อำเภอหัวหิน ตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ และเป็นที่นิยมของคนภาคกลาง เพราะมีทะเลที่สวยงาม สงบ ไม่วุ่นวาย อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ทำให้ใครต่อใครสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ โดยใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สามชั่วโมง
ซึ่งอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ จะอุดมไปด้วยร้านอาหารข้างทาง ตลาด รวมถึงร้านอาหารดัง ๆ ที่มีของกินหลากหลายประเภท ไม่จำกัดความเด่นอยู่แค่อาหารทะเล และหากใครเป็นคนชอบตะลุยสำรวจคาเฟ่แปลกใหม่ ที่นี่ก็มีเต็มสองข้างถนน แต่ละคน แต่ละร้าน ก็มีจุดเด่นและวัฒนธรรมเป็นของตัวเองอย่างเป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่เป็นเอกเทศ แตกต่าง โดดเด่น แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เรียกได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ลับทางของกินมากมาย ที่หลบซ่อนรอให้นักท่องเที่ยวไปค้นหา
และอีกหนึ่งในข้อดีของหัวหินที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ “รีสอร์ท” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากมาป้ายยาให้เพื่อน ๆ ที่กำลังคิดอยู่ว่าจะพักที่ไหนดีที่หัวหิน ได้เก็บเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกค่ะ
อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท (InterContinental Hua Hin Resort) ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหนึ่งในรีสอร์ทริมหาดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง ซึ่งโดดเด่นในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้มากทีเดียว
จุดเด่นของที่นี่คือการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ อย่างหรูหรา พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวทุกคน นอกจากนี้ที่นี่ยังตั้งอยู่ติดริมทะเลมีสระว่ายน้ำส่วนตัว มีบาร์กลางสระ และยังอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหัวหินอีกด้วย เรียกได้ว่า สะดวกครบครันทุกด้านจริง ๆ
1
InterContinental Hua Hin กับการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร
การตกแต่งของที่นี่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากการออกแบบจากศิลปะจากสไตล์ “พระราชณนิเวศน์มฤคทายวัน” ซึ่งเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2466 – 2467 โดยมีนายแอร์โกเล มันเฟรดี (Ercole Manfredi) สถาปนิกชาวอิตาเลียนเป็นผู้ออกแบบ
สำหรับสถาปัตยกรรมของพระราชนิเวศน์นั้น เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ (ไทยผสมยุโรป) สร้างด้วยไม้สักทองลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้นเปิดโล่ง ใต้ถุนสูง บริเวณใต้ถุนทำเป็นคอนกรีต ซึ่งสามารถสังเกตแรงบันดาลใจที่ว่าในสถาปัตยกรรมลวดลายฉลุตามพื้นที่ต่าง ๆ ของรีสอร์ทอินเตอร์คอนติเนนตัล
อีกทั้งในโรงแรมยังมีสะพานเป็นตัวยูเชื่อมต่อแต่ละตึก ประกอบไปด้วยสองฝั่ง ฝั่งทะเลจะมีชื่อว่า “บีชวิง” กับฝั่งตรงข้ามจะใช้ชื่อว่า “บลูพอร์ตวิง” เพราะตั้งอยู่ข้างห้างบลูพอร์ต และเรายังสามารถเดินทางไปยังห้างบลูพอร์ตได้เลยผ่านทางเชื่อม
2
ความแตกต่างที่พิเศษของรีสอร์ททั้งสองฝั่ง “บีชวิง” และ “บลูพอร์ต”
ในทริปนี้ ทางเราได้ไปพักอยู่ที่ฝั่งบลูพอร์ตวิง ซึ่งเป็นฝั่งที่มีสระว่ายน้ำ ทั้งของคนและของน้องหมา มีคาเฟ่ pet friendly ด้วยนะ (สัตว์เลี้ยงเข้าได้ เป็นมิตรต่อน้อง ๆ) ซึ่งห้องฝั่งบลูพอร์ตวิงจะออกแนวราคาประหยัด เหมาะกับทริปเที่ยวของกลุ่มวัยรุ่นหรือแก๊งเพื่อน แต่อย่าได้ห่วงไป ถึงแม้เราจะพักฝั่งบลูพอร์ต แต่เราก็สามารถเดินข้ามสะพานเชื่อมข้ามตึก เพื่อไปกินข้าวฝั่งบีชวิงได้เหมือนกัน เพราะทั้งสองฝั่งนั้น ก็อยู่ในโรงแรมเดียวกันนั่นเอง
ในส่วนของการตกแต่งฝั่งบีชวิง จะให้อารมณ์ความดั้งเดิม ตกแต่งอย่างมีลวดลาย เน้นความเป็นศิลปะร่วมสมัย เป็นการตกแต่งผสมผสานกันอย่างลงตัว เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังทรัพย์สูงหน่อย รวมถึงกลุ่มผู้ใหญ่คนทำงานเป็นต้นไป ที่สามารถจองและจ่ายได้เป็นรายเดือน
ส่วนการตกแต่งของฝั่งบลูพอร์ต ในฝั่งนี้จะให้อารมณ์โมเดิร์นและทันสมัยกว่าฝั่งบีชวิง โดนมีเน้นลวดลายหินอ่อน ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ ถือว่าเป็นฝั่งที่เหมาะกับวัยรุ่น ที่ชอบกินชอบเที่ยวกับชาวแก๊ง รวมถึงชอบความทันสมัยและสนุกสนาน และด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จึงสามารถหารจ่ายกันได้สบายๆ
3
ความประทับใจตั้งแต่วินาทีแรก กับ “พื้นที่” ของโรงแรม
ที่ได้ออกแบบมาอย่างปราณีต
หลังจากที่ได้เข้าพัก ก็รู้สึกได้ว่าโรงแรม InterContinental เป็นโรงแรมที่มีทำเลที่ตั้งดีมาก ๆ เพราะว่าอยู่ติดห้างชนิดที่เดินออกไปหน้าโรงแรมเพียงไม่กี่ก้าว ก็สามารถเข้าไปช้อปที่บลูพอร์ตได้เลย
ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ใหญ่มาก ซึ่งสามารถแบ่งโซนรองรับได้ โดยมีทั้งโซน ที่ให้น้องหมาเข้าพักได้ แล้วก็โซนที่ไม่ให้น้องหมาเข้า ก็ค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับแขกที่รักน้องหมา อยากพาน้องมาพักผ่อนด้วยกัน ไปจนถึงแขกที่ไม่ได้สะดวกใจที่จะให้มีน้องหมาอยู่ด้วย และด้วยการแบ่งโซนแบบนี้ ก็จะทำให้น้องหมาได้อยู่เป็นโซน ๆ ไป เรียกได้ว่าทางโรงแรมได้คิดเผื่ออย่างใส่ใจ ด้วยการแบ่งเขตอย่างชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
ถ้าพูดในแง่ของการตกแต่ง หรือโซนต่าง ๆ ที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยคือ สระน้ำที่มีขนาดกว้างมาก ราวกับว่าสถาปนิกตั้งใจออกแบบมาให้ตัวตึกตั้งโอบล้อมสระอีกทีหนึ่ง ทำให้สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว ไพรเวทได้ดีมาก แถมโซนสระว่ายน้ำจะเชื่อมไปจนถึงโซนหาดเลย ดังนั้นเวลาว่ายน้ำ ก็จะเห็นวิวทะเลที่สวยงามไปด้วยพร้อม ๆ กัน
4
การบริการที่ “โคตร โคตร โคตร” ใส่ใจนักท่องเที่ยว
เมื่อเดินทางมาถึง ทางที่พักจะมีบริการเสิร์ฟ “เวลคัมดริงค์” เป็นชาเสาวรสและผ้าเย็น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์มากเพราะช่วยดับร้อนท่ามกลางอากาศอบอ้าวได้ดี ถือได้ว่าเป็นจุดแรกที่โชว์ให้เห็นถึงความใส่ใจของรีสอร์ทที่มีต่อผู้เข้าพักตั้งแต่วินาทีแรก ซึ่งยังไม่หมดเพียงเท่านี้ การมาพักที่นี่จะทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นหัวใจ เพราะพนักงานทุกคนที่เดินผ่านเรา ย้ำว่า “ทุกคน” เลย จะคอยพูดทักทายพวกเราเสมอ ทำให้เรารู้สึกประทับใจในความน่ารักนี้มาก ๆ
อีกความประทับใจที่อยากบอกต่อ คือ ทางโรงแรมจะมีพนักงานคอยมาเช็คความเรียบร้อยระหว่างการเข้าพักอยู่ตลอด เช่น สอบถามว่าขวดน้ำดื่มที่ตั้งไว้ในห้องหมดแล้วหรือยัง หากว่าหมดแล้ว ทางแม่บ้านก็จะเอาน้ำขวดใหม่มาเติมให้เพิ่มทันที ไปจนถึง การที่มีแม่บ้านคอยเช็คอยู่ตลอดว่า ตอนนี้ลูกค้าแต่ละคนขาดเหลืออะไรบ้าง หรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า คือเป็นความรู้สึกที่ได้เรารู้ว่าเขาใส่ใจและดูแลอย่างจริงใจจริง ๆ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้กับความน่ารักเรื่องสุดท้ายที่อยากนำมาเล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้เจอมาโดยบังเอิญ แต่เป็นความประทับใจที่มากจนอยากบอกต่อ
เรื่องมีอยู่ว่า มีครั้งหนึ่ง พวกเราทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ทานไม่หมด เลยเก็บกลับขึ้นมาบนห้อง จานนั้นพอเวลาผ่านไป เราได้โทรให้ทางรูมเซอร์วิสช่วยเอาอาหารที่เหลือไปเวฟให้หน่อย ซึ่งในตอนนั้น สภาพก่อนส่งให้พนักงานคือสปาเกตตีเหลือแค่ก้นกล่อง เป็นเส้นเหลือ ๆ ที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่
ส่วนขนมปังก็หายไปครึ่งแผ่น แต่ตอนพนักงานเอามาเสิร์ฟ เขาบอกว่า “ขอให้พ่อครัวปรุงเพิ่มเติมให้อีกนิดนึง และขนมปังให้เป็นแผ่นใหม่เลย” คือใส่ใจและน่ารักมาก ๆ ด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านี้ จากอาหารเหลือที่รสชืดๆ เรากลับได้ความอร่อย และอิ่มเอมในความน่ารักของพนักงานที่นี่กลับมาเพิ่มด้วย!
5
ห้องพักที่ให้ฟิลลิ่ง “Welcome” กับความรู้สึกได้รับการ “ต้อนรับ” อย่างอบอุ่น
ในส่วนของห้องพัก เมื่อเดินเข้าห้องมา จะเจอกระดาษโน้ต “Welcome” พวกเราเข้าสู่โรงแรม พร้อมกับขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยและผลไม้ที่จัดเรียงอย่างสวยงามวางให้บนโต๊ะ
ห้องที่เรามาพักครั้งนี้ เป็นห้องที่เดินออกมาทางหน้าระเบียงก็สามารถตรงไปที่สระว่ายน้ำได้เลย แถมโซนระเบียงก็ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ไพรเวท สบายใจและร่มรื่น ซึ่งความรู้สึกพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ เพราะทางรีสอร์ทเขามีการทำม่านต้นไม้กันสายตาคนข้างนอก ไม่ให้มองเห็นเข้ามาในโซนห้องพักอีกทีหนึ่ง
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ “เตียงที่โคตรนุ่ม และหมอนที่โคตรฟู” มันนุ่มสบายเสียจนกลัวว่าถ้าเผลอทิ้งตัวลงไป ก็อาจจะหลับยาวถึงเช้าได้เลย ประกอบกับการที่ห้องพักมีกลิ่นหอม น่าอยู่ พอมาบวกกับหมอนนุ่ม ๆ ที่นุ่มยิ่งกว่าเตียงแล้ว การจะขุดตัวเองให้ลุกขึ้นจากการนอนเปื่อยได้นั้น ใช้พลังงานใจสูงมากเลยทีเดียว 🤣
นอกจากนี้ ในส่วนของห้องน้ำ ก็มีอ่างน้ำขนาดใหญ่มาก แบบที่ถ้าไปกับเพื่อนแล้ว ก็สามารถแชร์กับเพื่อนพร้อมจิบเครื่องดื่มคุยเล่นสนุกสนานได้เลย ซึ่งที่นี่จะมีทั้ง “อ่างอาบน้ำ” และแบบ “ชาวเวอร์” และพวกยี่ห้อของสบู่และแชมพูนั้น ทางโรงแรมได้เลือกใช้แบรนด์ Hann ซึ่งจัดว่าเป็นแบรนด์ที่อยู่ Top tier สำหรับแบรนด์เครื่องอาบน้ำเลย
6
มาพักโรงแรมทั้งที ก็ต้องมี “Breakfast” ที่จุใจ
การทานอาหารเช้าของที่นี่ สามารถเลือกได้ 2 ร้านและแบ่งออกเป็นสองสไตล์ โดยร้านแรกที่อยู่ฝั่งติดทะเล จะเสิร์ฟเป็นไลน์บุฟเฟต์ ส่วนอีกร้านที่จะอยู่ฝั่งบลูพอร์ตหัวหิน จะเสิร์ฟเป็นจานเดี่ยวนั่นเอง
สำหรับโซนบุฟเฟต์นั้น เราชอบไลน์อาหารเช้าของที่นี่ตรงที่เขามี “อาหารเนื้อตัดเย็น” (Cold cut) ให้เลือกหลากหลาย รวมถึงชีสหลากชนิดเป็นตัวเลือกสำหรับสายชีสและคนที่อยากลองทานอะไรใหม่ ๆ ละอาหารคือมีให้เลือกหลายสไตล์หลายชนชาติมาก แอบกระซิบว่าไส้กรอกของที่นี่เนื้อแน่น อร่อย ถูกใจสายไส้กรอกแน่นอน
นอกจากนี้ ที่โรงแรมยังมีผลไม้ให้เลือกค่อนข้างเยอะ มีทั้งแบบที่เป็นลูก ให้นักท่องเที่ยวไปแกะและกินเองตามใจชอบ กับแบบที่ปอกมาให้แล้วสำเร็จพร้อมทานได้เลย ซึ่งจะมีตั้งแต่ยำผลไม้ ไปจนถึงแบบ Fruit Salad ที่ทางโรงแรมเชื่อมมาให้แล้ว
นอกจากเมนูผลไม้ ที่นี่ก็มี “ไข่” ให้เลือกหลายแบบเช่นกัน โดยเขาจะมีใบมาให้เลือกชนิดของไข่ ละให้เราติ๊กเลือกเลย และอีกหนึ่งจุดที่คนอาจจะคิดว่าเป็นเมนูธรรมดาอย่าง Station “ข้าวมันไก่” แต่ขอบอกเลยว่าข้าวมันไก่ที่โรงแรมนี้อร่อยมาก ห้ามสบประมาทความอร่อยนี้โดยเด็ดขาดเลยนะทุกคน
7
มาต่อกันที่ร้าน Cafe de khoi คาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารทั้งแบบเซ็ต และ a la carte
ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในโซน Pet-friendly เราจะได้สัมผัสความน่ารักของน้องหมา ที่เจ้าของพามาทานอาหารเช้าด้วย ซึ่งในส่วนนี้ ทางโรงแรมจะมีใบอาหารเช้ามาให้เลือก โดยที่เราสามารถเลือกจานหลักได้สองจาน และสามารถเติม Side dish ได้เรื่อย ๆ ในส่วนที่เราได้ลองคือเซ็ตขนมปังปาดอาโวคาโด ซึ่งมีความหอม มัน อร่อย ทานแล้วรู้สึกเฟรช หรือจะเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างเมล็ดเจียที่ใส่ในถ้วยคล้ายโยเกิร์ต แต่จริง ๆ เป็นน้ำกะทิที่ท็อปด้วยผลไม้ อัลมอนด์ และมะพร้าวอบกรอบก็มีเช่นกัน
ใครที่ไม่ชอบทานอาหารสไตล์อเมริกันหรือยุโรป ก็สามารถเลือกเป็นอาหารสไตล์เอเชียได้ ซึ่งหนึ่งในเซ็ตที่มีโอกาสได้ลองสั่งมาทานคือเซ็ตก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ที่ความพิเศษคือ เหมือนกับว่าเขาได้มีการปรับสูตรให้อาหารดูสุขภาพดีมากขึ้นด้วย จึงทำให้เรารู้สึกไม่หนัก กินแล้วไม่รู้สึกผิดชนิดที่อยากวิ่งเข้าฟิตเนสหลังกินเสร็จ (หัวเราะ)
อีกอย่างสำหรับ Cafe de Khoi คือนอกจากอาหารเช้าแล้ว ที่นี่ยังมีโซนคาเฟ่ที่เสิร์ฟชายามบ่าย (Afternoon tea) อีกด้วย
8
“CoCco Bar” บาร์บรรยากาศ Outdoor ตัวเย็นสบาย ใจก็เป็นสุข
ในส่วนของโซนบาร์ของทางรีสอร์ท พวกเราได้มีโอกาสลอง “CoCco Bar” เป็นบาร์ Outdoor ภายในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งที่ติดทะเล จุดเด่นของที่นี่คือมีบรรยากาศที่ดีมาก ๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย และตั้งอยู่ข้างสระว่ายน้ำ สไตล์คล้าย บีช บาร์ ซึ่งเราสามารถว่ายน้ำจากสระส่วนกลางขึ้นมานั่งในสระของโคโค่บาร์ได้ อีกทั้งยังมีผนัง Line Art เหมือนนั่งอยู่ริมทะเลสไตล์อังกฤษ บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับการชวนแฟนมาเดทสุด ๆ
หากมานั่งที่นี่ในช่วงเย็นก่อนแสงหมด เราจะได้เห็นภาพสวยงานริมขอบทะเล เห็นแสงพระอาทิตย์กำลังตก ละพอยิ่งใกล้ค่ำ แสงของที่นี่จะเปลี่ยนเป็นแสงโทนหรู ทันสมัย ผสมกับเพลงที่ดีเจเปิดได้อย่างลงตัว รวมไปถึงการบริการของพนักงานที่นี่ ก็ยังคงมาตรฐานความใส่ใจตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ารีสอร์ท เพราะในช่วงเวลาอาทิตย์ตกดินของตอนเย็น พี่พนักงานจะแถมมียากันยุงกับแอลลกอฮอล์ล้างมือมาให้ด้วย
ในส่วนของอาหาร ขอแนะนำเมนู Wagyu Burger Foie Gras ฟัวกราส์เนื้อแน่น ตับห่านชิ้นโตเต็มคำ เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ชีสและกินคู่กับสลัดในเมนูเดียว นอกจากของคาวแล้ว ตัวเครื่องดื่มเองก็มีการคิดค้นขึ้นมาอย่างมีสไตล์เช่นกัน โดยเครื่องดื่มที่นี่จะมีสไตล์ความเป็นยุโรป แต่ให้กลิ่นอายความเป็นไทยที่มีให้ลองที่นี่ที่เดียว รสชาติถือว่าแปลกใหม่มากๆ
9
จบทริป InterContinental Hua Hin Resort
พร้อมกับความรู้สึก “อยากจะกลับมาอีก”
จบไปกับทริปหัวหินและที่พักสุดหรูที่พวกเราประทับใจ อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ในขณะที่กำลังเดินทางกลับ พวกเราก็เกิดความคิดในใจขึ้นมาว่า “ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปอีก” เพราะนี่เป็นประสบการณ์การพักผ่อนที่อิ่มเอมใจ ที่ทำให้เราเหมือนได้กดปุ่มหยุดเวลา เพื่อหลีกหนีช่วงชีวิตที่ทั้งเครียดและหนักหน่วง โดยมีพนักงานที่น่ารัก อาหารอร่อย ๆ การบริการใส่ใจในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จุดที่ตั้งที่อยู่ใกล้ห้าง และเดินทางสะดวก ถือว่ามีแต่ความสบายใจตลอดจนนาทีสุดท้ายที่เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
หากใครสนใจอยากรู้จัก InterContinental Hua Hin Resort มากขึ้น ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ไปได้เลยยย
FB : InterContinental Hua Hin Resort
Web : InterContinental
สำหรับบทความโรงแรมอื่น ๆ ที่เราเคยไป ตามอ่านได้ที่นี่!
–Laguna Grand Songkla
–Skyview Resort Phuket Patong