ใครที่กำลังมีแพลนจะไปโอซาก้ามาทางนี้ วันนี้พวกเรา Lifesara จะบอกวิธีการเตรียมตัวแบบหมดเปลือก! ตั้งแต่เอกสารที่ต้องเตรียม แลนด์มาร์กของโอซาก้า ร้านอาหารเด็ดๆ ย่านช็อปปิ้งปังๆ บอกเลยถึงจะไปเป็นครั้งแรกก็ไม่มีหวั่น!
2023 รู้หรือยัง!! ตอนนี้ญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าให้กับคนไทยแล้วนะ แค่ลงทะเบียนที่ Visit Japan Web และฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม แค่นี้ก็สามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบไม่ต้องกักตัวและไม่ต้องตรวจโควิดหลังเข้าประเทศอีกต่อไป! แต่เราจะเที่ยวและพักในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วันนะ ซึ่งพอไปถึงก็สามารถแสดง QR Code ให้กับพนักงานแล้วเดินผ่านฉลุยเข้าไปได้เลยยย แต่เอ๊ะ? นอกจากลงทะเบียน Visit Japan Web แล้ว เรายังต้องเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปโอซาก้ายังไงอีกบ้างนะ ไปดูพร้อมๆ กันเลยยย
1
เช็กสภาพอากาศในแต่ละช่วง
หลักๆ แล้วประเทศญี่ปุ่นจะมีด้วยกัน 4 ฤดู ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีความแตกต่างและให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน ใครที่กำลังมีแพลนจะไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมเช็กสภาพอากาศของแต่ละฤดูกันดีๆ น้า จะได้เที่ยวกันแบบสนุกๆ และแฮปปี้!
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 13-25 องศา
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 28-35 องศา
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายนถึงเดือนพฤษจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ย 12-26 องศา
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย 2-10 องศา
และทุกคนสามารถดูความแตกต่างของแต่ละฤดู ไปจนถึง How to แต่งตัวยังไงให้เหมาะกับแต่ละฤดูแบบละเอียดๆ ได้ที่นี่เลยยย (คอนเท้นฤดูในญี่ปุ่น)
____________________
Tips & tricks : พวกเรา Lifesara ยังมีตารางดอกไม้ที่กำลังจะบานในแต่ละฤดูมาให้ทุกคนดูกันอีกด้วย สำหรับใครที่หลงรักดอกไม้และบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ รีบเซฟเก็บไว้ด่วนๆ เลย!
- ฤดูการดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน
- ฤดูกาลดอกไฮเดรนเยีย : ปลายเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนกรกฎาคม
- ฤดูกาลใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
- ฤดูกาลดอกบ๊วย : เดือนมีนาคม
2
เตรียมแพลนการเดินทาง
หลังจากเราตัดสินใจเลือกช่วงที่จะเดินทางไปเที่ยวได้เรียบร้อยแล้ว เราก็มาวางแพลนต่อกันเลยย~
- จองตั๋วเครื่องบิน
- จองที่พัก
- วางแพลนเที่ยวในโอซาก้า
ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว ร้านอาหาร ย่านช็อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ แลนมาร์กของโอซาก้า
ซึ่งทุกคนสามารถดูกันแบบละเอียดๆ ได้ที่ Lifesara เลยนะ บอกเลยว่าจัดเต็มทุกอย่าง!! อ่านจบปุ๊บคือวางแพลนทริปเที่ยวโอซาก้ากันได้แบบสบายๆ
3
ศึกษามารยาททั่วไปของประเทศญี่ปุ่น
- เวลาชำระเงิน ควรวางเงินบนถาดชำระเงิน
- ไม่ควรเสียงดังบนรถไฟและในที่สาธารณะ
- ไม่ควรกินตอนกำลังเดินอยู่
- เวลาขึ้นลงบันไดควรชิดซ้าย
- ต่อแถวเข้าคิวให้เป็นระเบียบทุกครั้ง
- ควรทิ้งกระดาษทิชชู่ลงในชักโครก
- ควรปิดเสียงโทรศัพท์ระหว่างนั่งรถไฟ
- ควรทานอาหารให้หมดทุกมื้อ
- แยกขยะทุกครั้งเวลาทิ้ง
- ไม่ต้องให้ทิป
4
เงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น
- หนังสือเดินทาง (Passport) ต้องมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป
- หากต้องการพำนักในญี่ปุ่นเกิน 15 วัน ต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเดินทาง
Location : ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศญี่ปุ่น (JVAC) อาคารแปซิฟิคเพลส
- ลงทะเบียน Visit Japan ล่วงหน้าก่อนเดินทาง
6
การแลกเงิน
เช็กลิสต์ข้อนี้สำคัญมากๆ!! อย่าลืมเตรียมตัวแลกเงินให้พร้อมกันก่อนเดินทางน้า ซึ่งเราสามารถแลกได้ที่
- Super Rich
- Vasu Exchange
- OH Rich Superrich Thailand
- X ONE Currency Exchange Center
- Twelve Victory Exchange
โดยประเทศญี่ปุ่นใช้สกุลเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตอนนี้คือ 1 JPY = 0.24 THB
*อัปเดตวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566
8
SIM Card ในโอซาก้า มีอะไรบ้าง
สำหรับคนที่กำลังจะไปโอซาก้าเป็นครั้งแรก อาจจะยังไม่แน่ใจว่าต้องซื้อซิมที่ไหนและมีซิมอะไรบ้าง งั้นวันนี้มาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า~
- Sim2Fly : ซื้อได้ที่ AIS Online store และ AIS Shop ทุกสาขา รวมถึงในสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ
- Travel Sim Japan : ซื้อได้ที่ True shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
- Go Inter : ซื้อได้ที่ ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ ช่องทางออนไลน์ หรือเคาน์เตอร์ dtac ตามสนามบิน
- Klook 4G Japan by Docomo : รับได้ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ที่เคาท์เตอร์ชินจูกุ และสนามบินนานาชาติฮาเนดะ (HND)
ซึ่งรายละเอียดของซิมแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นราคา คุณสมบัติ และสถานที่ซื้อแบบละเอียด ทุกคนสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
9
รีวิว ตม. โอซาก้า
สำหรับใครที่เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกก็ไม่ต้องกลัวไปน้า เพราะว่าคำถามที่เจอจะค่อนข้างเบสิกมากๆ แค่เราเตรียมตัวตอบคำถามข้างล่างนี้ให้พร้อม บอกเลยว่าผ่านฉลุยแน่นอนนน!
- พักที่ไหน
- มาอยู่กี่วัน
- มากับใคร
- มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
แต่ว่า ตม. แต่ละรอบที่เจอก็จะไม่เหมือนกันน้า บางคนอาจจะไม่ถามอะไรเลย หรือบางคนอาจจะถามคำถามบ้าง แต่รับรองว่าไม่น่ากลัวอย่างคิด เพราะงั้นแค่เราเตรียมตัวดีๆ ก็ผ่านเข้าได้แบบสบายๆ เลยย~
10
การจ่ายเงินในโอซาก้ามีสแกนจ่ายง่ายมาก!
สำหรับใครที่ถนัดสแกนจ่าย ที่ญี่ปุ่นก็มีให้ใช้จ่ายแบบ Smart Code เป็นการสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงินในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องดูในหลายๆ ร้านอีกทีว่ามีที่ไหนรองรับบ้าง เพราะบางร้านอาจจะไม่รับ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมีการจ่ายทั้ง Fami Pay BNPJ All pay Line Pay รวมถึง K Plus แอปกสิกรบ้านเรานี่แหละ สะดวกครบจบในการจ่ายสุดๆ
ซึ่งใครมีเคพลัสก็สามารถจ่ายได้เลยนะ
โดยการคำนวณเขาจะคิดเป็นเงินเยนเลย แต่พอจ่ายเสร็จเรียบร้อยระบบจะคำนวณออกเป็นค่าเงินบาทให้ทันที
ง่ายมากๆ เลยจ้า
11
การลงทะเบียน Visit Japan Web
การลงทะเบียน Visit Japan Web สำคัญยังไง
เป็นการกรอกเอกสาร ตม. แบบออนไลน์ สำหรับชาวต่างชาติที่กำลังจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ขั้นตอนในสนามบินสามารถเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนั่นเอง ซึ่งทุกคนสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 วันน้า
- ลงทะเบียนได้ที่ Visit Japan Web หรือดูขั้นตอนการลงทะเบียนตามด้านล่างนี้เลย
โดยแนะนำว่าให้ลงทะเบียน 2 วันก่อนการเดินทาง หรือช้าสุด ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงก่อนเดินทาง**
วิธีการใช้ Visit Japan
เมื่อเราลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้ QR Code มาทั้งหมด 3 อันด้วยกัน ซึ่งเราสามารถแสดงให้พนักงานดูหรือสแกนกับตู้แล้วเดินผ่านไปแบบฉลุยๆ ได้เลย ไม่ต้องนั่งกรอกเอกสารกระดาษให้วุ่นวายอีกต่อไป~
- ใช้แสดงขั้นตอนการกักกัน
- ใช้แสดงสำหรับขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง
- ใช้แสดงสำหรับขั้นตอนพิธีการทางศุลกากร
เอกสารที่จำเป็นในการกรอกข้อมูล
- รูปถ่ายหน้า Passport ปัจจุบัน
- ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด
- ใบรับรองผล PCR ก่อนบิน 72 ชั่วโมง (ในกรณีที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ 3 เข็มหรือไม่มีใบรับรองการฉีดวัคซีน)
- ข้อมูลที่พักคืนแรก
- ข้อมูลไฟล์ทการเดินทางไปและกลับ
สามารถลงทะเบียน Visit Japan ได้ที่นี่
ขั้นตอนการลงทะเบียน Visit Japan
ขั้นตอนแรก : เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ และเลือก Sign up for a new account เพื่อสมัคร Account ใหม่
ขั้นตอนที่ 2 : หลังสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ Login เข้าสู่ระบบ ทางเว็บไซต์จะขึ้นให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว 2 ส่วน คือ
- Register User
- Register Planned Entry/Return
โดยให้เลือกกรอกข้อมูล Register User ก่อน
ขั้นตอนที่ 3 : เลือก Your Details แล้วเริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวได้เลย โดยจะเป็นรายละเอียดต่างๆ ในพาร์สปอต
- ชื่อ-นามสกุล
- วันเดือนปีเกิด
- สัญชาติ
- เพศ
- หมายเลขพาร์ปอร์ต
- ยืนยันหมายเลขพาร์ปอร์ต
*เมื่อกดยืนยันการกรอกเรียบร้อยแล้ว หน้าเว็บไซต์จะขึ้นว่า Registration Complete
ขั้นตอนที่ 4 : เลือก Register Planned Entry/Return กด New registration เพื่อสร้างทริปใหม่ ในส่วนของชื่อทริปเราสามารถตั้งเองได้เลยน้าา หลังจากนั้น เริ่มกรอกข้อมูลการเดินทางและรายละเอียดที่พักได้เลย
- ข้อมูลการเดินทาง
- วันที่เดินทางไปถึง
- สายการบิน
- หมายเลขเที่ยวบิน (ใส่เฉพาะตัวเลข)
2. รายละเอียดที่พัก
- รหัสปรษณีย์
- จังหวัด
- เมือง
- ที่อยู่
- ชื่อโรงแรมหรือที่พัก
- เบอร์โทรติดต่อ (สามารถใส่เบอร์ของทางที่พักได้เลย)
ตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนอีกครั้งแล้วกด Register Plan ได้เลยจ้าา
หลังจากกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดของทริปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องเริ่มลงทะเบียนในส่วนของข้อมูลที่ต้องใช้แสดงในการเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
- Preparation for Quarantine
- Preparation for Immigration Clearance
- Preparation for Customs Declaration
ขั้นตอนที่ 5 : เลือก Preparation for Quarantine เป็นการลงทะเบียนสำหรับการกักกัน หลังจากนั้นกด Quarantine procedures (Fast Track) แล้วเริ่มลงทะเบียนในส่วนของ Passpart ก่อน
- อัปโหลดรูปภาพหน้าพาร์สปอตปัจจุบัน *ภาพต้องชัดและเห็นข้อมูลครบถ้วนนะ
- รอเว็บไซต์ประมวลผล
- ถ้าสถานะขึ้นว่า Registered เป็นอันว่าลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 6 : เลือกลงทะเบียนในส่วนต่อมา คือ Questionnaire WEB
(tips : ในส่วนนี้ เราสามารถเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาไทยได้ด้วยนะ)
- รายละเอียดการเดินทาง
- วันที่เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น
- สายการบิน
- หมายเลขเที่ยวบิน (ใส่เฉพาะตัวเลข)
- หมายเลขที่นั่ง
- ชื่อ-นามสกุล
- สัญชาติ
- เพศ
- วันเดือนปีเกิด
2. รายละเอียดที่พักหรือโรงแรม
- รหัสไปรษณีย์
- จังหวัด
- เทศบาล
- เมือง
- ที่อยู่
3. รายละเอียดการเดินทางกลับ
- วันเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น
- สนามบินที่ใช้เดินทาง
- หมายเลขเที่ยวบิน
4. พื้นที่หรือประเทศที่พำนักใน 14 วันที่ผ่านมา
- เลือกประเทศไทย
5. ข้อมูลสุขภาพ 14 วันที่ผ่าน
- เลือกไม่มีทุกข้อได้เลย แต่ข้อ 4.5 ไม่ต้องเลือกน้า เว้นไว้ได้เลยย
6. ข้อมูลการติดต่อ
- อีเมลล์ส่วนตัว
- เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในญี่ปุ่น
- เบอร์โทรศัพท์อื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้ (เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน, เบอร์โทรศัพท์ครอบครัว)
เช็กข้อมูลอีกครั้งแล้วกดยืนยันได้เลยยย~
ขั้นตอนที่ 7 : เลือกลงทะเบียนในส่วนต่อมา คือ Vaccination Certificate เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนที่เราได้รับ
- ชื่อและวันเดือนปีเกิดของผู้รับวัคซีน ชื่อและผู้ผลิตวัคซีน วันที่ได้รับวัคซีนถูกระบุเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นไหม
- ประเภทวีคซีนเข็มที่ 1
- ประเภทวีคซีนเข็มที่ 2
- ประเภทวีคซีนเข็มที่ 3
- วันที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
- อัพโหลดภาพใบรับรองการฉีดวัคซีนของเรา
- ใบรับรองการฉีดวัคซีนเป็นของผู้ที่กำลังลงทะเบียนอยู่ใช่ไหม
หลังกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าเว็บไซต์จะเป็นสีแดงนะ แต่ทุกคนไม่ต้องตกใจไป~ เพราะว่ามันอยู่ในขั้นตอนที่กำลังทำการตรวจสอบอยู่ สังเกตได้จากแถบสถานะของ Vaccination Certificate จะมีข้อความขึ้นว่า Being reviewed นั่นเอง ถ้าระบบตรวจสอบและยืนยันข้อมูลของเราเรียบร้อยแล้วหน้าเว็บไซต์จะกลายเป็นสีน้ำเงิน และจะขึ้นสถานะว่า Review Completed
ขั้นตอนที่ 8 : ลงทะเบียนในส่วน Preparation for Immigration Clearance คือ การกรอกข้อมูลสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง หรือเรียกแบบคุ้นเคยเลยก็คือ ใบ ตม. นั่นเอง
- ประเทศที่เราอยู่
- จังหวัดที่เราอยู่
- วัตถุประสงค์ในการมาญี่ปุ่น
- ไฟล์ทที่เดินทางมา
- ระยะเวลาในการอยู่ที่ญี่ปุ่น (กี่วัน เดือน ปี)
- ที่อยู่ของที่พักหรือโรงแรมในญี่ปุ่น
- เคยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศญี่ปุ่นไหม
- เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีอาญาในประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆ ไหม
- มียาเสพติด กัญชา ฝิ่น ปืน ดาบ วัตถุระเบิด หรืออาวุธอื่นๆ ไว้ในครอบครองไหม
หลังจากนั้นเช็กข้อมูลให้เรียบร้อยแล้วกดยืนยันเหมือนเดิมได้เลยย
ขั้นตอนที่ 9 : แล้วก็มาถึงส่วนสุดท้ายแล้ว! ลงทะเบียนในส่วน Preparation for Customs Declaration สำหรับพิธีการทางศุลกากร แต่ขอบอกกก่อนเลยว่า กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น เพราะงั้นห้ามพกหรือนำเข้าเด็ดขาดน้า
- อาชีพปัจจุบัน
- วันที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น
- หมายเลขเที่ยวบิน
- เมืองต้นทางที่เดินทางออกมา
- จำนวนสมาชิกที่เดินทางมาด้วยกัน
- ที่อยู่ของที่พักหรือโรงแรมในญี่ปุ่น
ขั้นตอนที่ 10 : ตอบคำถาม 3 ข้อใหญ่
- ได้นำสิ่งของเหล่านี้เข้ามาในญี่ปุ่นไหม ?
- สิ่งของห้ามนำเอาในญี่ปุ่น (ยาเสพติด ปืน วัตถุระเบิด)
- ของต้องจำกัดนำเข้าญี่ปุ่น (เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ สัตว์ และพืข)
- ทองคำแท่งหรือผลิตภัณฑ์จากทองคำ
- สินค้า (จากการซื้อ ของที่ระลึก ของขวัญ) ที่เกินจากการยกเว้นภาษีอากร
- สินค้าเชิงพาณิชย์k
- สิ่งของใดๆ ที่ได้รับการร้องขอจากบุคคลอื่นให้นำเข้ามาในญี่ปุ่น (ซึ่งรวมถึงกระเป๋า เช่น กระเป๋าเดินทางและภาชนะที่มีความคล้ายคลึงกัน)
2. ได้นำเงินสด เช็ค สัญญา หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000,000 เยนหรือเทียบเท่า หรือโ,หะที่มีน้ำหนักเกิน 1 กิโลกรัมมาด้วยไหม ?
3. มีสัมภาระแยกส่งมาทางไปรษณีย์รวมถึงพัสดุที่ทำการขนย้ายไหม ?
ขั้นตอนที่ 11 : เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการตรวจสอบและยืนยันให้ ถ้าสถานะขึ้นว่าผ่าน เราก็จะได้ QR Code มาทั้งหมด 3 อันด้วยกัน เท่านี้การลงทะเบียน Visit Japan ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย~
_____________________
QR Code จะใช้ในขั้นตอนการเข้าประเทศที่สนามบินของญี่ปุ่น เราสามารถเปิดจากโทรศัพท์มือถือได้เลย หรือจะปริ้นเก็บไว้สำรองก็ได้เหมือนกัน ขอให้ทุกคนที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางอย่างราบรื่นและปลอดภัยน้า