“ทำไมถึงส่งพ่อแม่ไปอยู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ?”
“พ่อแม่แค่สองคนเลี้ยงไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
หนึ่งคำพูดสั้นๆ แต่ล้านความรู้สึกต่อตัวผู้ฟัง ทำให้กลายเป็นภาพจำของบ้านพักคนชรา หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ส่งผลแง่ไม่ดีต่อสายตาคนอื่นมาตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้รู้เลยว่า “นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
ปัจจุบันอัตราผู้สูงอายุในปี 2565 มีมากถึง 12,698,362 คน คิดเป็น 19.21%* ในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี โดยผู้สูงอายุก็ยังมีโรคประจำตัวและป่วยหนักร่วมด้วย บางคนถึงขั้นนอนติดเตียง ต้องคอยดูแลตามอาการ ทำให้บางครั้งโรงพยาบาลก็อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง บางครอบครัวก็กลัวผู้ป่วยเสียกำลังใจ รวมถึงตัวครอบครัว ที่บางครั้งก็กังวลอยากไปดูแลแต่ไม่มีเวลาว่างมากพอ และอีกบางครอบครัวที่ผู้ป่วยค่อนข้างเอาใจยาก ทำให้ตัวเองเสียสุขภาพจิตไปแบบไม่รู้ตัว ซึ่งทุกๆ ครอบครัวก็ล้วนเจอสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกันเลย คือ “พวกเขาต้องการให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด เพื่อให้กลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากันเหมือนเดิม”
‘ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ’ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ครอบครัวส่วนใหญ่ทำการบ้านหนักมาก เพราะแน่นอนว่านี่เป็นเหมือนการลงทุนครั้งสำคัญ เพื่อมองหาศูนย์ดูแลที่จะมาตอบโจทย์ ทั้งผู้ป่วยและตัวเรานั่นเอง วันนี้พวกเรา Lifesara จึงอยากพาคนที่กำลังตัดสินใจพาคนสำคัญ ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยหนัก
มาดูศูนย์ดูแลแห่งหนึ่งในกรุงเทพแถวประเวศที่ตั้งตระหง่านในที่ดินรอบล้อมไปด้วยต้นไม้กับ ‘Healthy Habitat
หนึ่งในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น’
ที่ที่เต็มไปด้วยโทนสีเขียวสดใส ตัดกับสีน้ำตาลให้ความอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมทั้งมีบุคลากรเก่งๆ และคุณหมอเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น มาคอยดูแล และช่วยเหลือถึง 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นกึ่งโรงพยาบาลดี ๆ นี่เอง แต่นี้เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้นนะทุกคน หากอยากรู้ว่าในศูนย์จะมีบริการอะไรน่าสนใจและจะตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่บ้านของเรายังไงบ้าง ไปติดตามกันเลยจ้า
ข้อมูลอ้างอิง อัปเดต 10 เม.ย 66
1
‘Healthy habitat’
กับการสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการให้ผู้ป่วยฟื้นฟูเต็มที่
และพร้อมกลับบ้านไปอย่างมีความสุข
Healthy habitat สร้างขึ้นมาเพราะมองว่ามีหลายๆ ที่ ยังดูแลผู้ป่วยได้ไม่ตอบโจทย์มากพอ ด้วยความที่เจ้าของเองก็เป็นหมออายุรกรรม ที่เห็นเคสเจอผู้สูงอายุที่ป่วยมาเยอะ ไม่ว่าจะกลุ่มผ่าตัด หลอดเลือดสมอง ที่จู่ๆ ก็เป็นแบบไม่รู้ตัว จึงเข้าใจความรู้สึกเลยว่า กลุ่มผู้ป่วยล้วนไม่มีใครมีเวลาเตรียมใจเลยว่าจะป่วยจนกระทั่งเกิดขึ้น
“พอเขามาป่วย ทำอะไรไม่ได้ ก็รู้สึกเหมือนตนเป็นภาระ เราเลยอยากเปิดศูนย์ที่เหมือนทำให้เขากลับมาฟื้นฟูทางจิตใจ รู้สึกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” เจ้าของกล่าว เพราะแบบนั้นจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ‘แล้วจะต้องทำยังไงให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น’ นี่เลยเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ยึดมั่นกับตัวเองเลยว่า ‘ต้องเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นของตัวเอง’ จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้ป่วยได้มาที่นี่เพื่อฟื้นฟูจิตใจและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งนั่นเอง
ปัจจุบันทางศูนย์เปิดมาแล้วกว่า 4 ปี ได้รางวัลสถานประกอบการผู้สูงอายุ และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข โดยทุกวันนี้นับว่าเป็นกึ่งโรงพยาบาลที่เน้นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยพักฟื้น รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง อย่างคนที่เป็นหลอดเลือดสมอง หรือผู้ป่วยที่อยู่ในอาการประคับประคอง จากความกังวลใจที่จะพามาที่นี่ดีไหม จึงกลายเป็นความไว้วางใจ จนเกิดการบอกต่อปากต่อปาก
2
การ ‘ดูแล’ ที่ทำให้หลายครอบครัว ‘เชื่อใจ’
ด้วยทีมบุคลากรทางแพทย์พร้อมช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
เคยเจอหรือไม่? เมื่อเวลาคุณพ่อคุณแม่วัยชราต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะที่เรางานยุ่งต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
ควบไปด้วย เราไม่รู้เลยว่าในระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลดูแลคนสำคัญของเราเป็นยังไงบ้าง เพราะแน่นอนว่า
ที่โรงพยาบาลนั้นมีหลายเคสที่ต้องคอยดูแล
ยิ่งเป็นห้องรวมเรียงกันหลายเตียง บางคนก็พูดคุยกันไม่ได้ หรือจะห้องเดี่ยวที่อาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้น กว่าญาติ ๆ จะเลิกงานก็ปาไปมืดค่ำ ไม่ทันเวลาเยี่ยม รวมถึงบางครั้งที่เราไม่ค่อยมีเวลาไปบ่อยๆ อีก ยิ่งเพิ่มความกังวลสูงขึ้น
ผู้ป่วยก็อาจขาดกำลังใจ ไม่แปลกที่ต่างคนจะต่างเสียสุขภาพจิต ซึ่งจุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่แค่ช่วย ‘ฟื้นฟูกายภาพ’ แต่ยังพร้อมช่วยดูเรื่อง ‘จิตใจ และโภชนาการ’ เรียกได้ว่าดูแลครบองค์รวมเลยทีเดียว โดยจะแบ่งออกมาได้ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
- หมอดูแลทางการแพทย์ : คอยดูแลสุขภาพโดยรวม พร้อมดูแลยาที่เหมาะสม
- หมออายุรกรรม : คอยดูวิธีการใช้ชีวิต การเคี้ยวอาหารของผู้สูงอายุ
- ผู้เชี่ยวชาญกายภาพบำบัด : มีหน้าที่คอยมาดีไซน์กิจกรรม ว่าแบบไหนจึงจะตอบโจทย์ผู้เข้ารับการบำบัด
หากแยกมาอีกที ที่นี่จะมีทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ คอยดูแลแบบใกล้ชิด ที่จะคอยเข้าหา คอยพูดคุยเพื่อพร้อมรับมืออย่างดี ไม่ว่าจะเป็น
- คุณหมอเชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ
- คุณหมอเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- คุณหมอเชี่ยวชาญด้านด้านมะเร็ง
- ทีมพยาบาลคอยดูแลตลอด 24 ชม.
- มีนักกายภาพบำบัด และนักโภชนาการ
ทุกอย่างคือดูเป็นแบบแผนมาก อย่างเมื่อเวลามีผู้ป่วยใหม่เข้ามาพักฟื้น ทุกทีมจะเข้ามาร่วมประชุมคุยกันเลยว่า ‘จะฟื้นฟูยังไง อาหารแบบไหน บำบัดยังไงดี’ ซึ่งจะคอยดูแลสุขอนามัยอย่างละเอียด ครอบคลุมหลายด้าน อย่างกรณีที่ต้องคอยพลิกตัวทุกกี่ชม. ทางศูนย์ก็จะตั้งเป้าหมายเลยว่า “ต้องทำทุกทางเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้” เรียกได้ว่าแต่ละเคสเขาจะตั้งเป้าหมายชัดเจนเลย และอีกสิ่งที่ทำให้สบายใจเพิ่มขึ้นเลย นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาที่มีเหตุฉุกเฉิน ทางศูนย์จะมีรถโรงพยาบาลที่ดีลไว้มารับอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะส่งผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลได้ทันที คลายกังวลไปอีกหนึ่ง!
3
บรรยากาศ และความสะดวกสบาย
ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง
ปกติโรงพยาบาลเขาจะไม่ค่อยมีนโยบายพาผู้ป่วยออกไปนั่งเล่น หรือทำกิจกรรมด้านนอก เพื่อคลายเครียดหรือสูดอากาศผ่อนคลายสักเท่าไหร่ แต่สำหรับที่ Healthy Habitat ทุกอย่างสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้สูงอายุได้ทั้งออกกำลังกาย พร้อมสร้างสุขภาพจิตที่ดี ควบคู่กับความสะดวกสบายไปด้วย อีกจุดเด่นของทางศูนย์นั่นก็คือ เขาจะไม่ทำให้บรรยากาศที่นี่หม่นหมอง โดยการตกแต่งจะเน้นไปในโทนสดใส ตัดเล่นกับสีเขียวสีน้ำตาล เพื่อให้ความรู้สึกสบายใจ
นอกจากนี้เขายังสร้างที่นี่ให้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุทุกคน ให้สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนเลยนะ ตั้งแต่ทางเดิน ห้องพักทั้งแบบเดี่ยวและแบบรวม ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนลอยฟ้า ซึ่งทุกที่เขาจะสร้างทางให้ลาดเอียง เพื่อผู้ที่ใช้วีลแชร์จะได้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้นนั่นเอง แถมที่นี่ยังมีสวนเล็กๆ ที่มีต้นไม้ล้อมรอบ ไว้ให้นั่งเล่นด้วย นอกจากนี้ ระหว่างที่นั่งคอย เราก็จะได้เห็นโมบายน่ารักๆ ห้อยระย้าสวยงาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของผู้ป่วยที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่นี้เอง ถือเป็นงานฝีมือของผู้ป่วยที่ช่วยสร้างความทรงจำ และเพิ่มพลังบวกของผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นนั่นเอง
4
ห้องนอนดีไซน์ตอบโจทย์ พักสบายใจ
มีคนคุมดูแลใกล้ชิดตลอดทุกชั่วโมง
ที่นี่แอบคล้ายโรงพยาบาลที่จะมีทั้งห้องเดี่ยวและห้องคู่ ซึ่งห้องทั้งสองประเภทก็จะมีความสะดวกสบายที่ต่างกันดังนี้
ห้องเดี่ยว
– พยาบาลจะคอยมาเดินดูทุกๆ ชั่วโมง หรือจะเรียกก็ได้เพียงแค่กดออด
– ถ้าใครมีผู้ติดตามหรือพยาบาลประจำตัว สามารถให้เข้ามานอนด้วยได้ 1 คน
– ในห้องมีไมโครเวฟ ตู้เย็น พร้อมใช้
– หากใครชอบห้องใหญ่กว่านี้ ที่นี่ก็มีห้อง VIP ซึ่งเหมือนกับห้องเดี่ยวปกติ แต่ขนาดกว้างกว่า
5
โซนกายภาพบำบัด ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์คุณภาพ และนักกายภาพคอยดูแล
ต่อจากบรรยากาศและความสะดวกกันไปแล้ว สิ่งที่ดีไม่แพ้ส่วนอื่นเลย ก็คือการกายภาพบำบัด ซึ่งที่นี่เขาจะมีห้องสำหรับให้ผู้ป่วย active เข้ามาเล่นอุปกรณ์ได้ตามสไตล์ โดยของทุกอย่างนั้น มีมาตรฐานอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง จักรยานปกติ เครื่องฝึกยืน หรือเป็นเครื่องอัลตร้าซาวน์ลดปวดแบบที่โรงพยาบาลเขามีกัน เรียกได้ว่ามีครบมาก ๆ
และอีกข้อดีที่เป็นอีกจุดเด่นเลย ทุกครั้งที่กายภาพ เขาจะมีนักกายภาพบำบัดดูแลประกบแบบ 1-1 หรือนักกายภาพ 2 ผู้ป่วย 1 คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลย ซึ่งการกายภาพหลักๆ จะขึ้นอยู่กับเคสด้วย เช่น ถ้าผ่าตัดสะโพก ก็จะเน้นเสริมกล้ามเนื้อ upper part+สะโพก ปรับท่าเดิน ไม่ให้กลับไปล้มอีกรอบ หรือกรณีผู้ป่วย stroke เขาก็จะวางแผนกันเลยว่า จะกายภาพบำบัดยังไง ให้ร่างกายจะกลับมาฟื้นฟู 80-100% ได้ใน 90 วันแรก
อีกโซนที่ผู้สูงอายุชอบกันมากๆ เลย คือโซนวารีบำบัด หรือก็คือการกายภาพที่อาศัยแรงต้านของน้ำ สำหรับให้ผู้สูงอายุได้กายภาพผ่านตัวน้ำที่เป็นกลาง ทำให้เพิ่มทักษะการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงลดความเจ็บปวด ซึ่งนอกจากจะเป็นอีกโซนบำบัดที่หลายคนชื่นชอบมากๆ แล้ว โซนนี้จะยังเป็นอีกมุมที่จะทำให้เราเห็นผู้สูงอายุได้เล่นกันอย่างสนุก เหมือนกับย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้ง
6
กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับมีความหมายดีๆ แฝงอยู่
ถ้าใครมาที่นี่จะแอบสังเกตว่า ทำไมถึงมีงานประดิษฐ์มากมายห้อยระย้าสวยงาม ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นอาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับที่นี่นั้นไม่ใช่ เพราะสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นล้วนถือว่าเป็น ‘ความทรงจำของผู้ป่วยทุกคนที่เคยใช้บริการ’
โดยที่นี่เขาจะมีกิจกรรมสำหรับผู้ป่วยให้ได้ระดมสร้างชิ้นงานกัน ซึ่งหากสังเกตระหว่างทางเดิน เราจะได้เห็นผลงานของผู้สูงอายุที่ตั้งใจทำกันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสายห้อยโมบาย รูปวาดต่าง ๆ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยสร้างพลังใจให้คนที่ยังฟื้นฟูอยู่ รวมถึงคนที่กลับบ้านไปแล้ว ก็ถือว่าได้ทิ้งร่องรอยแห่งความภูมิใจในตัวเองเอาไว้ เวลากลับมาเยี่ยมก็จะรู้สึกปลื้มปริในผลงานตัวเองนั่นเอง
นอกจากจะสร้างความภูมิใจแล้ว นี่ยังถือเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และช่วยลดการนอนอยู่เฉยๆ ของผู้ป่วยได้ดีเลย ซึ่งในทุกกิจกรรมก็จะมีนักกายภาพบำบัดและพยาบาล ที่คอยช่วยออกแบบ ช่วยดูแลกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่น ทำงานฝีมืองานเทศกาลต่าง ๆ เล่นลูกบอล ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยฝึกสมอง ฝึกกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว
7
อาหารตามโภชนาการที่มาพร้อมกับความน่าทานจนน่าตกใจ
เชื่อว่ามีหลายคนที่นอนโรงพยาบาล อาจจะไม่ชอบอาหารโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เขาให้อะไรมา เราก็ต้องกิน ซึ่งสำหรับที่นี่เขาก็มีอาหารให้ไม่ต่างกับโรงพยาบาลหรอก แต่ที่ต่างออกไป ก็คงเป็นเรื่องที่เขาจะเน้นความน่ากิน เน้นความสวยงามของหน้าตาอาหาร จนบางคนไม่คิดว่าอาหารแบบนี้ จะครบโภชนาการได้ยังไงกันนะ! แต่บอกเลยว่าอาหารของที่นี่ ทางศูนย์ดูแลเขาจะเน้นตอบโจทย์ผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะเลยนะ เช่น เมนูนี้จะเหมาะกับผู้ป่วยโรคไตมากกว่า หรือเมนูนี้ต้องทำให้กับผู้มีโรคเบาหวาน
8
ศูนย์พักฟื้นที่อยากแนะนำให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดมาฟื้นฟูร่างกาย
9
รวมคำถามยอดฮิตที่อาจจะสงสัยเกี่ยวกับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
“พ่อแม่พยายามมากเลยนะ ที่จะพาเด็ก ๆ ไปเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุด ซึ่งในทางกลับกัน พอเราเป็นลูก ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพ่อแม่” คุณหมอเมย์ พญ.วรฉัตร เรสลี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ประจำศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเฮลท์ตี้ แฮบบิแทท อายุรแพทย์ เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อ กล่าวไว้
ขนาดตอนเรามีลูก เรายังคิดแล้วคิดอีกเลย ว่าจะพาลูกไปเรียนที่ไหนดี ที่สังคมน่าอยู่ สวัสดิการดี ซึ่งเราก็ต้องทำการบ้านหนักเช่นกันว่าเราจะวางใจกับโรงเรียนนี้ไปฝากลูกๆ ได้ยังไง ซึ่งกลับกันก็ไม่ต่างกับที่ตอนนี้เรากำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นอีกทางเลือกให้เขาได้มาพักฟื้นตัว กับสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อที่เราต้องการให้เขากลับมาสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม และกลับมาบ้านอยู่กับทุกคนได้อีกครั้ง
——————————————————
Q&A รวมคำถามเกี่ยวกับมุมมองคนทั่วไปที่มีต่อศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่พบบ่อย
Q1 : ผู้สูงอายุจะเหงาไหม?
- แน่นอนว่าใครอยู่ห่างบ้านก็ต้องมีอาการคิดถึงบ้านกันทุกคน ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจทั้งตัวผู้ป่วยและตัวครอบครัว แต่ถ้าป่วยนอนอยู่บ้านและต้องรอเวลาลูกหลานกลับมาตอนเย็นเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจจะติดนอนกลางวันและตื่นกลางคืน ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ขยับตัว สมองอาจฝ่อได้ เพราะกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้ใช้งาน
- หากอยู่ที่นี่เขาจะวางแผนการดูแล และมีกิจกรรมสม่ำเสมอ มีเพื่อนคุย บุคลากรคอยดูแล 24 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ดีขึ้น ยังทำให้ครอบครัวไม่พะวงกังวลอีกด้วย แต่ก็ต้องขอความร่วมมือกับญาติเพื่อโทรหาหรือหาเวลาเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ ด้วยนะ เพราะยาไหนก็ไม่ดีเท่ายาที่บ้าน
- นอกจากนี้ทางศูนย์ยังมีทีมกายภาพคอยเข้าไปคุย เล่นเป็นเพื่อนด้วย หรือหากไม่อยากนอนคนเดียว เขาก็ยังมีนโยบายให้สามารถให้มีผู้ติดตามหรือพยาบาลส่วนตัวมานอนเฝ้าดูแลเป็นเพื่อนได้ 1 คนด้วยนะ ซึ่งช่วยคลายความกังวลให้กับผู้ป่วยได้ดีทีเดียว
Q2 : คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าการเอาผู้สูงอายุมาฝากไว้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ มันดูอกตัญญูรึเปล่า?
- จริงๆ แล้วแต่คนจะคิดแต่ถ้าให้เทียบกัน ทางเราจะคุมคุณภาพให้แบบตอบโจทย์ได้ไม่แพ้กันเพราะหลังจาก
ผู้ป่วยหายดี ถึงเวลาจะกลับบ้าน ทางศูนย์จะมีการสอนวิธีดูแลให้กับญาติ ๆ ที่เป็นคนคอยดูแล โดยจะให้ lodgebook ไปเลย ซึ่งจะบอกทั้งอาหารที่เหมาะสม ยาที่ใช้อยู่เป็นยังไง ท่ากายภาพควรจับแบบไหน เพื่อที่เขากลับไปจะได้ดูแล
ได้อย่างถูกต้อง
Q3 : การจ้างแม่บ้าน เด็กศูนย์ พยาบาลที่ไม่รู้จักมาดูแลถึงที่บ้านดีกว่าไหม?
- ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่ทางเราจะดูแลครบองค์รวมให้เข้าแต่ละคนเลย อย่างก่อนกายภาพทุกครั้ง ทางเราจะมีการประเมินคนไข้เพื่อวัดขนาดตัว เพื่อที่จะได้จัดทีมที่มีคนพอดีกับตัวด้วยนั่นเอง สำหรับใครที่อยากเรียกพยาบาลมาดูแลแทน บางครั้งพยาบาลอาจไม่ได้เชี่ยวชาญด้านงานกายภาพขนาดนั้น เพราะส่วนใหญ่การกายภาพที่บ้าน มักจะมีแค่คนเดียวไปเสมอ อีกทั้งที่นี่จะจ่ายยาได้แบบทันที ซึ่งพยาบาลจะจ่ายยาได้ก็ต่อเมื่อต้องผ่านคุณหมอก่อน ก็จะประหยัดเวลามากขึ้น”
10
เพราะคนสำคัญของคุณคือหัวใจการให้บริการของเรา
สำหรับครอบครัวไหนที่ไม่มีเวลาดูแลคนสำคัญเท่าที่ควร ก็อยากให้มองว่า การให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลนั้น ย่อมทำให้สบายใจได้มากกว่า ซึ่งในปัจจุบัน ที่ต่างประเทศเขาก็ค่อนข้างแฮปปี้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกันมากๆ เลยน้า
หากใครที่มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ที่กำลังป่วยและดูแลตัวเองไม่ได้ รวมถึงตนอาจจะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ดีมากพอ ก็อยากให้ลองพาพวกเขามาดูที่ Healthy Habitat ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นกัน เชื่อเลยว่า ชีวิตของคนสำคัญนั้นจะดีขึ้น พร้อมๆ กับตัวคุณที่ได้รับการคลายความเหนื่อย ลง ‘เพราะคนสำคัญของคุณ คือหัวใจการให้บริการของ Healthy Habitat ที่นี่พร้อมต้อนรับทุกคน 24 ชั่วโมง’ วางใจได้เลย
————————-—————————–
อัตราค่าบริการดูแลสุขภาพ Healthy Habitat
สำหรับที่นี่ ราคาจะขึ้นอยู่กับการดูแล ยิ่งถ้าต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เจาะหน้าท้อง ให้อาหารทางสายยาง ก็จะมีการบวกเพิ่มด้วย ซึ่งหากมองจริง ๆ ทางศูนย์บอกเองเลยว่า ถ้าให้เทียบความคุ้มค่าแล้ว คือราคาถูกกว่าโรงพยาบาลถึง 60% เลยค่า
ราคาห้อง
– ห้องรวม 35,000 บาท/เดือน
– ห้องเดี่ยว 55,000 บาท/เดือน
สวัสดิการที่จะมีให้
– หมอตรวจพบส่วนตัวทุกวัน
– การดูแล 24 ชั่วโมง
– งานกายภาพพื้นฐาน 20 นาที/วัน
– อาหาร 3 มื้อหลัก 2 มื้อว่าง
– วัสดุสิ้นเปลือง เช่น สบู่ สำลี
– เสื้อผ้า
——————————————————
ช่องทางการติดต่อ
Web : https://www.healthyhabitatth.com/
FB : Healthy Habitat TH
Tel : 02-853-9562 | 096-415-1982