เคยสงสัยไหมว่า “ไข่ดาวเป็ดลาวา” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในท็อปปิ้งเด็ดของคนไทยนั้น มีที่มาจากไหน? 
เกิดเป็นคนไทย ใครไม่เคยลิ้มรสชาติของผัดกะเพรานับว่าตกเทรนด์มาก เพราะอย่างที่หลายๆ คนรู้จักกันดีว่าเมนูอาหารไทยประจำชาติที่อยู่คงทนในใจคนไทยมานาน ถ้าไม่เป็นต้มยำกุ้ง ยังไงก็ต้องยกให้ผัดกะเพรา
1
โปรเจ็กต์ทวงคืนผัดกะเพรา : จุดกำเนิดไข่ดาวเป็ดลาวา
“ไข่ดาวเป็ดลาวา” ได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2560 จากร้านมุมกะเพรา ที่เป็นหนึ่งในร้านแฟนพันธุ์แท้ ที่ชื่นชอบในการอนุรักษ์รสชาติของผัดกะเพรา
โดยในช่วงเวลานั้น รสชาติของกะเพราได้มีการปรับเปลี่ยนไปมาก ร้านส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนแปลงเมนูกะเพราไปในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ใส่ส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปมากขึ้น จนผัดกะเพราที่เรารู้จักกันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เช่น บางร้านมีผักเยอะกว่าเนื้อบ้าง บางร้านก็เค๊มเค็ม จนเราไม่รู้เลยว่าต้นตำรับรสชาติกะเพราดีๆ ที่ควรจะเป็นนั้นเป็นแบบไหน
ด้วยเหตุผลนั้นเอง มุมกะเพราเลยจัด concept “ทวงคืนผัดกะเพรา” จนกลายเป็นไวรัลทวงคืนเมนูในตำนาน เพื่อให้หลายคนตระหนักว่ากะเพราที่แท้ทรูมันเป็นไหน!! และเพราะเหตุการณ์นี้เลยทำให้ร้านมุมกะเพราได้พบกับสูตรความอร่อยแบบไม่ทันได้ตั้งตัวขึ้นมา!
2
ไข่เป็ด วัตถุดิบล้ำค่าที่คนมองข้าม
ด้วยความที่ ทวงคืนผัดกระเพรา กลายเป็นคอนเทนต์ไวรัลไปช่วงหนึ่ง จนอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพี่เจ้าของร้านได้ออกเดินทางค้นหาวัตถุดิบจนได้ไปพบกับขุมสมบัติอันน่าทึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ “ฟาร์มเป็ด” นั่นเอง ซึ่งด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของเขา พี่เจ้าของร้านเลยได้มารู้จักกับฟาร์มเป็ดคุณภาพดีที่เป็นของเกษตรกร และปิ๊งความคิดไอเดียที่จะนำไข่เป็ดนี้มาเริ่มเป็นท้อปปิ้งแทนไข่ไก่นั่นเอง
3
เมนูสิ้นคิดที่ไม่สิ้นคิด
แน่นอนว่า หากร้านไหนมีเมนูดี เมนูเด็ดประจำร้าน ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องโปรโมทกระจายข่าวสารออกไปให้ทุหคนได้รับรู้ มุมกะเพราก็เช่นกัน ทางร้านจึงได้เริ่มทำการตลาดและโชว์เมนูไข่ดาวเป็ดลาวาออกมา โดยเริ่มจากการถ่ายรูปไข่ให้มีความน่ากิน และดูเรียลจริงๆ เพราะงั้นคอนเทนต์ “เมนูสิ้นคิด แต่ไม่สิ้นคิด” เลยกลายเป็นคีย์เวิร์ดที่เข้าถึงคนได้ง่าย ผ่านภาพโปสเตอร์
จากจุดนั้น ทำให้ไข่ดาวเป็ดกลายเป็นกระแสและเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น แต่ทว่า!!! กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่เจ้าของร้านแทบหงายเงิบ เมื่อไข่ดาวเป็ดที่ได้เสิร์ฟให้ลูกค้านั้น เมนูของจริงที่ได้ กลับไม่ตรงปกเหมือนในรูปโปสเตอร์ โดยของจริงนั้นไม่ได้เด้ง ใส นุ่มเหมือนกับภาพเลย !! (วอนลูกค้าอย่าด่า!!)
4
คุมมาตรฐานไข่ดาวเป็ด ตำนานที่ชาวแม่ครัวจำได้ไม่ลืม
ซึ่งจากเรื่องหน้าตาไม่ตรงปกนั้น ก็ได้สร้างผลกระทบตามมาอีกอย่างนึง เพราะทางร้านได้ตั้งเป้าหมายหลักเอาไว้ว่าอยากจะขายไข่ดาวเป็ดที่หน้าตาสวยตรงปกตามในโปสเตอร์ ซึ่งการที่ร้านมุมกะเพรานั้นมีหลายสาขา การคุมคุณภาพมาตรฐานของอาหารก็ต้องเกิดขึ้นตามมาเป็นธรรมดา และความที่อยากคุมคุณภาพ คุณแม่ครัวท่านนึงนามว่า พี่เทเท จึงได้ริเริ่มสูตรการทอดไข่ดาวให้ออกมาสวยเช้ง และนั่นทำให้ที่ร้านมองว่า “ถ้าจะทำให้ไข่ดาวเป็ดออกมาดูดีทุกสาขา ก็ต้องสร้างมาตรฐานให้เหมือนกันทุกสาขา!”
ภารกิจอันสำคัญยิ่ง จึงได้ตกไปอยู่ในมือของเหล่าแม่ครัวร้านมุมกะเพราทุกสาขาทุกคนแทน! นี่เลยกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ชาวแม่ครัวของมุมกะเพราต้องจดจำไปอีกนาน เพราะหลังจากข้อสรุปดังกล่าวออกมา บรรดาแม่ครัวทุกๆ คนจึงต้องมาเริ่มฝึกวิชาและเริ่มศึกษาสูตรให้ไข่ดาวของทุกคนหน้าตาออกมาตรงปกเหมือนกัน ราวกับไข่ได้ทอดออกมาจากแม่ครัวคนเดียวนั่นเอง
5
เมื่อซาลาเปาลาวาได้กลายเป็นไข่ดาวเป็ดลาวา
จนเมื่อกระทั่งเวลาผ่านไป ลูกค้าต่างๆ ที่ได้แวะเวียนเข้ามาที่ร้าน ก็ชอบแซวไข่ของทางร้านว่า ทำไม “ไข่เป็ดของที่นี่อย่างกับซาลาเปาไส้ลาวาเลยล่ะ” ซึ่งเมื่อทางเจ้าของร้านได้ยินแบบนั้น ก็เหมือนได้รับการจุดประกายไอเดียการตั้งชื่อที่จะทำให้ไข่ดาวเป็ดของที่ร้านมีเอกลักษณ์เพิ่มเติมขึ้นไปอีกขั้น
เพราะแบบนั้นเอง “ไข่ดาวเป็ดลาวา” ของร้านมุมกะเพรา จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งสำหรับสูตรไข่ของที่ร้านนี้ก็ค่อนข้างถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่มีเสิร์ฟไข่ดาวเป็ดลาวาแบบน้ำเยิ้มมมๆ เลย ยามที่ได้เจาะไข่แดง ก็จะได้พบกับน้ำลาวาไหลเยิ้มสีส้มประกายสวยราวกับกำลังยืนมองพระอาทิตย์ยามอัสดงยังไงยังงั้น ประกอบกับความเข้มข้นของผัดกะเพราที่ใครได้สูดดมก็ต้องท้องร้องกันเป็นแถว! โดยหากเรานำน้อนไข่ดาวเป็ดลาวามากินคู่กันกับผัดกะเพราแล้ว ก็จะทำให้ได้สัมผัสรสชาติที่ผสมผสานออกมาได้ลงตัวดีแบบเหลือเชื่อนั่นเอง
พอได้มาเห็นภาพไข่ดาวเยิ้มๆ ฟินๆ แบบนี้ หลายคนก็หิวกันแล้วใช่ม้าาา ถ้าอย่างงั้นทุกคนก็อย่าลืมไปลองชิมไข่ดาวเป็ดลาวาได้ที่ร้านมุมกะเพรากันน้า นอกจากนี้พวกเรายังแนะนำให้ทุกคนไปติตดามเพจของร้านไว้อีกด้วยนะ เพราะทางเพจจะคอยอัปเดตโพสต์ที่พร้อมชวนหิวและพร้อมเติมเสียงหัวเราะจากบรรดาโพสต์มีมต่างๆ ที่แอดมินสรรหามาลงทุกวัน! บอกเลยใครสนใจ ก็ลองไปติดตามกันได้ที่ FB : Moomgapao
