ใครกำลังเตรียมไปสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศอยู่บ้าง? มาดูเคล็ดลับการสอบชิงทุนที่เราได้มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรกัน บอกเลยว่าน่าสนใจมากกก
โดยเฉพาะใครที่อยากเรียนต่อสิงคโปร์ และกำลังมองหาทุนสิงคโปร์ดีๆ อยู่ คือห้ามพลาด เพราะที่ SIM Singapore ตอนนี้เขามีให้ทั้งทุนเต็มจำนวนและทุน 50% คอยซัพพอร์ตนักศึกษาด้วยน้า
📌สามารถยื่นสมัครทุนได้ที่นี่เลย
สำหรับคนที่กำลังมองหาเทคนิคในการชิงทุนสิงคโปร์อยู่ ก็อย่ารอช้า ไปอ่านกันต่อเลยยย
เริ่มหาข้อมูลทุนด้วยการสอบถามผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจากสถาบัน
ข้อนี้เบสิคมากๆ สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองหาข้อมูลมาไม่มากพอ กลัวข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือไม่มั่นใจว่าที่ตัวเองเลือกจะดีพอหรือเปล่า
ทางที่ดีลองติดตามเพจเรียนแลกเปลี่ยนเอาไว้นะ เพราะเขาจะมีอัปเดตงานเรียนต่อเป็นระยะๆ และภายในงานเขาก็จะมีให้ปรึกษาตั้งแต่เริ่มเลย บางที่ก็มีช่วยวางแผนการเรียน การเงินให้แบบครบจบ
แถมภายในงานยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรมาคอยแนะนำ เกี่ยวกับคุณสมบัติในการรับทุนด้วย ว่าต้องทำยังไงบ้าง เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ ได้สมัครตามความถนัดของตัวเอง เรียกได้ว่าได้เรียนกับสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างจริงจังเลยยยย
อย่างของ SIM Singapore เขาก็คอยมีทีมงานคอยช่วยนักเรียนไทย ทุกคนสามารถเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับโปรแกรม การสมัครนักศึกษา ค่าครองชีพ และคำแนะนำเรื่องเอกสารการสมัครได้แบบครบจบเลย
ตรงนี้ถ้าใครมีแพลนจะไปเรียนต่อสิงคโปร์ ลองติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่นี่เลยย rr@sim.edu.sg
เรียนรู้จุดแข็งของตัวเอง และแสดงให้เห็นว่าเราคู่ควรกับทุน
หมดกังวลเรื่องภาษา เพราะสำหรับ SIM Singapore ภาษาอังกฤษไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ที่นี่เขามุ่งเน้นความเป็นตัวเองของผู้สมัครทุน
หากเพื่อนๆ อยากได้ทุน อย่างแรกก็ต้องเรียนรู้จุดแข็ง และค้นหาข้อดีที่แท้จริงของตัวเองว่าคืออะไร และหมั่นพยายามฝึกฝนในจุดนั้นๆ
เช่น ถ้าเรารู้ว่าเราชอบเรื่องคอมพิวเตอร์ เราอาจจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไอทีให้มากขึ้น เรียนรู้เพิ่มจนสิ่งที่ถนัดค่อยๆ กลายเป็นใบเบิกทาง
สิ่งนี้จะแสดงให้ทาง SIM Singapore เห็นว่าเรามี Passion มีความตั้งใจที่แท้จริง และคู่ควรที่จะได้รับทุนการศึกษาไป
ฝึกหูให้คุ้นสำเนียงผ่านการฟังให้บ่อยที่สุด
การฟังภาษาอังกฤษ ถือเป็นส่วนที่ยาก เพราะสำเนียงแต่ละคนนั้นฟังลำบากมากๆ ไหนจะความยากง่ายของรูปแบบคำถามแต่ละแบบอีกด้วย
ฉะนั้น เทคนิคที่ดีคือ ฝึกฟังให้ชิน เราต้องฟังจนคุ้นชินไปกับมัน ซึ่งอาจได้มาจากการฟังข่าว, Podcast, ฟังศัพท์อิ้ง, Tedtalk, เล่นเกมต่างๆ, ดูหนังภาษาอังกฤษ, และหาเพื่อนชาวต่างชาติในการพูดคุย
โดยในวันนึง อาจจะลองแบ่งเวลาให้ได้เจอกับภาษาอังกฤษอยู่ตลอด เพื่อที่สมองของเราจะได้ทบทวนในทุกๆ วัน เคล็ดไม่ลับเลยคือ ให้ฝึกฟังช่วงก่อนนอน หรือช่วงเช้า ยิ่งถ้าเราดูแล้วพูดตาม จะยิ่งฝึกความจำของเราได้แบบมหัศจรรย์เลย
ฝึกซ้อมสัมกับเพื่อนหรือครู เพื่อค้นหาทักษะของตัวเองเพิ่ม
“สอบสัมภาษณ์ยังไงให้ผ่าน”
อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลและกลัวที่สุด เพราะการสัมภาษณ์เรียกได้ว่าเป็นเหมือนประตูบานสุดท้ายที่จะทำให้เราและอีกฝ่ายทำความรู้จักกันและกัน ซึ่งจริงๆ การเป็นตัวของตัวเองนั้นดีที่สุดแล้วล่ะ
ดังนั้นก่อนที่เราจะเข้าสู่การสัมภาษณ์ก็ต้องฝึกฝนให้คล่องที่สุด ด้วยการปรึกษาคนรอบตัวที่มีประสบการณ์ เพื่อให้เขาช่วยฟีดแบค
รวมถึงหมั่นฝึกซ้อมพูดกับเพื่อน หรือพ่อแม่พี่น้อง เพื่อที่ตอนพูดจริง จะได้ไม่ประหม่ามากนัก โดยจุดที่ต้องซ้อมพูดไว้แน่ๆ คือ
- ทำไมถึงสนใจในหลักสูตรนี้
- เราเตรียมตัวอะไรมาบ้าง หรือประวัติ Background ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเรียน
- ทำไมถึงคิดว่าเราเหมาะกับหลักสูตรหรือทุนนี้
ท้ายที่สุดคืออย่าลืมพกความตั้งใจแบบเต็มเปี่ยมเข้าห้องสัมไปด้วยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดไม่ได้ แสดงให้เห็นไปเลยว่าเราพร้อมที่จะพูดออกมา แม้ภาษาอังกฤษเราจะไม่ตรงตามหลักไวยากรณ์
สอบสัมภาษณ์แบบมั่นใจ ไม่ต้องกลัวเรื่องสำเนียง
สำหรับพาร์ทการสัมภาษณ์ สิ่งที่หลายคนกลัวที่สุดคือก็คงเป็นการพูดไม่ได้ ไหนจะกังวลสำเนียง กลัวว่าจะโดนมองไม่เก่ง แต่บอกเลยว่ากองมันไว้ด้านหลัง
เพราะคนต่างชาติส่วนมาก ไม่ได้มานั่งสนใจถึงสำเนียงเลย ขอแค่เข้าใจที่สื่อสาร พูดให้เข้าใจ ตอบให้มีพลังบวก รู้จักพูด แค่นี้อีกฝ่ายก็พร้อมเปิดรับ และพยายามทำความเข้าใจกับเราเอง
ขอแค่เราพูดไปตามที่เข้าใจเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว คิดอะไรใส่ไปเลย รัวหมัดไปเลยจ้า แสดงให้คนที่สัมภาษณ์เห็นก็พอว่าเรามั่นใจมากแม้จะพูดไม่ถูกก็ตาม และอย่าลืมที่จะยิ้มอย่างสดใส พูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ!
พกความตั้งใจไปสอบชิงทุน เพื่อคว้าโอกาสเรียนต่อให้สำเร็จ
สำหรับข้อสุดท้ายนี้จะเกี่ยวกับความตั้งใจ แน่นอนความพยายามคือสิ่งที่ดี แต่จะพยายามยังไงให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็อีกเรื่อง บางคนเรียนพิเศษ แต่ไม่ได้ทุนก็มี บางคนเรียนได้ด้วยตัวเอง แต่กลับได้ทุนก็มี ซึ่งของแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การสอบ หรือใครตั้งใจไม่ตั้งใจ แต่ส่วนใหญ่มักมาจากคำว่า “พร้อมมากขนาดไหน”
บางคนสอบได้ แต่เงินไม่ซัพพอร์ต บางคนมีเงินซัพพอร์ตแต่สอบไม่ได้ หรือบางคนสอบได้ เงินซัพพอร์ตแต่ภาษาไม่ได้ ซึ่งการไปเรียนต่อมีหลายปัจจัยมากๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพร้อมตรงส่วนไหนมากกว่ากัน แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ตั้งใจ ถึงแม้ว่าเก่งแต่เงินไม่ซัพพอร์ต ก็ไม่ต้องกลัวเลย
และใครที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ อยากให้ลองทำความรู้จักกับ singapore institute of management (SIM) สถาบันเอกชนของสิงคโปร์ ที่มีทุนสิงคโปร์พร้อมซัพพอร์ตเพื่อนๆ ทุกคน ทั้งแบบทุนเต็มจำนวน 100% และทุน 50% เลยย อย่าลืมนะ ขอแค่มีความตั้งใจและความพร้อม ก็ลองไปสอบกันเลยยย
_____ _____ _____ _____
สำหรับใครที่มองหารีวิว “หลักสูตรเรียนต่อสิงคโปร์” ตามอ่านต่อตรงนี้ได้เลยยยย
