เชื่อว่าหลายคนมักเลือกซื้อแว่นตาในราคาเบาๆ แบบสมเหตุสมผล แต่ว่าเคยนึกสงสัยกันบ้างไหม? ว่าทำไมแว่นบางอัน ราคาต่ำสุดอยู่ที่หนึ่งหมื่นบาท และราคาแพงที่สุดมากถึงล้านบาทเลยทีเดียว! ทำไมกันล่ะ! มันแพงอะไรกันนะ สงสัยกันใช่ไหมว่าจะมีจริงหรอที่แว่นสายตาราคาสูงขนาดนั้น แน่นอนว่ามี และแบรนด์ที่ว่านั้น ก็คือ “ไอซอพติก” แบรนด์แว่นตาที่นักกีฬาจากอเมริกาถึงกับต้องบินมาตัดที่ไทย! 😱 

“ISOPTIK” แบรนด์แว่นตาที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘ไอซอพติก’ แว่นที่ใส่แล้วรวย เอ๊ะ? ทำไมถึงต้องใส่แล้วรวยกันล่ะ? ก็เพราะแบรนด์ไอซอพติกนี่สิ เขาเป็นแว่นตาเลนส์โปรเกรสซีฟที่สามารถช่วยให้หลายๆ คน ได้ใส่แว่นที่สร้างมาเพื่อคนคนเดียว! ใช้เวลาตรวจวัดสายตาละเอียดนานเกือบ 3 ชั่วโมง เห็นชัดทั้งระยะใกล้ระยะไกล ไม่ปวดหัว! และผู้ใช้ส่วนใหญ่การันตีเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า แว่นของไอซอพติกใส่ทำงานแล้วไม่มีอาการปวดล้าตา แม้จะจ้องจอนานๆ ก็ไม่ต้องคอยถอดแว่น ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น เมื่อทำงานเร็วขึ้น พวกเขาจึงหาเงินได้มากขึ้น รวยทั้งเงิน รวยทั้งความสุข นี่จึงเป็นที่มาของแว่นไอซอพติกที่หลายๆ คนให้การยอมรับ✨

คนส่วนใหญ่ชอบเลือกซื้อแว่นทั่วไปใส่ สวมง่าย ใช้เวลาน้อย และมีราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งประเภทที่กล่าวมาคือแว่นที่คนส่วนใหญ่ ต้องปรับตัวเข้าหาแว่นเอง ในทุกครั้งที่เปลี่ยนแว่น ซึ่งในระหว่างการปรับตัว อาจเกิดความรู้สึกแปลกๆ พื้นลอย เวียนหัว รู้สึกว่ามันไม่ใช่แว่นของเราโดยแท้จริง คล้ายกับเรากำลังฝืนใส่แว่น 

ด้วยเหตุนี้เอง แว่นไอซอพติก (ISOPTIK) จึงเข้ามาตอบโจทย์ Pain point ของกลุ่มคนเหล่านั้น และสร้าง “แว่นที่สามารถปรับตัวเข้าหาคน” โดยมีผู้ใส่เป็นศูนย์กลาง!  ซึ่งแต่ละคนนั้นย่อมมีรายละเอียดของค่าสายตาแตกต่างกันอยู่แล้ว ประเด็นนี้จึงทำให้ไอซอพติกเกิดการสร้างแว่นเฉพาะตัวบุคคลขึ้นมานั่นเอง อึ้งเลยสิ 👍🏻

ถ้าอยากอึ้งมากกว่านั้น! วันนี้พวกเรา Lifesara จะพาไปส่องว่าแว่นตา ISOPTIK ดีไหม ? ทำไมคนยอมเสียเงินหลักแสนเพื่อแว่นตาอันเดียว? และแว่นหนึ่งอันต้องยอมรอนานมากถึง 1-3 เดือน ทำไมถึงรอนานขนาดนั้น จ้อจี้หรือเปล่า ปกติตัดแว่นไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จไม่ใช่หรอ? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ ถ้าอยากรู้ก็ตามไปอ่านกันเลย! ✨ 

  1  

ทำไมไอซอพติกถึงใช้เวลาตรวจวัดสายตานานถึง 3 ชั่วโมง?!

อึ้งแรกที่ต้องดูก่อนเลยคือ ไอซอพติกใช้เวลาตรวจวัดวิเคราะห์ระบบการมองเห็น ด้วยระบบดิจิตอล 3 มิติซึ่งหมายความว่ายังไง?

ตามปกติตอนทุกคนไปตัดแว่นส่วนใหญ่จะใช้เวลา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่กับไอซอพติก! เพราะไอซอพติกจะมีขั้นตอนตรวจดูแลสุขภาพตาก่อนการทำแว่น ที่ไอซอพติก จะมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลสุขภาพสายตาอย่างละเอียด หากตรวจพบว่ามีค่าการมองเห็นต่ำกว่าปกติหรือมีโรคเกี่ยวกับสายตา จะส่งต่อให้จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่ละสาขา ตรวจรักษาต่อไปเพราะเชื่อว่า “Life is Beautiful and Sight is Life” นอกจากนั้นยังมีทีนักทัศนมาตรที่ได้รับหนังสืออนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด รวมๆ ขั้นตอนการตรวจแล้ว ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ  2 – 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ( ปล.​มีค่าบริการตรวจวัดสายตา และตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์ 1,000 บาท  แต่จะชำระแค่ครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้นคุ้มสุดๆ )

สิ่งที่ทำให้ไอซอพติกมีทีมจักษุแพทย์ประจำ เหตุผลเพราะกลุ่มคนที่ใส่แว่นโปรเกรสซีฟส่วนใหญ่ จะมีอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป จึงต้องมีการตรวจสุขภาพตาก่อนใช้จริง เพราะบางรายอาจมีต้อกระจก แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมี การมีจักษุแพทย์จึงทำให้ลูกค้าสามารถรู้อาการของตัวเองได้นั่นเอง 

หากต้อกระจกยังไม่กระทบการมองเห็น หรือการใช้ชีวิตประจำวันมาก จักษุแพทย์ ก็จะแนะนำให้ลูกค้าตัดแว่นตาไปก่อนได้ แต่ก็จะแจ้งลูกค้าก่อนเสมอว่า ตัดแว่นตาไปแล้วจะมองเห็นชัดแค่ไหน ซึ่งถ้าเราไม่พอใจ ก็เลือกที่จะไม่ตัดได้นั่นเอง 

และหากว่าตอนตรวจสุขภาพตาจักษุแพทย์พบว่าคนนั้นๆ มีต้อกระจกขึ้นถึงตาดำคุณหมอก็จะแนะนำให้ไปลอกต้อกระจกก่อน เพราะที่นี่สุขภาพสายตาต้องมาเป็นอันดับแรกๆ ห่วงใยสุขภาพจริงๆ มากกว่าการยัดเยียดการขายให้อย่างเดียว น่ารักมากเลยย!

  2  

“ไอซอพติกผลิตแว่นตาให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ใส่สบายจนเผลอลืมใส่อาบน้ำ”

มาหัวข้อก็อึ้งเลย ซึ่งเสน่ห์ของไอซอพติกคือจะขายเลนส์และกรอบแยกกัน แต่ทั้งสองอย่างคือรับประกันความพรีเมียม และใส่สบาย โดยตัวกรอบของทางไอซอพติก จะมีทั้งกรอบสำเร็จรูป ราคาทั้งถูกที่สุดถึงแพงที่สุด โดยใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น ไทเทเนียม Rose gold, White gold, Platinum (สามารถเลือกฝังเพชรหรือไม่ก็ได้) ซึ่งจะทำให้ได้กรอบแว่นที่เบา ทนทาน ดัดง่าย ในขณะที่ถ้าใช้กรอบกึ่งเบต้าไทเทเนียม ตัวกรอบก็จะไม่ทนทานเท่าที่ควร และเมื่อใช้ไปนานๆ ตัวแว่นอาจกลายเป็นสนิมด้วย ทำให้คนต้องเปลี่ยนแว่นกันบ่อยๆ

แล้วหลายคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนที่ถอดแว่นตาออก ‘จมูกถึงแดงเป็นรอยกดทับ’ ? นั่นก็เพราะกรอบแว่นมันไม่พอดี และฝีมือการดัดของช่างไม่ดีพอ แต่ที่ของไอซอพติก ปัญหานี้จะหมดไป เนื่องจากช่างประกอบแว่นได้ดัดแว่นให้น้ำหนักกระจายตัวไปด้วยกัน ทำให้เราใส่แว่นไม่กดทับจมูก หรือบีบรัดขมับจนเกินไป

รวมถึงสิ่งที่ปังมากอีกอย่างคือ กรอบแว่นที่นี่ปรับตามรูปศีรษะของคนเราได้! เอาจริงแอดยังไม่เคยเจอร้านแว่นที่ปรับขนาดกรอบแว่นขาแว่นเฉพาะบุคคลเลย แต่ที่นี่เขามี!! โดยเขาจะตรวจทุกอย่างเลย ทั้งความยาวขา ไซส์หน้าแว่น  คือเราสามารถ Customize ได้ทั้งหมด และจะมีช่างประกอบแว่นมืออาชีพคอยอยู่ข้างๆ ช่วยตรวจสอบขนาดกรอบที่เหมาะสมอีกครั้ง ผลลัพธ์คือกรอบแว่นที่ปรับตัวเข้าหาเราจริงๆ

ในส่วนของเลนส์แว่นตานั้น เลนส์ของไอซอพติกมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก เช่น เลนส์กันแดด เลนส์กันแสงสีฟ้า เลนส์สายตา หรือจะผสมกันอย่างเลนส์กันแดดที่ใส่ค่าสายตาให้ ก็ทำได้! นอกจากมีให้เลือกหลายประเภทแล้ว เขายังช่วยปรับเลนส์ให้บางลงได้ เพื่อความสวยงาม และเบาสบายขณะสวมใส่!

  3  

ตัดแว่นกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี

อึ้งที่สอง ก่อนจะพูดถึงผู้เชี่ยวชาญ ต้องบอกก่อนว่ากลยุทธ์ของไอซอพติกนั้น คือการเน้นใช้เลนส์โปรเกรสซีฟล้วนๆ กับแว่นทุกประเภท เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตสำหรับทุกคน และให้สิ่งที่ดีที่สุดกับผู้บริโภค แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเลนส์โปรเกรสซีฟของที่นี่ ใส่แล้วไม่มึน ไม่พื้นลอยเหมือนเลนส์ทั่วไปแน่นอน!

ซึ่งเจ้าเลนส์โปรเกรสซีฟก็คือเลนส์ที่มีค่าสายตาในแต่ละโซนไม่เท่ากันนั่นเอง อย่างเลนส์โซนบนจะช่วยให้มองเห็นระยะไกล ซึ่งสะดวกในยามขับรถ สำหรับเลนส์โซนกลาง อาจไว้ดูพวกโปรเจคเตอร์ หรือดูหนังในโรง และเลนส์โซนใกล้มีไว้สำหรับเล่นมือถือ อ่านหนังสือ ซึ่งทั้งสามโซน หากนำมาหลอมรวมกันจะช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอบโจทย์ทุกชีวิตการใช้งานนั่นเอง

ถ้าหากถามว่าร้านอื่นมีโปรเกรสซีฟเหมือนกันไหม?

แน่นอนว่าเกือบทุกร้านมีเหมือนกัน แต่รู้หรือไม่? ทำไมเลนส์โปรเกรสซีฟไอซอพติกถึงได้แตกต่าง? เพราะไอซอพติกมีเทคนิคการสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟที่เรียกได้ว่าเจ๋งที่สุดเลยก็ว่าได้!

ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจาก “ปรมาจารย์โบบิ” นี่เอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแว่นตาของไอซอพติกและเป็นผู้ค้นหาเทคนิคออกแบบโครงสร้างเลนส์เฉพาะเจาะจง  ทำให้ไอซอพติกมีรูปแบบเลนส์กว่า 144 แบบ ที่พร้อมจะปรับตัวเข้าหาคนใส่! นับว่า ปรมาจารย์โบบิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นแบบไม่มีใครสามารถเลียนแบบเทคนิคของเขาได้เลย จึงทำให้เขาเป็นคนเดียวที่นับว่าเป็นอัจฉริยะ! 

เชื่อว่าหลายคนคนกำลังกลัวว่าหากใส่แว่นโปรเกรสซีฟแล้วจะมึน หรือจะเห็นพื้นลอยรึเปล่า ก็ขอบอกชัดๆ เลยว่า “ไม่ต้องกังวล” เพราะที่ไอซอพติก ทุกคนสามารถทดลองโดยการเสียบเลนส์แต่ละระดับ เพื่อเช็กค่าการมองเห็นก่อนได้เสมอ จะได้เปรียบเทียบว่ามันต่างกันยังไง โดยที่นี่มีเลนส์ 12 แบบ และแต่ละแบบก็มีอีก 12 ระดับแยกออกไปอีก รวมๆ แล้วมีรูปแบบเลนส์ให้เลือกมากถึง 144 แบบกันเลยทีเดียว! 

อย่างเลนส์แบบที่ 12 ระดับที่ 12 ก็คือจะมองเห็นภาพสมูทสุดๆ นั่นเอง ซึ่งแต่ละระดับนั้น จะมีรายละเอียดการออกแบบโครงสร้างเลนส์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากใครมาตัดแว่นจึงต้องดู Segment ก่อน และให้นักทัศนมาตรตรวจสอบ แก้ไขปัญหาสายตาโดยการจ่ายเลนส์แต่ละระดับ เพื่อเราจะได้ทราบว่า สายตาเราเหมาะกับแว่นระดับไหนนั่นเอง

  4  

6 เรื่องจริงที่ทำให้ลูกค้ารักไอซอพติกจนกลายเป็นขาประจำ

ใครที่ได้ลองตัดแว่นกับไอซอพติก บอกเลยว่าจะไม่คิดไปตัดกับที่อื่นอีก! เหตุผลก็คือ..!

  1. อยากให้ลองมาวัดสายตาที่นี่ดูก่อน เพราะที่นี่มีขั้นตอนตรวจวัดสายตาสุดละเอียด ที่จะทำให้ทุกคนอึ้งและหลงรักไอซอพติกโดยไม่รู้ตัว บอกเลยว่าการตรวจวัดสายตาของที่นี่ จะทำให้รู้สึกว่า เราสามารถฝากดวงตาให้กับไอซอพติกนี้ได้จริงๆ 
  2. มีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญประจำร้าน ที่ออกแบบโครงสร้างเลนส์ ให้ความคมชัดในทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติได้เก่งที่สุด หาตัวจับได้ยากที่สุด
  3. พนักงานได้รับการเทรนและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดในการใช้เครื่องมือมาอย่างดี ถามตอบแบบละเอียดได้หมด! เพื่อให้ได้แว่นตาที่ให้คุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะเป็นไปได้ เรียกได้ว่าทุกคนรู้จริงในสิ่งที่กำลังทำอยู่
  4. ไม่มีการยัดเยียดขายสินค้า เพราะเน้นอยากให้ลูกค้ามีสุขภาพสายตาที่ดีจริงๆ  โดยหากลูกค้าซื้อแว่นไปแล้วไม่พอใจในคุณภาพ สามารถขอคืนเงินเฉพาะค่าเลนส์ได้
  5. คุณภาพของแว่นที่ออกแบบมาเพื่อแต่ละคนจริงๆ โดยแว่นแต่ละอัน จะใช้เวลาผลิตประมาณ 1-3 เดือน ผลิตกันแบบอันต่ออัน 
  6. ไอซอพติกไม่ได้ขายแค่แว่นตา แต่ขายคุณภาพการมองเห็นระดับไฮเอนด์อีกด้วย

 

หากอยากหารีวิวอ่านเพิ่มเติม ไปดูกันเพิ่มได้เลยว่าลูกค้ากว่า 120+ คนคิดยังไงกับไอซอพติกกันบ้าง! >> https://www.isoptik.com/th/testimonial/

  5  

ตัดแว่นไอซอพติก ก็เหมือนตัดสูทที่เข้ากับคุณมากที่สุด

ก่อนจะไปที่อึ้งที่สาม หลายคนน่าจะทราบว่าการไปตัดสูทนั้น มี 2 ประเภท 

สำหรับแบบที่ 1 : สูทสำเร็จ
ซึ่งพอดีบ้าง ไม่พอดีบ้าง แต่ก็ถือว่าใส่ได้อยู่ ราคากำลังพอดี ประหยัดงบ 

สำหรับแบบที่ 2 : สูทตัดเอง
วัดขนาดตัวอย่างละเอียดทุกส่วน เรียกว่า การตัดเฉพาะบุคคล นับว่าเป็นความสะดวกสบายพอดีตัวของผู้ใส่ ลงทุนหน่อย แต่ใส่แล้วจะเหมาะสมกับทุกส่วนขนาดของตัวเลย

แล้วแบบไหนล่ะ ที่ไอซอพติกกำลังทำ? นั่นก็คือแบบที่ 2 แน่นอนอยู่แล้ว เพราะไอซอพติกออกแบบแว่นโดยนำค่าสายตาที่วัดได้ กับพฤติกรรมของการใช้สายตา มาออกแบบแว่นให้เข้ากับเฉพาะตัวบุคคลนั้นๆ จึงทำให้แว่นของไอซอพติกไม่สามารถใส่ร่วมกันกับคนอื่นได้เลย มีเพียงเจ้าของแว่นเท่านั้น ที่ใส่แล้วประสิทธิภาพการมองเห็นจะเต็ม 100% พอนึกภาพตามแล้วอึ้งจริง!

  6  

แว่นที่แพทย์ผ่าตัดใช้ จนช่วยชีวิตคนมาแล้วหลายร้อย!

ถ้านับจากอดีตถึงปัจจุบัน ขั้นตอนการวัดสายตาของไอซอพติก คือละเอียดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เพราะจะมีการซักประวัติก่อนการเข้าวัดตรวจค่าสายตาทุกครั้ง โดยใช้เวลาร่วม 10 – 20 นาที โดยซักถามเกี่ยวกับการใช้สายตา เช่น ใช้คอมพิวเตอร์กี่ชั่วโมง ลักษณะที่ใช้เป็นรูปแบบไหน ดูทีวีกี่ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งการซักถามทั้งหมด ก็เพื่อออกแบบโครงสร้างเลนส์ตามข้อแตกต่าง ให้ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด เหมือนกับการออกแบบรถแต่ละยี่ห้อที่ไม่เหมือนกัน 

อึ้งที่สี่อยู่ตรงนี้เลย เพราะความใส่ใจตั้งแต่เริ่ม ทางไอซอพติกจึงมีลูกค้า หลากหลายอาชีพมาก แต่จุดร่วมที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือเรื่องของการใช้สายตาที่เยอะมากกก ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน นักกีฬาประเภทต่างๆ  ทั้งนักยิงปืนมืออาชีพ นักกอล์ฟ หรือแม้กระทั่งแพทย์ผ่าตัดสมอง, ศัลยแพทย์กระดูกเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดเส้นเลือด, แพทย์ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล !

ซึ่งทุกอาชีพล้วนใช้สายตากันวันละหลายชั่วโมง ทุกคนจึงต้องการแว่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ดวงตาไม่เกิดอาการเหนื่อยล้า และเพราะเหตุนี้ทาง ISOPTIK จึงใส่ใจในขั้นตอนการซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อที่จะทำแว่นให้ตอบโจทย์กับทุกสายอาชีพของลูกค้า และด้วยความละเอียดของไอซอพติก จึงทำให้ลูกค้าหลากอาชีพต่างมั่นใจในไอซอพติกนั่นเอง

“หากตอนซักประวัติ บางคนนึกไม่ออกขึ้นมาว่าทำนู่นนี่กี่ชั่วโมง จะทำยังไง?”

แน่นอนว่าทางไอซอพติกทำการบ้านมาดี ถูกฝึกให้แก้ปัญหาได้ทุกจุด โดยในจุดนี้พนักงานทุกคนจะมีไกด์ไลน์คำถาม และให้ลูกค้าได้จำลองสถานการณ์จริง เพื่อให้นักทัศนมาตรเก็บข้อมูลเรื่องการใช้สายตาได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ค่าการมองเห็นและออกแบบโครงสร้างเลนส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

  7  

แว่นที่เป็นมากกว่าแว่นตา แต่เป็นชีวิตประจำวันของเรา

เพราะแว่นตาที่ดีไม่ควรถอดๆ ใส่ๆ บางคนจะมองไกลถึงค่อยถอดแว่นออก ซึ่งไม่สะดวก และเสี่ยงต่อแว่นหาย ต้องเสียเวลา เสียเงิน แต่ถ้าเขาหันมาใส่แว่นโปรเกรสซีฟไอซอพติก ก็จะใส่สบายจนรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ ทำให้ไม่ต้องคอยใส่แว่นแบบใส่ๆ ถอดๆ

ชีวิตประจำวันของคนเรา ที่ทำให้ต้องหันมาใส่แว่นตามากขึ้น เช่น การทำงานที่ต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์ตลอด การนั่งเล่นโทรศัพท์ หรือการเล่นเกมดูซีรีส์อ่านหนังสือต่างๆ และอีกมากมาย ที่เราต้องใช้สายตาตลอดทั้งวัน ซึ่งเมื่อเราใช้สายตาอย่างหนักหน่วงไปแล้ว ส่วนใหญ่เมื่อผ่านพ้นไปครึ่งวัน สายตาก็จะเริ่มเหนื่อยล้า ทำให้การโฟกัสย่ำแย่ลงนั่นเอง ซึ่งถ้าหากเรามีแว่นตาที่จะช่วยซัพพอร์ตอาการเหนื่อยล้าตรงนี้ให้หายไปได้ ก็จะทำให้ชีวิตเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อึ้งล่ะสิ!

  8  

ปัจจัยหลักที่ทำให้คนรู้จักและเลือกใช้แว่นไอซอพติก?

มีลูกค้าจำนวนหนึ่งนำแว่นตาไอซอพติกไปให้ทั่วโลกเลียนแบบ แต่ทำออกมาแล้วใส่ไม่ได้หรือใส่ไม่สบายตา

“จนต้องกลับมาตัดแว่นกับที่นี่”

จากคำกล่าวข้างต้นของลูกค้าไอซอพติกหลายท่าน ทำให้เราเห็นชัดเลยว่า ที่ใครต่อใครหันมาใช้แว่นตาไอซอพติก เนื่องจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริงที่เห็นว่าใช้แล้วดี จึงเกิดการบอกปากต่อปากให้คนอื่นๆ มาลองใช้ และเมื่อคนอื่นๆ มาลองใช้และรู้สึกว่าดี จึงประทับใจในตัวไอซอพติกมากๆ และก็เกิดการแนะนำปากต่อปาก

ในขณะเดียวกัน ก็มีคนมองว่าแว่นราคาแบบนี้มันแพงเหลือเกิน ที่อื่นก็น่าจะทำได้ แต่เมื่อได้ลองใส่ดู จึงได้รู้ว่า แว่นของไอซอพติก มันมีความแตกต่างที่เลียนแบบกันไม่ได้จริงๆ จนตอนนี้กลายมาเป็นลูกค้าประจำของไอซอพติกไปแล้ว

  9  

“ลองเอาแว่นปัจจุบันมาเปรียบเทียบกับแว่นที่กำลังทดลอง เพื่อดูความแตกต่าง แล้วจะรู้เองว่าควรเลือกแบบไหน”

สิ่งที่ทำให้แอดอึ้งอีกอย่างเลยคือ ตอนที่ให้ลูกค้าลองแว่น แล้วไอซอพติกได้เอาแว่นของทางร้าน สลับให้ลูกค้าใส่กับแว่นอันเดิมของตน จังหวะที่ได้ลองแว่นอันใหม่ ลูกค้าจึงทำให้เข้าใจเหตุผลและตัดสินใจเลือกใช้แว่นจากไอซอพติกเป็นต้นมา

จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า 15 ปีของไอซอพติกที่ดำเนินธุรกิจมา ถึงแม้แว่นจะราคาหลักหมื่น แต่คุณภาพเกินกว่าราคาที่ได้รับมาก เพราะลูกค้าที่มาที่นี่ส่วนใหญ่การันตีเลยว่า ไอซอพติกใส่แล้วรวย ตามสโลแกนของแบรนด์ และลูกค้าพูดเองเลยว่า ใส่ไปแล้วรายได้เขามากขึ้น 

เหตุผลที่ใส่แล้วรวยนั้นก็คือ เพราะเขาทำงานได้เร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลง เนื่องจากสมองไม่ต้องทำงานหนัก จึงทำให้สมองโล่งทั้งวัน และเมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็ยังคงมีพลังเหลือเฟือที่ใช้เวลากับครอบครัว หรือจะไปเล่นกีฬา หรือหาความรู้เพิ่มเติมได้ ซึ่งมันทำให้ชีวิตของคนมากมายคืนมา ราวกับได้วัยหนุ่มสาวกลับคืนมาใหม่นั่นเอง!

  10  

 ทำไมลูกค้าถึง Loyalty ขนาดนี้??

1.Service Mind ความใส่ใจในลูกค้าทุกคนในทุกรายละเอียด

หากใครได้มาที่ร้านบอกเลยว่าทำอึ้งแน่ๆ เพราะที่นี่มีบริการครบเครื่อง ไม่ว่าจะมีเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้ดื่มรอ มี Powerbank ให้ลูกค้าชาร์จแบต ที่ไอซอพติกคอยให้พนักงานจะคอยดูแลอำนวยความสะดวกโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงจุดที่สำคัญมาก คือที่นี่จะไม่มีการยัดเยียดสินค้าให้เรารู้สึกอึดอัดใจเลย!

2. บริการหลังการขายจัดเต็มแบบจุกๆ

หากลูกค้าซื้อแว่นไปแล้ว ทางพนักงานจะคอยโทรติดตามเช็คผลการใช้งานลูกค้าทุกๆ 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือนและ 1 ปี เพื่อเช็คว่าตำแหน่งแว่นของลูกค้าเพี้ยนไหม มีปัญหาอะไรหรือไม่ในขณะนั้น ซึ่งเขาจะติดตามลูกค้าทุกคน และดูแลหลังการขายให้ดีที่สุดจริงๆ

  11  

อายุการใช้งานของแว่น สามารถใช้ได้กี่ปี ?

  1. ขึ้นอยู่กับค่าสายตา ซึ่งโดยปกติจะอยู่ได้ 1-3 ปี ถ้าหากค่าสายตายังคงที่อยู่
  2. ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ในการใช้งาน เพราะพวกการจ้องคอมพิวเตอร์ เล่นโทรศัพท์ ถือเป็นวิถีชีวิตที่ทำให้ค่าสายตาเปลี่ยนได้เร็ว เลยต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ แต่ถ้าหากได้แว่นที่ดีอย่างไอซอพติก ก็จะช่วยยืดถนอมสายตา และยืดระยะการเปลี่ยนแว่นได้นานมากขึ้น 
  1. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อายุการใช้งานของแว่นทุกอันก็ยังคงขึ้นอยู่กับการดูแลแว่นตาของลูกค้าแต่ละท่านด้วย เพราะฉะนั้น อย่าลืมดูแลแว่นตากันดีๆ นะทุกคน!
  12  

 แพงแบบมีคุณภาพจึงประสบความสำเร็จ

มาถึงข้อนี้ก็ยังอึ้งไม่หยุด! เพราะสาเหตุที่ไอซอพติกก้าวขึ้นมาเป็นร้านแว่นชั้นนำได้ ก็เพราะประสบการณ์จริงจากลูกค้าชั้นนำมากมาย ที่การันตีว่าใส่แล้วสุขภาพดีขึ้น ทั้งสุขภาพตา สุขภาพกายและสุขภาพใจ 

หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่า จริงๆ แล้วสายตาของคนเรานั้น เกี่ยวข้องกับสมอง เพราะถ้าหากสมองส่วนการมองเห็นมีปัญหา สมองก็จะใช้พลังงานเยอะขึ้น คลื่นไฟฟ้าก็จะทำงานหนักขึ้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย ภูมิแพ้ ปวดหลัง ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจากสายตาทั้งสิ้น 

แต่หากเราใส่แว่นที่ดี ที่จะช่วยซัพพอร์ตการมองเห็น สมองก็จะทำงานน้อยลง สุขภาพเราก็จะดีขึ้น จนรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าและมีพลัง นี่จึงถือเป็นการลงทุนในระยะยาวเลยก็ว่าได้

เพราะฉะนั้น การมีแว่นที่ดีก็เหมือนเป็นการดูแลดวงตาของเรา ดังนั้นการมีงบและลงทุนซื้อแว่นดีๆ สักอัน ก็เหมือนการลงทุนเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง ไอซอพติกจึงเล็งเห็นจุดนั้นเสมอ ทำให้ลูกค้ารัก และคอยสนับสนุนเรื่อยมา และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมไอซอพติกถึงประสบความสำเร็จ!

  13  

คุณภาพคับแน่นที่มาพร้อมกับหลายราคาให้เลือก

ใครอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ! อยากบอกก่อนว่าแว่นของที่ร้านมีหลายราคา ไม่ใช่ว่าทุกอันจะราคาเป็นหมื่น แสน ล้านไปหมด โดยสำหรับราคาเริ่มต้น จะอยู่ที่แปดพันกว่าบาท โดยแว่นของที่ร้าน ทุกอันจะใช้เลนส์โปรเกรสซีฟหมดเลย และจะออกแบบโครงสร้างเลนส์ รวมถึงกรอบแว่นให้หมดทุกอัน

หากใครที่ยังไม่มั่นใจในคุณภาพของแว่น กลัวว่าจ่ายเงินไปแล้วจะไม่คุ้ม ทางไอซอพติกก็มีรับประกันการใช้งาน 1 ปี ซึ่งหมายถึงว่า หากใน 1 ปี เรายังรู้สึกไม่พอใจในตัวแว่นตา ยังใส่ไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้หรือยังไงก็แล้วแต่ ทางร้านยินดีคืนเงินค่าเลนส์ให้และในส่วนของการชำระเงิน แอดขอบอกว่าทางไอซอพติกเขามีให้ผ่อนชำระได้นะ ปังมาก ซึ่งระยะเวลาในการผ่อนจะมีอยู่ 3 แบบ นั่นคือ 4 เดือน, 6 เดือนและ 10 เดือน (ทั้งหมดเป็นการผ่อน 0%)

  14  

ไอซอพติกพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโลกทุกเมื่อ

“ในอนาคตเมื่อเกิด ความเปลี่ยนแปลงของโลกในวันข้างหน้า ทางแบรนด์ไม่อยู่เฉยแน่นอน และเราจะเริ่มโฟกัสไปที่วัยรุ่นที่มีปัญหาปวดตา สายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็ว รวมถึงแพ้แสง หรือแม้กระทั่งคนที่ชอบเพ่งสายตา”

 

และถึงแม้ไอซอพติกจะเป็นร้านแว่นที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังคงอยากพัฒนาให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมเรื่อยๆ เพราะผู้บริหารนั้น ยังมีความใฝ่ฝันที่จะทำระบบ AI ไว้คอยตรวจวิเคราะห์สายตา รวมถึงตัดแว่นได้ละเอียด เพื่อให้ลูกค้าต่างประเทศที่อยากตัดแว่นกับไอซอพติก จะได้ไม่ต้องเสียเงินบินมาตัดแว่นที่ไทยนั่นเอง 

 

มาถึงตรงนี้แล้ว เราก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าศูนย์แว่นตาไอซอพติกเป็นร้านแว่นตาที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ เขาจึงกล้าท้าให้ทุกคนไปพิสูจน์เลยว่า ถ้าแว่นไม่ดีจริง เขาเต็มใจคืนเงินให้คุณเต็มๆ 100% 

และสุดท้ายนี้ พวกเรา Lifesara ก็ขอจบไปด้วยคำคมจากร้าน ISOPTIK ที่ว่า…

 

“คุณภาพชีวิตเท่ากับคุณภาพการมองเห็น เพราะถ้าคุณภาพการมองเห็นดี คุณภาพชีวิตจะดีตาม จึงอยากให้มาลองแว่นของเรา เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจเป็นคนที่ ใส่ แล้ว รวย!”

________________________________

 

📌ช่องทางติดต่อไอซอพติก

📱 สอบถามข้อมูล FB : ศูนย์แว่นตาไอซอพติก
📌 อัปเดตข้อมูลข่าวสารก่อนใครที่ LINE ID : @isoptik 
👉 เช็คคิวทำนัดวัดสายตา Tel : 086-565-5711
🚚 การเดินทางมาไอซอพติก 
🌐  Web : Isoptik
✅ คำยืนยันจากผู้ใช้แว่นโปรเกรสซีฟไอซอพติกกว่า 120+ คน ดีจนต้องบอกต่อ คลิกอ่านที่นี่เลย