่าสนใจ นับเป็นแลนด์มาร์คในฟุกุโอกะที่ไม่ควรพลาด!!
ซึ่งห้างใต้ดินเทนจินเปิดในปี 1963 ตั้งอยู่ใต้ดิตของถนนในตัวเมืองฟุกุโอกะ ที่นี่ตั้งใจมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สะดวกสบายให้กับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็ปกป้องคนที่มาที่นี่จากสภาพอากาศหนาวจัดของญี่ปุ่นได้อีกด้วย โดยนับตั้งแต่เปิดตัวTenjin Underground Mall มา ห้างนี้ก็ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักช้อปไปแล้ว
สำหรับคนที่มาที่ Tenjin Underground Mall สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการเลือกซื้อสินค้า ในร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ และของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟอีกมากมายให้เราเลือกรับประทานได้ตลอดทาง
ซึ่งในส่วนของกิจกรรมที่นี่ก็มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมายไม่ว่าจะเป็นการลิ้มลองอาหารท้องถิ่น การเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ ไปพร้อมกับเลือกซื้อของที่ละลึก อีกทั้งที่นี่ยังมีการจัดแสดงศิลปะและเทศกาลทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเข้าชมได้ตามความสนใจเลย
หรือถ้าเดินจนเบื่อแล้ว ใกล้ๆกันก็มีที่เที่ยวให้เลือกอีกเยอะมาก เช่น Tenjin Central Park และ Fukuoka City Museum!!
Entrance Fee : –
Opening Hours : 05.30 – 20.00 น.
Location : 〒810-0001 Fukuoka, Chuo Ward, Tenjin, 2 Chome, 地下1・2・3号, Japan
6
Donki Donki
เห็นเพนกวินตัวฟ้าหมวกแดงตัวนั้นไหม มาญี่ปุ่นทั้งที จะพลาดไม่เข้าร้าน Donki Donki ได้ยังไง!! ขอเสนอให้รู้จักกับ Donki Donki ร้านค้าจากญี่ปุ่นที่ตอนนี้กำลังขยายสาขาในไทยเยอะมาก โดยร้านแรกเปิดในย่านรปปงหงิของโตเกียว ก่อนจะขยายสาขาไปทั่วญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ว่าไปแล้วเพลงก็ดังขึ้นมาในหูทันที
ซึ่ง Donki Donki สาขาฟุกุโอกะ ที่เราเข้าไปเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Canal City Hakata(ค้นแมพไม่เจอ) แน่นอนว่ามีของให้เลือกเยอะมาก สมกับร้านที่ตั้งในประเทศต้นกำเนิด ที่นี่มีตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ขนม เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมายในราคาลดพิเศษสุดๆ
ที่พลาดไม่ได้เลยคือ ถ้ามาที่ Donki Donki ในฟุกุโอกะ ก็ต้องลองชิมขนมกับอาหารที่เขาว่ากันว่ามีแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ป๊อกกี้ คิทแคทรสแปลกๆ และอุไมโบะ (ขนมข้าวโพดทรงกระบอก) และอื่นๆอีกมากมาย เรียกว่ากินเพลินสุดๆ
Entrance Fee : –
Opening Hours : 24 ชม.
Location : 1 Chome-20-17 Imaizumi, Chuo Ward, Fukuoka, 810-0021, Japan
7
Kitte OIO
ใกล้ ๆ กับ Hakata Station มีอีกหนึ่งที่ ที่นักช้อปต้องไป สถานที่ที่ว่าก็คือ Kitte OIO หรือ Kitte Hakata ห้างสรรพสินค้ายอดนิยมที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งความบันเทิง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ Fukuoka City Sogo Library ห้องสมุดสาธารณะสมัยใหม่ที่มีหนังสือ นิตยาสาร และสื่อมัลติมีเดียมากมายให้เลือกศึกษา แล้วยังมีร้านอาหารให้เลือกทานเยอะมาก ๆ อีกด้วย
โดยเราสามารถเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งระหว่างรอเวลารถไฟได้ แล้วด้านล่างมีของให้เลือกกินเยอะมาก แถมยังเปิดดึกสุด ๆ ด้วย!!
Entrance Fee : –
Opening Hours : 07.00 – 00.00 น.
Location : 9-1 Hakataekichuogai, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0012, Japan
8
Nanzoin
มาต่อกันกับที่เที่ยวฟุกุโอกะอีกที่ที่เป็นไฮไลต์ อย่างวัดนันโซอินในฟุกุโอกะ (Nanzoin) วัดพุทธนิกายชินง่อนที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 774 และมีประวัติอันยาวนานกว่า 1,200 ปี วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงจากพระนอนขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก!! อีกทั้งที่นี่ยังได้รับการเล่าต่อ ๆ กันอีกด้วยว่าขึ้นชื่อเรื่องพรด้านการเงิน และการค้าขาย!!
ภายในวัดนันโซอิน เราจะได้เจอกับพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เจดีย์ หอระฆัง สวนที่มีความงดงาม รูปปั้นและศาลเจ้าขนาดเล็กหลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่ง จะมีประวัติและตำนานที่เป็นเอกลักษณ์ และนอกจากนี้วัดนันโซอินยังเป็นที่รู้จักในฐานะส่วนหนึ่งของการแสวงบุญ 88 วัด ของญี่ปุ่นอีกด้วย
มากันที่กิจกรรม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมในการปฏิบัติทางพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม เช่น การทำสมาธิและการคัดลอกพระสูตร ไปพร้อมกับการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของวัดและหลักปฏิบัติของพุทธศาสนานิกายชินงอนผ่านทัวร์พร้อมไกด์และจากการพูดคุยโดยตรงกับพระสงฆ์ประจำวัด
ไฮไลท์เมื่อมาที่นี่คือการเซียมซีน้ำ โดยเราจะจับเซียมซีซึ่งเป็นกระดาษเปล่ามา แล้วพอเราเอาไปจุ่มน้ำ คำทำนายจะปรากฏขึ้น!! เรียกว่าเสี่ยงโชคสนุกและแหวกแนวสุด ๆ ! แล้วที่นี่ยังมีตำนานเรื่องเจ้าอาวาสถูกหวย 130 ล้านเยนอีกด้วย เลยเป็นที่มาที่ทำให้วัดนันโซอินเป็นแหล่งพลังงานของโชคลาภ และเงินทอง
โดยรวมแล้ว วัดนันโซอินเป็นสถานที่เที่ยวฟุกุโอกะที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และศาสนา แอบกระซิบว่าร้านไอติมชาเขียวของที่นี่ดังและอร่อยมาก ๆ อีกด้วย ถึงขนาดมีคนเดินทางมาที่นี่เพื่อตั้งใจมากินไอติมชาเขียวกันเลยทีเดียว
Entrance Fee : –
Opening Hours : 10.00 – 16.30 น. (เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุด 09.00 – 17.00)
Location : 1035 Sasaguri, Kasuya District, Fukuoka 811-2405, Japan
9
Dazaifu
ถึงแล้วดาไซฟุ (Dazaifu) เมืองเล็กๆในฟุกุโอกะ ที่อัดแน่นไว้ด้วยอาหาร วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี บอกเลยว่ามาฟุกุโอกะแล้วมาไม่ถึงเมืองนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากกกกก
โดยในอดีต ดาไซฟุเคยเป็นที่ทำการของจักรพรรดิที่ปกครองเกาะคิวชูซึ่งถูกย้ายจากเมืองฟุกุโอกะในในปี 663 และถูกย้ายกลับไปในปี 1600 ทำให้ในอดีต ดาไซฟุทำหน้าที่เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองและด่านหน้าทางทหารของคิวชู
ถ้าถามว่ามาดาไซฟุมีอะไรให้ดูบ้าง? บอกเลยว่าที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลายประสบการณ์ให้เราไปสัมผัสเรียนรู้เยอะมาก อีกทั้งร้านดังที่มีคนต่อแถวมากมายก็มาอยู่ที่นี่หมดแล้ว จะมีที่ไหนและอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมังงุ
: เป็นศาลเจ้าชินโตยอดนิยมที่มีความสำคัญมาแต่อดีต โดยศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้และการศึกษา ซุงะวะระ โนะ มิชิซาเนะ เทพเจ้าที่เป็นทั้งนักวิชาการ นักการเมือง และนักเขียนที่ได้รับการยกย่องจากผู้คนมากมาย ศาลเจ้าแห่งนี้ก็เลยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอะมากกกก ในช่วงฤดูสอบ เนื่องจากนักเรียนต่างมาขอพรให้โชคดีในการเรียน
สะพานไทโคบาชิ
: เมื่อมาที่ศาลเจ้าดาไซฟุสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยคือสะพานไทโคบาชิ เป็นสะพานแดงสำหรับเดินข้ามสระน้ำ และเป็นพิกัดที่คนมาถ่ายภาพเยอะมาก ๆ แล้วที่นี่ยังมีความเชื่ออีกว่าเมื่อเดินขึ้นมาแล้วห้ามเดินย้อนกลับ ต้องเดินไปให้สุดขอบสะพาน!!
Dazaifu walking street
: ตามไปกินสตรีทฟู้ดร้านดังของ Dazaifu ไม่ว่าจะเป็นไดฟูกุจากร้านดังที่เคยได้รับรางวัล Best sweet 2014 ไม่ไกลมากมีเนื้อย่างเตาไฟลุกร้อนแรงที่มาพร้อมกับกลิ่มหอมกรุ่น สนุกไปกับการต่อแถวรอซื้อเมนูถั่วแดง แล้วซื้อไก่ทอดและสามชั้นที่อร่อยแสงออกปาก ขนมปังปลาคนต่อคิวเยอะมากกกกกกกก มีร้านตุ๊กตาที่เป็นของ Studio Glibli ด้วย โทโทโร่น่ารักนุ่มนิ่มสุดๆ และต่อด้วยการจับฉลากเสี่ยงทายทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องความรัก
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู
: พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของคิวชูผ่านคอลเล็กชันโบราณวัตถุมากมาย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสวนสวยและร้านอาหารที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอีกด้วย
วัดโคเมียวเซ็นจิ
: วัดเซนที่ขึ้นชื่อเรื่องสวนสวยและพิธีชงชา ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมพิธีชงชาและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มชาของญี่ปุ่นได้ เป็นการเปิดประสบการณ์การชงชาแบบลงลึกสุดๆ
นอกจากการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้ว สิ่งที่ต้องทำในดาไซฟุ ยังมีมากมาย ประกอบไปด้วย
ลองอุเมะกะโมจิ
: แค่ชื่อก็อร่อยแล้ว อุเมะกะโมจิคือขนมแบบดั้งเดิมที่ทำจากข้าวเหนียวและถั่วหวาน เป็นสินค้าพิเศษของดาไซฟุและสามารถพบได้ในร้านค้ามากมายในพื้นที่
เยี่ยมชมตลาดดาไซฟุ เท็นมังงุ
: ตลาดนี้จัดขึ้นทุกวันที่ 4 และ 14 ของทุกเดือน โดยมีอาหารและงานฝีมือท้องถิ่น เป็นสถานที่ที่ดีในการลองชิมอาหารท้องถิ่นและเลือกซื้อของที่ระลึก
เดินเล่นในสวนของศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu
: ศาลเจ้าที่มีสวนที่สวยงาม โดยจะสวยมากเป็นพิเศษในฤดูที่ดอกซากุระบาน
Entrance Fee : –
Opening Hours : 24 ชม.
Location : Dazaifu, Fukuoka, Japan
10
Minaminosato Rest Area
ระหว่างทางกลับจากวัด Dazaifu มีหนึ่งจุดพักรถที่ควรแวะ ก็คือ Minaminosato Rest Area ซึ่งเป็นอาคารที่เป็นแหล่งขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของชาวดาไซฟุ ส่วนตัวแล้วชอบมาก น่ารักสุดๆ มีของให้เลือกซื้อเยอะ หลากหลายประเภท ทั้งสินค้าแปรรูป ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล สตอเบอรี่ แล้วแพคเกจจิ้งก็น่ารักสุดๆ เหมาะแก่การซื้อไปเป็นของฝากมาก ที่ชอบเป็นพิเศษคือการได้อุดหนุนเกษตรกรโดยตรง สำคัญคือราคาน่ารักมากด้วย
Entrance Fee : –
Opening Hours : 09.00 – 17.00 น.
Location : 866 Minami, Chikuzen, Asakura District, Fukuoka 838-0205, Japan
11
Ukiha Inari Shrine
ศาลเจ้าอุกิฮะอินาริ (Ukiha Inari Shrine) ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในเมือง Ukiha เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในญี่ปุ่นด้วยความโดดเด่นของประตูโทริอิที่ทอดยาวลงไปตามบันไดแบบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด และทิวทัศน์ที่งดงามจนยากจะลืม
ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับอินาริ เทพเจ้าแห่งการเกษตรของศาสนาชินโต เชื่อว่าจะนำโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้ที่มาเยี่ยมชม โดยศาลเจ้าอุกิฮะอินาริก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 725 ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าอินาริที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ในปัจจุบัน ศาลเจ้าอุคิฮะอินาริเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ โดยคนนิยมเดินทางมาเพื่ออธิษฐานขอโชคลาภ และความมั่งมีศรีสุข
โดยวิธีการที่เราจะขึ้นไปด้านบนได้นั้นมีอยู่ 2 วิธี วิธีแรกคือการเดินเท้าจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ส่วนอีกหนึ่งวิธีคือเราสามารถขับรถขึ้นไปจอดบริเวณกลางภูเขา และเดินขึ้นไปต่ออีกครึ่งทาง!
เมื่อมาที่ศาลเจ้าอุกิฮะนาริแล้ว นอกจากการขอพร ผู้คนมักจะมาเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงซากุระบาน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของศาลเจ้าอุกิฮะอินาริคือทางเดินที่มีเสาโทริอิเรียงรายซึ่งนำไปสู่อาคารศาลเจ้าหลัก ถัดมาคือห้องโถงหลักของศาลเจ้าซึ่งประดับด้วยงานแกะสลักและภาพวาดที่ประณีตมากๆ นอกจากนี้ บริเวณศาลเจ้ายังเป็นที่อยู่ของรูปปั้นจิ้งจอกซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ส่งสารของอินาริ
ที่นี่มีการทำพิธีชินโตแบบดั้งเดิมด้วย โดยเราสามารถเข้าร่วมได้หลายอย่างเลย เช่น การเซ่นไหว้ที่ศาลเจ้าหลักหรือเขียนคำอธิษฐานบนเอมะ (แผ่นไม้เล็กๆ) อีกทั้งที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ยังเป็นที่รู้จักจากเทศกาลประจำปีซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน และมีการแสดงดนตรี การเต้นรำ และอาหารแบบดั้งเดิม ที่เราสามารถจับจ่ายซื้อของที่ละลึกและเครื่องรางนำโชคได้ ขอบอกเลยว่ามาตอนเช้ากับตอนกลางคืนจะคนละมู้ดกันเลยย เช้าหน่อยก็จะได้เห็นหมอกลอยตัว เย็นสบาย เย็นๆ ท้องฟ้าก็ออกพลบค่ำ แสงกำลังดี~
Entrance Fee : –
Opening Hours : 08.30 – 17.15 น.
Location : 1513-9 Ukihamachi Nagarekawa, Ukiha, Fukuoka 839-1411, Japan
[ที่จอดรถ: จอดได้ 10 คัน]