ใครที่กำลังจะรีโนเวทห้องนั่งเล่น แล้วรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนวัสดุปูพื้นใหม่ อาจจะมาจากการชำรุดเสียหาย ความสะดวกสบายในการใช้งาน ไปจนถึงความเข้ากันของ Mood & Tone ของห้องนั่งเล่น วันนี้ LifeSara จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวัสดุปูพื้นห้องน้ำและการเลือกใช้งานด้วย จะมีแบบไหนบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยยย

Asset 11

วัสดุปูพื้นที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวมาใช้งานร่วมกัน ดังนั้นวัสดุปูพื้นควรมีความปลอดภัย ใช้งานสะดวกสบาย และเหมาะกับคนทุกวัย โดยวัสดุปูพื้นที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น ได้แก่ กระเบื้องยางไวนิล พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ ปูพื้นด้วยไม้จริง ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ และปูพื้นด้วยพรม

วัสดุปูพื้น

กระเบื้องยางไวนิล เป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่มีคุณภาพสูง มีลวดลายให้เลือกหลายทั้งลายไม้และลายหินอ่อน มีความคงทนแข็งแรง รองรับแรงกระแทกได้ดี หาซื้อได้ง่าย และหากเกิดความเสียหายคุณก็สามารถเปลี่ยนได้อย่างสะดวก

ข้อเสีย คือ อาจจะเกิดการหดได้ตามสภาพอากาศ จึงควรติดตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ และกระเบื้องยางหรือไวนิลยังมีผิวสัมผัสที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

พื้นไม้ลามิเนต ทำมาจากเศษไม้เนื้อแข็งและผงไม้ ผ่านกระบวนการบีบอัดให้เป็นแผ่น มีลักษณะลวดลายคล้ายไม้จริง น้ำหนักเบา และเคลื่อนย้ายไปติดตั้งได้ง่าย

  • ข้อดี คือ มีลวดลายที่สวยงามใกล้เคียงกับพื้นไม้จริง ราคาถูกกว่าไม้จริง และยังทนความร้อนจากแสงแดดได้ดี การดูแลรักษาง่าย 
  • ข้อเสีย คือ ทนต่อความชื้นได้น้อย ลวดลายไม้ซ้ำกัน ดังนั้นก่อนที่จะปูพื้นต้องวางในรูปแบบที่ต้องการก่อน

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ทำมาจากการนำไม้เนื้อแข็งอัดสลับเสี้ยนไม้ มีความหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร พร้อมทั้งอัดน้ำยากันปลวกและแมลง การติดตั้งง่ายไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย คือ ต้องติดตั้งบนพื้นที่เรียบเสมอกันเท่านั้น หากติดตั้งบนพื้นไม่เรียบอาจเกิดเสียงดัง และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญคือมีราคาสูงเมื่อเทียบกับพื้นลายไม้ชนิดอื่น

กระเบื้องเซรามิค ทำมาจากกระเบื้องดินเผา แต่จะผ่านการเผานานกว่า 1-2 ครั้ง และนำไปเคลือบผิวเพื่อให้เกิดลวดลายต่าง ๆ มีรูปแบบให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ลายไม้ ลายหิน  

  • ข้อดี คือ เนื้อกระเบื้องมีความแข็งแรง ดูแลรักษาง่าย 
  • ข้อเสีย คือเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย พื้นผิวลื่นเมื่อเปียกน้ำ

กระเบื้องแกรนิตโต้ จุดเด่นคือ ความแข็งแรง รองรับน้ำหนักเยอะทนต่อการขีดข่วน ทำให้เหมาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก ต้องการความทนทานและทำความสะอาดง่าย

Asset 22

การเลือกพรมปูพื้น

  1. พื้นที่ห้องและลักษณะการใช้งาน พรมปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก เป็นการช่วยจำกัดพื้นที่ให้คนในครอบครัวใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งการเลือกขนาดของพรมปูพื้น อาจจะต้องดูจากขนาดของชุดโซฟา แนะนำให้ใช้ควรเป็นพรมผิวเรียบหรือขนสั้น เพราะห้องนั่งเล่นมีการใช้งานบ่อยและโดนกดทับค่อนข้างเยอะ แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วย

  2. ชนิดของพรมปูพื้น 
    • พรมไนลอน เป็นพรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติทนต่อการใช้งาน ป้องกันน้ำ เชื้อรา สารเคมี และรอยขีดข่วน  
    • พรมโพลีโพรไพลีน มีคุณสมบัติเด่น คือ ป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ราคาถูก ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับบริเวณที่ถูกกดดับและมีการใช้งานค่อนข้างบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่น 
    • พรมโพลีเอสเตอร์ เป็นพรมที่เหมาะกับห้องนอน มีลักษณะนุ่มฟู สวยงาม ที่สำคัญคือกันน้ำและดักจับฝุ่นได้ดี ข้อเสียคือทำความสะอาดยาก ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก
    • พรมอะคริลิก เป็นพรมที่มีราคาค่อนข้างถูก ความโดดเด่นของพรมอะคริลิกอยู่ที่ความสวยงามและป้องกันคราบหรือความชื้นได้ดี

     3. ดีไซน์ของห้องนั่งเล่น เพราะสีหรือดีไซน์ที่แตกต่างกัน จะทำให้บรรยากาศห้องแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น

    • พรมสีอ่อน จะช่วยให้ห้องดูมีบริเวณกว้างขึ้น ดูสว่าง สบายตา ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย อาจจะไม่เหมาะกับห้องที่มีฝุ่นเยอะ
    • พรมสีเข้ม ช่วยให้ห้องดูมีความหรูหรา เป็นทางการ ข้อดีคือไม่ค่อยเห็นคราบหรือรอยสิ่งสกปรก ข้อเสียคือห้องดูมืดและกำจัดคราบสกปรกได้ยาก

สำหรับใครที่มองหา “ของตกแต่งชิ้นอื่นในการรีโนเวทห้องนั่งเล่น” ตามอ่านต่อตรงนี้ได้เลยยยย