การเดินทางในโอซาก้า (Osaka) เมืองแห่งการท่องเที่ยวชื่อดังในญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่การเดินทางทั้งหมดในโอซาก้ามีกี่แบบกันล่ะ แล้วแบบไหนจะคุ้มสุด ต้องรีบอ่านเลย!!!

เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคคันไซ ชื่อนี้เป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ของญี่ปุ่นที่หลายๆ คนใฝ่ฝันว่าอยากจะมาเที่ยวให้ได้สักครั้ง ถ้าเป็นนักเที่ยวญี่ปุ่นตัวจริง และเมืองนี้ ก็เต็มไปด้วยประชากรที่อาศัยกันหนาแน่นมาก ด้วยความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ การค้า มีความทันสมัยอีกทั้งรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ประเพณี และมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงเรียกได้ว่าโอซาก้าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคคันไซได้เลย

แต่!! นอกจากประชากรที่แน่นแล้ว การเดินทางก็เรียกได้ว่าแน่นยิ่งกว่าและเยอะยิ่งกว่า ซึ่งที่เมืองโอซาก้า (Osaka) มีวิธีการเดินทางที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับคนในเมืองและนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น รถบัส รถไฟ รถแท็กซี่ หรือรถยนต์ ซึ่งเป็นการเดินที่สะดวกมากๆ จะเดินทางไปที่ไหนก็สามารถไปได้ทุกที่ แต่จะมีวิธีไหนล่ะ ที่คุ้มค่าที่สุด เหมาะกับทริปการท่องเที่ยวของเรามากที่สุด จะมีอะไรบ้างไปติดตามดูกัน

การเดินทางภายในโอซาก้า

เนื่องจากเมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่รวบรวมเหล่านักธุรกิจและพนักงานมากมาย ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องออกมาทำงานงานกันเยอะ ยิ่งเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวชื่อดังอีก การเดินทางจะต้องเอื้อต่อทุกคนมาก แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะที่เมืองนี้มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น รถบัส รถแท็กซี่ รถยนต์ รถจักรยาน รถไฟราง และรถไฟใต้ดิน ก็มีให้เลือกครบ ไม่ต้องห่วงเลยว่าถ้าจะมาเที่ยวแล้วหลงทาง ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่มีหลงแน่นอน

1

รถบัส

Osaka City Bus
– รถบัสที่วิ่งอยู่ภายในตัวเมืองโอซาก้า (Osaka) มีป้ายจอดอยู่ตามใจกลางเมืองและสถานที่สำคัญหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น

  • สถานีโอซาก้า (Osaka)
  • นัมบะ (Namba)
  • อาเบะโนะบาชิ (Abeno Bashi) ที่อยู่ใกล้กับ ตึกอาเบะโนะ ฮารุคาส (Abeno Harukas)
  • สถานีนิชิคุโจ (Nishikujo) ที่สามารถนั่งรถไฟต่อไปยัง “Universal Studios Japan” ได้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

ข้อดีของรถบัส
– เราจะเห็นทิวทัศน์ของบ้านเมืองในโอซาก้า (Osaka) ในระหว่างการเดินทางได้แบบสวยๆ ใครสายชิลตอนลองเดินทางแบบนี้ได้เลยยย

เรทราคารถบัสรับ-ส่ง
– ประมาณ 210 เยน/ครั้ง
– ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : Bus Osaka

2

แท็กซี่

แท็กซี่ของเมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นสิ่งอำนายความสะดวกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้เยอะ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ เพราะเราสามารถสั่งคนขับให้ไปถึงสถานที่ที่เราอยากไปได้ โดยไม่ต้องนั่งเบียดคนในรถไฟหรือรถบัสให้ปวดหัว

แม้จะต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น แต่รับรองได้เลยว่าการนั่งรถแท็กซี่ในเมืองโอซาก้า (Osaka) นี้ค่อนข้างปลอดภัยมาก ค่าโดยสารในแต่ละคันก็เป็นค่าโดยสารจริง ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเรียกเก็บค่าโดยสารในราคาที่สูงเกินจริง

และที่สำคัญในตอนนี้แท็กซี่เขารองรับบัตรเครดิตแล้วด้วยน้าา สะดวกสบายสุดๆ เลย ซึ่งเพื่อนๆ สามารถโบกแท็กซี่ตามป้ายรถจอดหรือโบกตามข้างทางได้เลยน้า!

หรือหากมีงบเหลือแล้วล่ะก็ แท็กซี่สำหรับท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเ เพราะเหมือนเหมาให้เขาพาเราไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่อยากไปได้ หรือจะสอบถามสถานที่แนะนำจากคนขับแท็กซี่ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่นั้นๆ ก็ทำได้เช่นกัน

  • เรทราคาแท็กซี่รับ-ส่ง (เช้า)
    ประมาณ 410 เยน/ระยะทาง 1 กิโลเมตรแรก และจะเพิ่มขึ้นประมาณ 90 เยนในทุกๆ 300 – 400 เมตร
  • เรทราคาแท็กซี่รับ-ส่ง (ตั้งแต่ 22:00 – 05:00 น.)
    ราคาค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 30% จากค่าโดยสารปกติ
  • เรทราคาแท็กซี่เหมา
    ประมาณ 15,000 เยน/3 ชั่วโมง
3

รถเช่า

สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่สากล ทางเลือกที่ง่ายที่สุดแล้วสนุกที่ที่สุดขอแนะนำเป็นรถเช่าเลย เพราะเพื่อนๆ สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลย ทั้งเวลาและระยะทาง หากเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ การช่วยกันหารค่าเช่ารถจะทำให้ช่วยประหยัดค่าเดินทางไปได้มาก แถมเพื่อนๆ ยังสนุกไปกับการเดินทางได้อีก เพราะอาจจะมีการหลงกันบ้าง หรือถ้าเจอที่เที่ยวที่ไหนน่าไปแล้วเป็นทางผ่าน ก็สามารถแวะได้ทันทีเลย แต่จะบอกว่าถ้าจะเช่ารถในช่วงเทศกาล บอกเลยไม่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะรถติดมากกก แทนที่จะได้เที่ยวชมวิวบรรยากาศดอกไม้ภูเขา ก็อาจจะได้ชมวิวควันรถติดแน่นอน

เมื่อถึงเวลาคืนรถ การคืนรถเช่าในญี่ปุ่นโดยพื้นฐาน ผู้เช่าจะต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนและเมื่อคืนก็จะต้องแนบใบเสร็จค่าน้ำมันให้กับบริษัทเช่ารถด้วย

แน่นอนว่าการขับรถในต่างประเทศย่อมมีข้อควรระวังและกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็จะต่างจากประเทศไทยไม่มากก็น้อย ดังนั้นเพื่อนๆ ที่อยากลองขับรถเที่ยวประเทศญี่ปุ่น จึงควรศึกษากฎจราจรและมารยาทในการขับขี้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและป้องกันการเกิดอัตรายได้ด้วย

____________________

กฎการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น

  1. ผู้ขับขี่ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
  2. ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จขับขี่รถฝั่งซ้ายเสมอ
  3. กรทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
  4. คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับและคนนั่ง ไม่ว่าจะนั่งรถโดยสารอะไรก็ตาม
  5. ที่นั่งสำหรับเด็ก หากมีเด็กมาด้วยจะต้องเช่าเพิ่มทันที
  6. การแสดงความขอบคุณและแสดงความมีน้ำใจ
  7. อย่าบีบแตรดังหลายๆ ครั้ง
  8. การสังเกตสติ๊กเกอร์ติดรถ

การสติ๊กเกอร์ที่รถใช้สำหรับผู้ขับสูงวัยและผู้ขับมือใหม่เท่านั้น เพื่อบอกรถคันอื่นว่าให้ระวังรถกลุ่มนี้ ตามการใช้สัญลักษณ์ดังนี้

  • Shoshinsha Mark (初心者マーク) มีรูปร่างเป็นตัว V สีเขียวและสีเหลือง สำหรับมือใหม่ที่ขับรถได้ไม่เกิน 1 ปี โดยต้องติดสัญลักษณ์นี้ไว้ด้านหน้าหรือด้านหลังรถ
  • Koreisha Mark (高齢者マーク) มีรูปร่างเป็นใบไม้ 4 สี สำหรับผู้ขับที่มีอายุ 70-75 ปี ติดไว้บริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังรถ
  1. การขับขี่บนถนน ไม่ว่าจะรถยนต์ จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์จะต้องให้ทางคนเดินก่อนเสมอ
  2. ให้ระวังเมื่อเจอป้ายหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ในญี่ปุ่น
  3. ห้ามจอดรถซ้อนคัน
  4. จอดรถริมถนนแบบชั่วคราวห้ามติดเครื่องยนต์
  5. ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
  6. ชะลอรถระหว่างข้ามทางรถไฟ
  7. เมาไม่ขับเด็ดขาด
  • เรทราคารถเช่า ประมาณ 6,170 เยน/วัน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : Kayak

4

จักรยานเช่า

จักรยานเช่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางในระยะทางสั้นๆ เหมือนกัน เพราะเพื่อนๆ สามารถปรับความเร็วในการเดินทางได้ เพื่อแวะชมทิวทัศน์ตามข้างทางได้เท่าที่ต้องการเลย ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงฤดูกาลที่อากาศดีๆ อย่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมคือดีมาก อีกทั้งยังสามารถแวะจุดที่รู้สึกสนใจระหว่างทางได้อย่างง่ายๆ ทำให้ได้เดินทางโดยรู้สึกเหมือนว่าเป็นคนในพื้นที่เลยทีเดียว สายเสพบรรยากาศห้ามพลาด แต่ถ้าใครกำลังหาจักรยานเช่าอยู่ พวกเราก็รวบรวมแหล่งเช่ามาให้แล้ว ดังนี้

  • CYCLEOSAKA

เรทราคาจักรยานเช่า ประมาณ 1,400 เยน/8 ชั่วโมง และ 10,000 เยน/วัน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : CYCLEOSAKA

  • HUBchari

เรทราคาจักรยานเช่าเป็นการลงทะเบียนแบบอะนาล็อก 200 เยน/1 ชั่วโมง และ 1,000 เยน/12 ชั่วโมง และลงทะเบียนแบบสมาร์ทโฟน 150 เยน/1 ชั่วโมง และ 1,389 เยน/1 วัน 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : HUBchari

  • DOCOMO Bike Share

เรทราคาจักรยานเช่า ประมาณ 100 เยน/30 นาที และ 1,010 เยน/วัน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : DOCOMO Bike Share

  • PiPPA

เรทราคาจักรยานเช่า ประมาณ 100 เยน/30 นาที และ 300 เยน/1 วัน 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : PiPPA

  • COGICOGI

เรทราคาจักรยานเช่า ประมาณ 2,100 เยน/12 ชั่วโมง และ 2,400 เยน/1 วัน 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : COGICOGI

5

 รถไฟ

สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้า (Osaka) และสำคัญในการเดินทางที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “รถไฟ” เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น การเดินทางด้วยรถไฟ ถือเป็นตัวเลือกหลักที่คนนิยมใช้บริการกันมากที่สุด เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งหลักๆ ของโอซาก้าจะอยู่ในบริเวณที่สามารถเดินทางถึงได้ด้วยรถไฟ รถไฟจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความสะดวกเป็นอย่างมาก พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้คนในประเทศและนักท่องเที่ยวสุด

ซึ่งตัวเมืองโอซาก้า (Osaka) จะประกอบด้วยย่านหลักๆ 2 ย่าน คือ ย่านคิตะ Kita (ทิศเหนือ) รอบๆ “สถานี Osaka Station” และ “Umeda Station” ย่านช้อปปิ้งและแหล่งธุรกิจขนาดใหญ่ และอีกย่านที่คนไปเมืองโอซาก้าแล้วไม่ไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ ย่านมินามิ Minami (ทิศใต้) อยู่รอบๆ “สถานีนัมบะ (Namba)” ย่านแห่งความบันเทิง และเป็นย่านแห่งการรวบรวมแฟชั่นทันสมัยประจำเมืองโอซาก้า ทำให้รถไฟมีเยอะมาก และแต่ละขบวนก็ไปไม่หมือนกันอีก

โดยสถานีรถไฟหลักๆ ของเมืองโอซาก้า (Osaka) จะมีด้วยกัน 4 แห่ง คือ

  1. JR Osaka Station
    ตั้งอยู่ใจกลางย่านคิตะ มีรถไฟ 2 บริษัทและรถไฟฟ้า 3 สายเชื่อมต่อกับสถานนี้ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ
    “Umeda Station”
  2. Shin-Osaka Station
    เป็นสถานีจอดของรถไฟชินคันเซนตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ Osaka Station
  3. ในย่านนัมบะ (Namba)
    มีบริษัทรถไฟ 3 บริษัท JR, Nankai, Kintetsu และรถไฟใต้ดิน 3 สายมาเชื่อมต่อกันที่ “Namba Station”
  4. Tennoji Station
    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโอซาก้า ประกอบด้วยรถไฟ JR, Kintetsu Railways, Hankai Tramway และรถไฟใต้ดิน 2 สาย
5

 รถไฟ

บริษัทรถไฟในโอซาก้า

ยังไม่พอเพราะตัวเมืองโอซาก้า (Osaka) มีบริการรถไฟและรถไฟใต้ดินทั้งหมด 7 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะใช้รถไฟใต้ดิน และรถไฟสาย JR West ค่อนข้างมาก ส่วนเส้นทางรถไฟอื่นๆ มีไว้สำหรับเดินทางไปยังพื้นที่รอบนอกและเมืองอื่นๆ ใกล้เคียง โดยบริษัททั้ง 7 ประกอบไปด้วย

  1. รถไฟ JR West
    เป็นเครือข่ายรถไฟที่โยงใยไปทั่วโอซาก้า โดยมีรถไฟสายหลัก Osaka Loop Line คอยให้บริการ นอกจากนี้ก็ยังให้บริการเส้นทางรถไฟไปถึงสนามบินคันไซ โกเบ เกียวโต นารา และสวนสนุก USJ โอซาก้าอีกด้วย 
  2. รถไฟใต้ดิน Subway
    ในโอซาก้าให้บริการรถไฟใต้ดินทั้งหมด 8 สาย ครอบคลุมพื้นที่ด้านในของเส้นทางรถไฟ Osaks loop line เชื่อมต่อย่านคิตะ (Kita) และย่านมินามิ (Minami) ของตัวเมืองโอซาก้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
  • Midosuji Line
  • Tanimachi Line
  • Yotsubashi Line
  • Chuo Line
  • Sennichimae Line
  • Sakaisuji Line
  • Nagahori Tsurumi-ryokuchi Line
  • Nanko Port  Town Line
  1. รถไฟ Nankai Railways
    รถไฟที่เชื่อมต่อระหว่าง Namba, สนามบินคันไซ (Kansai Airport), Wakayama และ Mount Koya
  2. รถไฟ Hankyu Railways
    รถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างสถานี Umeda กับโอซาก้าย่านคิตะ (Kita) โกเบกับเกียวโต
  3. รถไฟ Kintetsu Railways
    รถไฟที่เชื่อมต่อโอซาก้า (Osaka) กับสถานที่อื่นๆ ทางทิศใต้ของภูมิภาคคันไซ (Kansai) เช่น Nara, Kyoto, Asuka, Yoshino, Ise และ Nagoya โดยเริ่มต้นที่สถานี Namba Station, Tennoji Station และ Nagata Station
  4. Hanshin Railways
    รถไฟที่เชื่อมต่อโอซาก้า (Osaka) กับโกเบ (Kobe) โดยเริ่มต้นที่สถานี Umeda Station และ สถานี Namba Station
  5. Keihan Railways
    เชื่อมต่อใจกลางเมืองโอซาก้า (Osaka) กับใจกลางเมืองเกียวโต (Tokyo) เริ่มต้นที่สถานี Yodoyabashi Station และสถานี Nakanoshima Station
6

บัตรรถไฟฟ้าในโอซาก้า

บัตรรถไฟพิเศษเที่ยวรอบเมืองโอซาก้า (Osaka) ที่มีทั้งแบบ 1 วัน หรือบางบัตรก็มีแบบเหมา 2 วันด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการนั่งรถไฟมากขึ้น พร้อมรับสิทธิมากมายของบัตรต่างๆ ต่อไปนี้

  1. Osaka Amazing Pass

บัตรสำหรับใช้โดยสารรถไฟฟ้า และรถบัส ในเมืองโอซาก้า ในระยะเวลา 1-2 วันติดต่อกันได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง รวมทั้งยังเป็นบัตรที่สามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ดังๆ ภายในเมืองโอซาก้าได้อีกด้วย เช่น ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) หรืออาคารชมวิวอูเมดะสกาย (Umeda Sky Building) เป็นต้น

ซึ่งบัตร 1 วัน จะครอบคลุมการใช้งานโดยสารรถไฟ non-JR train ในตัวเมืองอีกด้วย ซึ่งจำหน่ายให้กับทุกคนทั้งนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเอง แต่ส่วนบัตร 2 วัน จะจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น 

  • แหล่งซื้อบัตร : ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว และเอเจนซี่ท่องเที่ยวทั่วโลก 
  • ราคา : 1 วัน ประมาณ 2,800 เยน, 2 days: 3,600 เยน)
  1. Osaka One-Day Pass 

บัตร Osaka One-Day Pass สามารถใช้โดยสารรถไฟใต้ดิน, city buses และรถราง New Tram (ยกเว้น OTS Line) ได้โดยไม่จำกัด แต่ใช้ได้ภายใน 1 วันเท่านั้น 

  • แหล่งซื้อบัตร : ตามรถไฟใต้ดินทุกสถานี
  • ราคา : วันธรรมดาราคา 800 เยน, วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดทั่วไปราคา 600 เยน
  1. Osaka Kaiyu Ticket

บัตร Osaka Kaiyu Ticket เป็นบัตรแพ็คเกจเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า (Osaka Aquarium) และบัตรโดยสารรถไฟและรถบัสในเมืองโอซาก้าแบบไม่จำกัดรอบใน 1 วัน และมีส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ อ่าวโอซาก้าถึง 50% เลยทีเดียว เช่น ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน (Tempozan Ferris Wheel), ล่องเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria), เรือกัปตันไลน์ (Captain Line) และเรือข้ามระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับท่าเรือ Universal City

  • แหล่งซื้อบัตร : สามารถหาซื้อตามสถานที่เที่ยวที่แจ้งไว้ได้เลย (ยกเว้นที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า)
  • ราคา : ราคา 2,550 เยน
7

บัตรรถไฟแบบเติมเงินในโอซาก้า

นอกจากจะใช้บัตรนี้เป็นค่ารถไฟได้แล้ว บัตรนี้ก็ยังสามารถนำไปใช้จ่ายเงินค่าต่างๆ แทนเงินสดได้อีกด้วย จะมีบัตรไหนบ้างไปดูกัน

บัตรเติมเงินแบบ IC Cards
บัตรเติมเงิน IC ของโอซาก้า (Osaka) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Icoca และ Pitapa เป็นบัตรที่สามารถใช้โดยสารรถไฟ และรถบัสในพื้นที่ตัวเมืองโอซาก้าได้ โดยการเติมเงินเข้าบัตรตามที่ต้องการ และหลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็สามารถนำบัตรไปใช้ได้เลย ซึ่งบัตรของ Icoca จะเหมาะกับนักนัดท่องเที่ยวมากกว่า บัตร Pitapa ที่เหมาะสำหรับคนที่อยู่อาศัยในโอซาก้า

นอกจากนี้บัตร IC อีก 8 ชนิดก็ยังสามารถนำมาใช้ได้ที่โอซาก้าได้อีกด้วย เช่น  Suica, Pasmo, Kitaca, Toica, Manaca, Sugoca, Nimoca และ Hayakaken

  • แหล่งซื้อบัตร : ตามตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติที่สถานีรถไฟ JR ทุกสถานีในโอซาก้า
  • ราคา : มัดจำบัตร 500 เยน เติมเงินห้ามเกิน 10,000 เยน

Surutto Kansai Rainbow Card

บัตรเหมาจ่ายรุ่นเก่าที่ไม่สามารถเติมเงินได้ ซึ่งเป็นบัตรเสียบเพื่อจ่ายเงิน สามารถใช้กับรถไฟ และรถบัสในตัวเมืองโอซาก้าได้ ยกเว้นรถไฟ JR โดยบัตร Surutto Kansai Card จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ออกบัตร เช่น ใน Hankyu เรียกว่า Lagare Card, บัตรรถไฟใต้ดินในโอซาก้า เรียกว่า Rainbow Card และบัตรรถไฟใต้ดินในเกียวโต เรียกว่า Miyako Card นั่นเอง

  • แหล่งซื้อบัตร :  ตามตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติที่สถานีรถไฟหลักๆ ในโอซาก้า
  • ราคา : 1,000-3,000 เยน

รูปภาพจาก : histours