“ทำไมถึงส่งพ่อแม่ไปอยู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ?”
“พ่อแม่แค่สองคนเลี้ยงไม่ได้จริงๆ เหรอ?”

หนึ่งคำพูดสั้นๆ แต่ล้านความรู้สึกต่อตัวผู้ฟัง ทำให้กลายเป็นภาพจำของบ้านพักคนชรา หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ส่งผลแง่ไม่ดีต่อสายตาคนอื่นมาตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้รู้เลยว่า “นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”

ปัจจุบันอัตราผู้สูงอายุในปี 2565 มีมากถึง 12,698,362 คน คิดเป็น 19.21%* ในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี โดยผู้สูงอายุก็ยังมีโรคประจำตัวและป่วยหนักร่วมด้วย บางคนถึงขั้นนอนติดเตียง ต้องคอยดูแลตามอาการ ทำให้บางครั้งโรงพยาบาลก็อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง บางครอบครัวก็กลัวผู้ป่วยเสียกำลังใจ รวมถึงตัวครอบครัว ที่บางครั้งก็กังวลอยากไปดูแลแต่ไม่มีเวลาว่างมากพอ และอีกบางครอบครัวที่ผู้ป่วยค่อนข้างเอาใจยาก ทำให้ตัวเองเสียสุขภาพจิตไปแบบไม่รู้ตัว ซึ่งทุกๆ ครอบครัวก็ล้วนเจอสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกันเลย คือ “พวกเขาต้องการให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด เพื่อให้กลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากันเหมือนเดิม” 

‘ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ’ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ครอบครัวส่วนใหญ่ทำการบ้านหนักมาก เพราะแน่นอนว่านี่เป็นเหมือนการลงทุนครั้งสำคัญ เพื่อมองหาศูนย์ดูแลที่จะมาตอบโจทย์ ทั้งผู้ป่วยและตัวเรานั่นเอง วันนี้พวกเรา Lifesara จึงอยากพาคนที่กำลังตัดสินใจพาคนสำคัญ ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยหนัก
มาดูศูนย์ดูแลแห่งหนึ่งในกรุงเทพแถวประเวศที่ตั้งตระหง่านในที่ดินรอบล้อมไปด้วยต้นไม้กับ ‘Healthy Habitat
หนึ่งในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น’ 

ที่ที่เต็มไปด้วยโทนสีเขียวสดใส ตัดกับสีน้ำตาลให้ความอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมทั้งมีบุคลากรเก่งๆ และคุณหมอเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น มาคอยดูแล และช่วยเหลือถึง 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นกึ่งโรงพยาบาลดี ๆ นี่เอง แต่นี้เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้นนะทุกคน หากอยากรู้ว่าในศูนย์จะมีบริการอะไรน่าสนใจและจะตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่บ้านของเรายังไงบ้าง ไปติดตามกันเลยจ้า

ข้อมูลอ้างอิง อัปเดต 10 เม.ย 66

 1 

‘Healthy habitat’

กับการสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการให้ผู้ป่วยฟื้นฟูเต็มที่
และพร้อมกลับบ้านไปอย่างมีความสุข

Healthy habitat สร้างขึ้นมาเพราะมองว่ามีหลายๆ ที่ ยังดูแลผู้ป่วยได้ไม่ตอบโจทย์มากพอ ด้วยความที่เจ้าของเองก็เป็นหมออายุรกรรม ที่เห็นเคสเจอผู้สูงอายุที่ป่วยมาเยอะ ไม่ว่าจะกลุ่มผ่าตัด หลอดเลือดสมอง ที่จู่ๆ ก็เป็นแบบไม่รู้ตัว จึงเข้าใจความรู้สึกเลยว่า กลุ่มผู้ป่วยล้วนไม่มีใครมีเวลาเตรียมใจเลยว่าจะป่วยจนกระทั่งเกิดขึ้น

“พอเขามาป่วย ทำอะไรไม่ได้ ก็รู้สึกเหมือนตนเป็นภาระ เราเลยอยากเปิดศูนย์ที่เหมือนทำให้เขากลับมาฟื้นฟูทางจิตใจ รู้สึกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” เจ้าของกล่าว เพราะแบบนั้นจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ‘แล้วจะต้องทำยังไงให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น’ นี่เลยเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ยึดมั่นกับตัวเองเลยว่า ‘ต้องเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นของตัวเอง’ จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้ป่วยได้มาที่นี่เพื่อฟื้นฟูจิตใจและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งนั่นเอง 

ปัจจุบันทางศูนย์เปิดมาแล้วกว่า 4 ปี ได้รางวัลสถานประกอบการผู้สูงอายุ และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข โดยทุกวันนี้นับว่าเป็นกึ่งโรงพยาบาลที่เน้นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยพักฟื้น รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง อย่างคนที่เป็นหลอดเลือดสมอง หรือผู้ป่วยที่อยู่ในอาการประคับประคอง จากความกังวลใจที่จะพามาที่นี่ดีไหม จึงกลายเป็นความไว้วางใจ จนเกิดการบอกต่อปากต่อปาก

  2  

การ ‘ดูแล’ ที่ทำให้หลายครอบครัว ‘เชื่อใจ’
ด้วยทีมบุคลากรทางแพทย์พร้อมช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง

เคยเจอหรือไม่? เมื่อเวลาคุณพ่อคุณแม่วัยชราต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะที่เรางานยุ่งต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
ควบไปด้วย เราไม่รู้เลยว่าในระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลดูแลคนสำคัญของเราเป็นยังไงบ้าง เพราะแน่นอนว่า
ที่โรงพยาบาลนั้นมีหลายเคสที่ต้องคอยดูแล

ยิ่งเป็นห้องรวมเรียงกันหลายเตียง บางคนก็พูดคุยกันไม่ได้ หรือจะห้องเดี่ยวที่อาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้น กว่าญาติ ๆ จะเลิกงานก็ปาไปมืดค่ำ ไม่ทันเวลาเยี่ยม รวมถึงบางครั้งที่เราไม่ค่อยมีเวลาไปบ่อยๆ อีก ยิ่งเพิ่มความกังวลสูงขึ้น
ผู้ป่วยก็อาจขาดกำลังใจ ไม่แปลกที่ต่างคนจะต่างเสียสุขภาพจิต ซึ่งจุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่แค่ช่วย ‘ฟื้นฟูกายภาพ’ แต่ยังพร้อมช่วยดูเรื่อง ‘จิตใจ และโภชนาการ’ เรียกได้ว่าดูแลครบองค์รวมเลยทีเดียว โดยจะแบ่งออกมาได้ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่

  1. หมอดูแลทางการแพทย์ : คอยดูแลสุขภาพโดยรวม พร้อมดูแลยาที่เหมาะสม
  2. หมออายุรกรรม : คอยดูวิธีการใช้ชีวิต การเคี้ยวอาหารของผู้สูงอายุ
  3. ผู้เชี่ยวชาญกายภาพบำบัด : มีหน้าที่คอยมาดีไซน์กิจกรรม ว่าแบบไหนจึงจะตอบโจทย์ผู้เข้ารับการบำบัด


หากแยกมาอีกที ที่นี่จะมีทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ คอยดูแลแบบใกล้ชิด ที่จะคอยเข้าหา คอยพูดคุยเพื่อพร้อมรับมืออย่างดี  ไม่ว่าจะเป็น

  1. คุณหมอเชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ
  2. คุณหมอเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู
  3. คุณหมอเชี่ยวชาญด้านด้านมะเร็ง
  4. ทีมพยาบาลคอยดูแลตลอด 24 ชม.
  5. มีนักกายภาพบำบัด และนักโภชนาการ


ทุกอย่างคือดูเป็นแบบแผนมาก อย่างเมื่อเวลามีผู้ป่วยใหม่เข้ามาพักฟื้น ทุกทีมจะเข้ามาร่วมประชุมคุยกันเลยว่า ‘จะฟื้นฟูยังไง อาหารแบบไหน บำบัดยังไงดี’ ซึ่งจะคอยดูแลสุขอนามัยอย่างละเอียด ครอบคลุมหลายด้าน
อย่างกรณีที่ต้องคอยพลิกตัวทุกกี่ชม. ทางศูนย์ก็จะตั้งเป้าหมายเลยว่า “ต้องทำทุกทางเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้” เรียกได้ว่าแต่ละเคสเขาจะตั้งเป้าหมายชัดเจนเลย และอีกสิ่งที่ทำให้สบายใจเพิ่มขึ้นเลย นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาที่มีเหตุฉุกเฉิน ทางศูนย์จะมีรถโรงพยาบาลที่ดีลไว้มารับอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะส่งผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลได้ทันที คลายกังวลไปอีกหนึ่ง!

  3  

บรรยากาศ และความสะดวกสบาย
ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง

ปกติโรงพยาบาลเขาจะไม่ค่อยมีนโยบายพาผู้ป่วยออกไปนั่งเล่น หรือทำกิจกรรมด้านนอก เพื่อคลายเครียดหรือสูดอากาศผ่อนคลายสักเท่าไหร่ แต่สำหรับที่ Healthy Habitat ทุกอย่างสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้สูงอายุได้ทั้งออกกำลังกาย พร้อมสร้างสุขภาพจิตที่ดี ควบคู่กับความสะดวกสบายไปด้วย อีกจุดเด่นของทางศูนย์นั่นก็คือ เขาจะไม่ทำให้บรรยากาศที่นี่หม่นหมอง โดยการตกแต่งจะเน้นไปในโทนสดใส ตัดเล่นกับสีเขียวสีน้ำตาล เพื่อให้ความรู้สึกสบายใจ

นอกจากนี้เขายังสร้างที่นี่ให้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุทุกคน ให้สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนเลยนะ ตั้งแต่ทางเดิน ห้องพักทั้งแบบเดี่ยวและแบบรวม ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนลอยฟ้า ซึ่งทุกที่เขาจะสร้างทางให้ลาดเอียง เพื่อผู้ที่ใช้วีลแชร์จะได้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้นนั่นเอง แถมที่นี่ยังมีสวนเล็กๆ ที่มีต้นไม้ล้อมรอบ ไว้ให้นั่งเล่นด้วย นอกจากนี้ ระหว่างที่นั่งคอย เราก็จะได้เห็นโมบายน่ารักๆ ห้อยระย้าสวยงาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของผู้ป่วยที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่นี้เอง ถือเป็นงานฝีมือของผู้ป่วยที่ช่วยสร้างความทรงจำ และเพิ่มพลังบวกของผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นนั่นเอง

  4  

ห้องนอนดีไซน์ตอบโจทย์ พักสบายใจ
มีคนคุมดูแลใกล้ชิดตลอดทุกชั่วโมง

ที่นี่แอบคล้ายโรงพยาบาลที่จะมีทั้งห้องเดี่ยวและห้องคู่ ซึ่งห้องทั้งสองประเภทก็จะมีความสะดวกสบายที่ต่างกันดังนี้

ห้องเดี่ยว
– พยาบาลจะคอยมาเดินดูทุกๆ ชั่วโมง หรือจะเรียกก็ได้เพียงแค่กดออด
– ถ้าใครมีผู้ติดตามหรือพยาบาลประจำตัว สามารถให้เข้ามานอนด้วยได้ 1 คน
– ในห้องมีไมโครเวฟ ตู้เย็น พร้อมใช้
– หากใครชอบห้องใหญ่กว่านี้ ที่นี่ก็มีห้อง VIP ซึ่งเหมือนกับห้องเดี่ยวปกติ แต่ขนาดกว้างกว่า

ห้องรวม

– การจัดวางเตียงแต่ละห้อง จะมีมากสุดแค่ 6-8 เตียง ไม่แออัด เพราะปกติที่อื่นค่อนข้างวางเตียงแน่นประมาณนึง
– หนึ่งห้องจะมีเซ็ตพยาบาลคอยดูแลแยก
– มีโต๊ะพยาบาลอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย ซึ่งสามารถดูแลแบบใกล้ชิด
– มีโซนโซฟา โซนกิจกรรม ดูทีวีสบายๆ 

  5  

โซนกายภาพบำบัด ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์คุณภาพ และนักกายภาพคอยดูแล 

ต่อจากบรรยากาศและความสะดวกกันไปแล้ว สิ่งที่ดีไม่แพ้ส่วนอื่นเลย ก็คือการกายภาพบำบัด ซึ่งที่นี่เขาจะมีห้องสำหรับให้ผู้ป่วย active เข้ามาเล่นอุปกรณ์ได้ตามสไตล์ โดยของทุกอย่างนั้น มีมาตรฐานอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง จักรยานปกติ เครื่องฝึกยืน หรือเป็นเครื่องอัลตร้าซาวน์ลดปวดแบบที่โรงพยาบาลเขามีกัน เรียกได้ว่ามีครบมาก ๆ

และอีกข้อดีที่เป็นอีกจุดเด่นเลย ทุกครั้งที่กายภาพ เขาจะมีนักกายภาพบำบัดดูแลประกบแบบ 1-1 หรือนักกายภาพ 2 ผู้ป่วย 1 คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลย ซึ่งการกายภาพหลักๆ จะขึ้นอยู่กับเคสด้วย เช่น ถ้าผ่าตัดสะโพก ก็จะเน้นเสริมกล้ามเนื้อ upper part+สะโพก ปรับท่าเดิน ไม่ให้กลับไปล้มอีกรอบ หรือกรณีผู้ป่วย stroke เขาก็จะวางแผนกันเลยว่า จะกายภาพบำบัดยังไง ให้ร่างกายจะกลับมาฟื้นฟู 80-100% ได้ใน 90 วันแรก

นอกจากนี้ทางศูนย์ยังมีสวนลอยฟ้าในที่ร่ม เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว และวิวรอบเมือง สำหรับฝึกการเดินแบบสบาย ๆ หรือจะนั่งดูท้องฟ้า ท่ามกลางบรรยากาศรอบๆ ก็สบายไม่แพ้โซนไหน

อีกโซนที่ผู้สูงอายุชอบกันมากๆ เลย คือโซนวารีบำบัด หรือก็คือการกายภาพที่อาศัยแรงต้านของน้ำ สำหรับให้ผู้สูงอายุได้กายภาพผ่านตัวน้ำที่เป็นกลาง ทำให้เพิ่มทักษะการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงลดความเจ็บปวด ซึ่งนอกจากจะเป็นอีกโซนบำบัดที่หลายคนชื่นชอบมากๆ แล้ว โซนนี้จะยังเป็นอีกมุมที่จะทำให้เราเห็นผู้สูงอายุได้เล่นกันอย่างสนุก เหมือนกับย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้ง

6

กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับมีความหมายดีๆ แฝงอยู่

ถ้าใครมาที่นี่จะแอบสังเกตว่า ทำไมถึงมีงานประดิษฐ์มากมายห้อยระย้าสวยงาม ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นอาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับที่นี่นั้นไม่ใช่ เพราะสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นล้วนถือว่าเป็น ‘ความทรงจำของผู้ป่วยทุกคนที่เคยใช้บริการ’ 

โดยที่นี่เขาจะมีกิจกรรมสำหรับผู้ป่วยให้ได้ระดมสร้างชิ้นงานกัน ซึ่งหากสังเกตระหว่างทางเดิน เราจะได้เห็นผลงานของผู้สูงอายุที่ตั้งใจทำกันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสายห้อยโมบาย รูปวาดต่าง ๆ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยสร้างพลังใจให้คนที่ยังฟื้นฟูอยู่ รวมถึงคนที่กลับบ้านไปแล้ว ก็ถือว่าได้ทิ้งร่องรอยแห่งความภูมิใจในตัวเองเอาไว้ เวลากลับมาเยี่ยมก็จะรู้สึกปลื้มปริในผลงานตัวเองนั่นเอง

นอกจากจะสร้างความภูมิใจแล้ว นี่ยังถือเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และช่วยลดการนอนอยู่เฉยๆ ของผู้ป่วยได้ดีเลย ซึ่งในทุกกิจกรรมก็จะมีนักกายภาพบำบัดและพยาบาล ที่คอยช่วยออกแบบ ช่วยดูแลกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่น ทำงานฝีมืองานเทศกาลต่าง ๆ เล่นลูกบอล ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยฝึกสมอง ฝึกกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว

  7  

อาหารตามโภชนาการที่มาพร้อมกับความน่าทานจนน่าตกใจ 

เชื่อว่ามีหลายคนที่นอนโรงพยาบาล อาจจะไม่ชอบอาหารโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เขาให้อะไรมา เราก็ต้องกิน ซึ่งสำหรับที่นี่เขาก็มีอาหารให้ไม่ต่างกับโรงพยาบาลหรอก แต่ที่ต่างออกไป ก็คงเป็นเรื่องที่เขาจะเน้นความน่ากิน เน้นความสวยงามของหน้าตาอาหาร จนบางคนไม่คิดว่าอาหารแบบนี้ จะครบโภชนาการได้ยังไงกันนะ! แต่บอกเลยว่าอาหารของที่นี่ ทางศูนย์ดูแลเขาจะเน้นตอบโจทย์ผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะเลยนะ เช่น เมนูนี้จะเหมาะกับผู้ป่วยโรคไตมากกว่า หรือเมนูนี้ต้องทำให้กับผู้มีโรคเบาหวาน

  8  

ศูนย์พักฟื้นที่อยากแนะนำให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดมาฟื้นฟูร่างกาย

ถ้าจะมีคนสงสัยว่า แล้วทำไมถึงต้องแนะนำ Healthy Habitat?
ก็คงต้องบอกว่า สำหรับที่นี่แล้ว มักจะมีกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ามาบริการบ่อย ๆ อยู่ไม่กี่ประเภท กลุ่มแรกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่อยู่ ๆ ก็ป่วย ละกลายเป็นว่าอยู่ๆ ก็ใช้ชีวิตลำบาก ขึ้นมาเฉย ซึ่งจะมีหลายแบบเลย อาทิ ผู้ป่วยหลังผ่าตัด, ผู้ป่วยระยะพักฟื้น, ผู้ป่วยจากโรคหลอดเลือดสมอง, ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต, ผู้ป่วยอัลไซเมอร์, ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น และผู้ป่วยติดเตียง
 
และอีกกลุ่มประเภทที่ต้องเน้นเลย คือผู้ป่วยหลังผ่าตัดจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะต้องใช้เวลาช่วงแรกในการฟื้นฟูร่างกายอย่างมาก จึงต้องมีวินัยและกายภาพสม่ำเสมอ ด้วยความที่ทางศูนย์ไม่ได้แค่คอยดูแลตามอาการ แต่เขาจะทำทุกทางเพื่อฟื้นฟูและมองอนาคตเลยว่า ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นที่ศูนย์ประมาณกี่เดือนถึงส่งต่อให้ญาติดูแลได้ และในตอนที่อยู่ที่นี่ คนไข้จะต้องฟื้นฟูได้กี่ % ซึ่งทุกทีมจะมาคุย อัปเดตกันทุกสัปดาห์เลยว่า อาหารเป็นยังไง การออกกำลังกายทำได้ดีไหม อาการล่าสุดเป็นยังไง และมีส่วนไหนที่ต้องคอยปรับบ้าง
 
ฉะนั้นที่นี่จึงครอบคลุมการดูแลตั้งแต่ต้นจนจบให้อย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สุขอนามัย ความปลอดภัย อาหารโภชนาการที่ไม่น่าเบื่อ และบุคลากรที่คอยดูแลในทุก 1 ชั่วโมง พร้อมคอยวิ่งเข้าหา เพื่อคุยกับผู้ป่วยเสมอ ที่นี่จึงมีแต่ความสะดวก ความสบายใจและเอื้ออำนวยต่อผู้ป่วยหลังผ่าตัดมากๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมญาติ ๆ ถึงให้ใจให้ Healthy Habitat ได้ดูแลคนสำคัญของตนกันหลายคน
  9  

รวมคำถามยอดฮิตที่อาจจะสงสัยเกี่ยวกับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

“พ่อแม่พยายามมากเลยนะ ที่จะพาเด็ก ๆ ไปเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุด ซึ่งในทางกลับกัน พอเราเป็นลูก ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพ่อแม่” คุณหมอเมย์ พญ.วรฉัตร เรสลี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ประจำศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเฮลท์ตี้ แฮบบิแทท อายุรแพทย์ เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อ กล่าวไว้

ขนาดตอนเรามีลูก เรายังคิดแล้วคิดอีกเลย ว่าจะพาลูกไปเรียนที่ไหนดี ที่สังคมน่าอยู่ สวัสดิการดี ซึ่งเราก็ต้องทำการบ้านหนักเช่นกันว่าเราจะวางใจกับโรงเรียนนี้ไปฝากลูกๆ ได้ยังไง ซึ่งกลับกันก็ไม่ต่างกับที่ตอนนี้เรากำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นอีกทางเลือกให้เขาได้มาพักฟื้นตัว กับสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อที่เราต้องการให้เขากลับมาสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม และกลับมาบ้านอยู่กับทุกคนได้อีกครั้ง

—————————————————— 

Q&A รวมคำถามเกี่ยวกับมุมมองคนทั่วไปที่มีต่อศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่พบบ่อย

Q1 : ผู้สูงอายุจะเหงาไหม?

  • แน่นอนว่าใครอยู่ห่างบ้านก็ต้องมีอาการคิดถึงบ้านกันทุกคน ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจทั้งตัวผู้ป่วยและตัวครอบครัว แต่ถ้าป่วยนอนอยู่บ้านและต้องรอเวลาลูกหลานกลับมาตอนเย็นเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจจะติดนอนกลางวันและตื่นกลางคืน ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ขยับตัว สมองอาจฝ่อได้ เพราะกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้ใช้งาน
  • หากอยู่ที่นี่เขาจะวางแผนการดูแล และมีกิจกรรมสม่ำเสมอ มีเพื่อนคุย บุคลากรคอยดูแล 24 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น ยังทำให้ครอบครัวไม่พะวงกังวลอีกด้วย แต่ก็ต้องขอความร่วมมือกับญาติเพื่อโทรหาหรือหาเวลาเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ ด้วยนะ เพราะยาไหนก็ไม่ดีเท่ายาที่บ้าน
  • นอกจากนี้ทางศูนย์ยังมีทีมกายภาพคอยเข้าไปคุย เล่นเป็นเพื่อนด้วย หรือหากไม่อยากนอนคนเดียว เขาก็ยังมีนโยบายให้สามารถให้มีผู้ติดตามหรือพยาบาลส่วนตัวมานอนเฝ้าดูแลเป็นเพื่อนได้ 1 คนด้วยนะ ซึ่งช่วยคลายความกังวลให้กับผู้ป่วยได้ดีทีเดียว


Q2 : คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าการเอาผู้สูงอายุมาฝากไว้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ มันดูอกตัญญูรึเปล่า? 

  • จริงๆ แล้วแต่คนจะคิดแต่ถ้าให้เทียบกัน ทางเราจะคุมคุณภาพให้แบบตอบโจทย์ได้ไม่แพ้กันเพราะหลังจาก
    ผู้ป่วยหายดี ถึงเวลาจะกลับบ้าน ทางศูนย์จะมีการสอนวิธีดูแลให้กับญาติ ๆ ที่เป็นคนคอยดูแล โดยจะให้ lodgebook ไปเลย ซึ่งจะบอกทั้งอาหารที่เหมาะสม ยาที่ใช้อยู่เป็นยังไง ท่ากายภาพควรจับแบบไหน เพื่อที่เขากลับไปจะได้ดูแล
    ได้อย่างถูกต้อง
     


Q3 : การจ้างแม่บ้าน เด็กศูนย์ พยาบาลที่ไม่รู้จักมาดูแลถึงที่บ้านดีกว่าไหม?

  • ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่ทางเราจะดูแลครบองค์รวมให้เข้าแต่ละคนเลย อย่างก่อนกายภาพทุกครั้ง ทางเราจะมีการประเมินคนไข้เพื่อวัดขนาดตัว เพื่อที่จะได้จัดทีมที่มีคนพอดีกับตัวด้วยนั่นเอง สำหรับใครที่อยากเรียกพยาบาลมาดูแลแทน บางครั้งพยาบาลอาจไม่ได้เชี่ยวชาญด้านงานกายภาพขนาดนั้น เพราะส่วนใหญ่การกายภาพที่บ้าน มักจะมีแค่คนเดียวไปเสมอ อีกทั้งที่นี่จะจ่ายยาได้แบบทันที ซึ่งพยาบาลจะจ่ายยาได้ก็ต่อเมื่อต้องผ่านคุณหมอก่อน ก็จะประหยัดเวลามากขึ้น”
  10  

เพราะคนสำคัญของคุณคือหัวใจการให้บริการของเรา

สำหรับครอบครัวไหนที่ไม่มีเวลาดูแลคนสำคัญเท่าที่ควร ก็อยากให้มองว่า การให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลนั้น ย่อมทำให้สบายใจได้มากกว่า ซึ่งในปัจจุบัน ที่ต่างประเทศเขาก็ค่อนข้างแฮปปี้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกันมากๆ เลยน้า

หากใครที่มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ที่กำลังป่วยและดูแลตัวเองไม่ได้ รวมถึงตนอาจจะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ดีมากพอ ก็อยากให้ลองพาพวกเขามาดูที่ Healthy Habitat ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นกัน เชื่อเลยว่า ชีวิตของคนสำคัญนั้นจะดีขึ้น พร้อมๆ กับตัวคุณที่ได้รับการคลายความเหนื่อย ลง ‘เพราะคนสำคัญของคุณ คือหัวใจการให้บริการของ  Healthy Habitat ที่นี่พร้อมต้อนรับทุกคน 24 ชั่วโมง’ วางใจได้เลย

————————-—————————– 

อัตราค่าบริการดูแลสุขภาพ Healthy Habitat
สำหรับที่นี่ ราคาจะขึ้นอยู่กับการดูแล ยิ่งถ้าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เจาะหน้าท้อง ให้อาหารทางสายยาง ก็จะมีการบวกเพิ่มด้วย ซึ่งหากมองจริง ๆ ทางศูนย์บอกเองเลยว่า ถ้าให้เทียบความคุ้มค่าแล้ว คือราคาถูกกว่าโรงพยาบาลถึง 60% เลยค่า

ราคาห้อง
– ห้องรวม 35,000 บาท/เดือน
– ห้องเดี่ยว 55,000 บาท/เดือน 

สวัสดิการที่จะมีให้
– หมอตรวจพบส่วนตัวทุกวัน
– การดูแล 24 ชั่วโมง
– งานกายภาพพื้นฐาน 20 นาที/วัน
– อาหาร 3 มื้อหลัก 2 มื้อว่าง
– วัสดุสิ้นเปลือง เช่น สบู่ สำลี
– เสื้อผ้า 

—————————————————— 

ช่องทางการติดต่อ
Web : https://www.healthyhabitatth.com/
FB : Healthy Habitat TH
Tel : 02-853-9562 | 096-415-1982