รีวิวโรงแรม 5 ดาว ภูเก็ตสุดปัง Skyview Resort Phuket Patong

สารภาพว่ารสชาติอาหารของที่นี่ ทำให้พวกเราบางคนยอมหยุดไดเอท หยุดกินคลีน และลืมเรื่องหุ่นตัวเองไปเลย จะคิดถึงเรื่องพวกนั้นทำไมในเมื่อมีของอร่อยขนาดนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ซึ่งที่นี่จะมีห้องอาหารอยู่สองที่ คือห้องที่ติดกับสระว่ายน้ำและอีกที่คือรูฟท็อปข้างบน พวกเราจะเริ่มจากห้องอาหารติดสระว่ายน้ำก่อนแล้วกัน

ห้องอาหารติดสระว่ายน้ำของทางรีสอร์ต จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม รับความจุได้มากสุด 60 คน ตกแต่งเป็นโซนเปิดโล่งโปร่ง มีลมเย็น ๆ จากธรรมชาติถ่ายเทตลอด อาจจะเพราะห้องมันไม่ใหญ่มาก จึงจำเป็นต้องใช้การดีไซน์แบบเปิดผนังน้อยและไม่ทึบ เพื่อให้ลูกค้าไม่รู้สึกแคบหรือแออัด นอกจากนี้ ด้วยความที่ห้องอาหารไม่ได้ขายความรู้สึกหรูหราราชวังอะไร พวกเราจึงสามารถปล่อยใจสบาย ๆ มีมื้อเย็นที่เป็นกันเอง พร้อมกับเอนจอยบรรยากาศรอบตัวได้

ตลอดทั้งสามวันของการพักผ่อน พวกเราสั่งอาหารกันเยอะมากก มากจริง ๆ เยอะจนจำไม่หมดเลยว่าสั่งอะไรไปบ้าง เริ่มจากอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่เลือกได้ว่าจะกินแบบบุฟเฟต์หรือจะกินแบบตามสั่งก็ได้ (แต่ต้องจ่ายเพิ่ม) ถ้าบุฟเฟต์จะมีพวกขนมปัง แพนเค้ก นม น้ำผลไม้ สลัด ซีเรียล ความน่าสนใจคือเลือกอาหารเช้าแบบ floating ได้ ก็คือเอาไปถ่ายลอยน้ำสวย ๆ ได้เลย (ปล.อาหารกลางวันก็ทำ floating ได้นะ)

แต่ที่ประทับใจสุด ๆ คือจากห้องอาหารตรงนี้ ก็จะมีข้าวผัดสับปะรดกุ้งล็อบสเตอร์ เป็นข้าวผัดรสชาติที่คุ้นเคย แต่ก็มีรสโดดเด่นในเวลาเดียวกัน โดยใช้รสเปรี้ยวของสับปะรดมาช่วยตัดความเค็มและมันของตัวข้าวผัด ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ข้าวผัดดาษดื่นทั่วไป มันผ่านการปรุงและการผัดมาอย่างใส่ใจจนได้รสชาติที่เข้ากันดี

แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีมัสมั่น พาสต้า สลัด กุ้งเสียบมัน ๆ ตัวโต พร้อมน้ำจิ้มบ๊วยรสหวานอมเปรี้ยว เข้มข้นจัดเต็มจริง ๆ คือถ้าสั่งเมนูอาหารทะเลแล้ววางรวมกันบนโต๊ะ ทั้งภาพ กลิ่นและรสชาติ จะเหมือนเชฟยกมหาสมุทรมาปรุงสุกแล้วเสิร์ฟให้พวกเราเลย และในส่วนของห้องอาหารตอนเช้า จะมีให้นั่งแบบ in-door หรือ out-door ก็ได้

ถ้าเลือกนั่งข้างนอก ทุกคนจะได้รับลมทะเลจาง ๆ จากหาดป่าตอง บรรยากาศเงียบสงบ เย็นสบาย และอุ่นไปกับแดดตอนเช้าต่างจังหวัด ทำให้รู้สึกเฟรช สดชื่น เป็นการเริ่มต้นวันที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติสุด ๆ ไปเลย

อีกหนึ่งโซนที่พลาดไม่ได้ก็คือบาร์รูฟท็อป Mojjo Bar โซนตรงนี้จะเปิดทุก ๆ วันพุธถึงวันอาทิตย์ เวลา 1 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม สามารถบรรจุคนได้ถึง 80 คน และความพิเศษคือจะมีดนตรีสดให้ฟังทุกวันพุธตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่งด้วยนะ (แอบให้ความรู้สึกโรแมนติกเบา ๆ ด้วยแหละ)

ก่อนอื่นเลย คืออยากบอกว่าชอบบรรยากาศมาก ๆ ตัวบาร์จะเป็นแบบเปิดโล่ง มีลมเย็นๆ พัดความเหนื่อยล้าออกไปได้เต็ม ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ในตอนกลางคืนได้แบบไม่มีเบื่อ หรือใครอยากนั่งดูอาทิตย์ตกดินก็ไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนในตอนค่ำถึงมืด ถ้ามองลงไปข้างล่างก็จะเห็นแสงระยิบระยับของเมืองวิบวับเต็มไปหมด จนรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมเทศกาลอะไรสักอย่าง แต่ในขณะเดียวกันบาร์ตรงนี้ก็สงบมาก จะเรียกว่าถูกตัดขาดจากความวุ่นวายในเมืองเลยก็ไม่ผิด

ตัวรูฟท็อปบาร์นั้นตกแต่งด้วยสไตล์คิวบา (Cuban-theme) เน้นให้ความรู้สึกคลีน ๆ อยู่กับธรรมชาติ ไม่ได้ดูโมเดิร์นหรือมินิมอลแบบสไตล์ทุนนิยมในเมืองหลวง มีการตกแต่งห้อยสายไฟโทนเหลืองส้มดูอบอุ่น ตั้งกระโจมผ้าขนาดพอดีเป็นมุมให้ถ่ายรูป (แต่ถ้าวันไหนไม่มีลม ยุงจะเยอะหน่อยนะ) แถมยังมีเปลให้นอนเล่นได้อีกด้วย

ในส่วนของโต๊ะนั่งทานอาหารจะมีอยู่สองแบบ นั่นคือแบบปกติกับแบบโซนเคาน์เตอร์สูงติดขอบ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย โดยทางเมนูของบาร์รูฟท็อปที่สกายวิว รีสอร์ตนั้น จะได้แรงบันดาลใจจากสไตล์ ละติน เน้นไปที่เครื่องดื่มค็อกเทลส์รัมแบบทำมือ และอาหารแนวเอเชียน-อเมริกัน ฟิวชันนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเราสั่งนั้น ก็อร่อยทุกอย่างเช่นเคย คร่าว ๆ ก็จะมีกุ้งซอสมะขาม ไก่ผัดเม็ดมะม่วง พิซซ่า เปาะเปี๊ยะเนื้อแน่นกำลังดี กุ้งโสร่ง แกงเขียวหวานเข้ม ๆ นัว ๆ รสมือแกงแบบคนใต้ แต่รสไม่จัดจ้านแบบกระฉูดมากนะ คนไม่กินเผ็ดก็กินได้