ก่อนที่จะรีโนเวทสำหรับเด็กเล็ก เราต้องเข้าใจพฤติกรรมของเด็กก่อน ซึ่งเด็กแต่ละช่วงอายุก็มีพฤติกรรมและทักษะการเรียนรู้ที่ต่างกัน วันนี้ LifeSara จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพฤติกรรมของเด็ก 2 ช่วงวัย คือ 1-3 ขวบ และ 3-5 ขวบ รวมถึงการรีโนเวทบ้านให้สอดคล้อกับพฤติกรรมของเด็ก จะมีเรื่องไหนบ้าง ไปดูกันนน

Asset 11

ทำความรู้จักเด็กในแต่ละช่วงวัย

ออกแบบบ้าน

การเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ จะช่วยให้การออกแบบง่ายขึ้นและยังตอบสนองการใช้งานได้ตรงจุดอีกด้วย 

  • ช่วงอายุ 1-3 ขวบ (วัยเตาะแตะ) เด็กในวัยนี้เป็นช่วงอายุที่โตขึ้นมากกว่าเด็กทารก เริ่มยืนเองได้ และคลานไปมาได้แล้ว มีพัฒนาการทางด้านร่างกาย สมอง รวมไปถึงด้านอารมณ์อย่างรวดเร็ว เด็กวัยนี้มีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ให้สามารถปีนป่ายได้คล่องขึ้น โยนรับลูกบอล หรือกระโดดได้ และในช่วง 2-3 ขวบ เด็กจะมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กอื่น ๆ เป็นวัยที่สมองของเด็กพัฒนาได้มากที่สุดและเร็วที่สุดกว่าช่วงอื่น ๆ ในชีวิต ดังนั้นเราควรให้น้องได้เล่น ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ 

ช่วงอายุ 3-5 ขวบ (วัยก่อนเรียน) ซึ่งเด็กในวัยนี้ จะพัฒนาขึ้นมาจากวัยเตาะแตะ มีการควบคุมอารมณ์และมีทักษะทางด้านร่างกายที่ดีขึ้นจากเดิม เช่น ความคล่องในการเดิน กระโดด วิ่ง ในส่วนพัฒนาการของสมองจะเป็นวัยที่มีจินตนาการสูงในการเรียนรู้และอยากลองทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

Asset 22

หลักการออกแบบบ้านห้องให้สอดคล้องพฤติกรรม

ออกแบบบ้าน

ห้องนอน เป็นห้องที่ใช้เวลาในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะ เพราะต้องพักผ่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า ในส่วนนี้จะมีเรื่องของการจัดพื้นที่สำหรับพักผ่อน จัดบรรยากาศภายในห้องให้น่าอยู่ และเลือกเครื่องนอนให้เหมาะกับการใช้งาน

  • ควรจัดห้องนอนน้องให้อากาศถ่ายเทและหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย 
  • เด็กควรนอนในเปลหรือบนเตียงส่วนตัว โดยแยกออกจากพ่อแม่ เพราะอาจจะนอนทับเด็กได้โดยไม่รู้ตัว
  • เลือกเตียงนอนที่มีความแข็งแรง ราวกันตกต้องยึดแน่น ช่องว่างไม่ควรห่างเกินไป เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียงและไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตก มุมเสาทั้ง 4 ไม่ควรมีส่วนที่เป็นเหลี่ยมและนูนออกมา
  • ไม่ควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่เป่าลงที่นอนโดยตรง เพราะเสี่ยงต่อภาวะหลอดลมอักเสบ ปอดบวม เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไข้ แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิที่ 25-27 องศา

ห้องนั่งเล่น น่าจะเป็นห้องที่เด็กใช้เวลามากที่สุด เพราะทุกคนในบ้านก็จะร่วมทำกิจกรรมไปด้วยกันได้ ทั้งการดูทีวี เล่นเกมส์ เพราะมีพื้นที่กว้างและส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดี การออกแบบห้องนี้ควรใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างมาก

  • แนะนำการจัดห้องให้โล่งกว้าง ให้แสงส่องถึงในห้องและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ควรจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เด็กไม่อยู่ใกล้กับหน้าต่าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
  • ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมและมุมแหลมคม หากมีก็ควรหาวัสดุผ้ามาห่อหุ้มไว้ เพื่อป้องกันการกระแทก และลดการเกิดอุบัติเหตุ
  • ชั้นวางควรมีตัวยึดติดกับผนังให้มั่นคงแข็งแรง เพราะเมื่อเด็กเริ่มคลานได้คล่อง เขาจะจับเพื่อพยุงตัวเองในการยืนและเดิน เสี่ยงต่อหล่นทับของตู้ 

ห้องน้ำ เป็นพื้นที่ที่ไม่ควรให้เด็กอยู่ตามลำพัง เพราะมีความอันตรายสูง ลื่นล้มได้ง่าย เสี่ยงต่อการสำลักหรือจมน้ำ รวมไปถึงเป็นที่สะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ด้วย

  • ควรจัดส่วนแห้งและส่วนเปียกให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการลื่นล้ม
  • พื้นห้องน้ำควรเป็นแบบหยาบ หรือใช้พรมกันลื่นในห้องน้ำก็ได้เช่นกัน
  • ควรมีตู้เก็บน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ ให้มิดชิด
  • เลือกใช้สุขภัณฑ์ที่เหลี่ยมมุมน้อย เพื่อป้องกันการกระแทก

โดยปัจจัยที่สำคัญส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเด็กในวัยนี้จะมีความเร็วและยังแยกแยะเรื่องความอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ไม่ดีเท่าไหร่ ฉะนั้นผู้ปกครองควรจะป้องกันและดูแลอย่างใกล้ชิด 

สำหรับใครที่มองหา “วัสดุอื่นในการรีโนเวทบ้าน”  ตามอ่านต่อตรงนี้ได้เลยยยย