เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเป็นหนี้บัตรเครดิตกันแน่ๆ เพราะผลลัพธ์ของการเป็นหนี้บัตรเครดิต คือเราต้องจ่ายดอกเบี้ยที่อัตราสูงปรี๊ด! แต่แน่นอนว่าบางครั้งคนเราก็สามารถผิดพลาดได้เช่นกัน อาจเพราะมาจากการขาดความรู้ที่ดีทางด้านการเงิน หรือขาดการวางแผนที่ดี แต่ควรจำไว้ว่าการชำระหนี้เต็มจำนวนและตรงตามกำหนดเวลาจะช่วยลดการเกิดดอกเบี้ยที่คิดเพิ่มขึ้นในระยะยาว ดังนั้น ควรชำระหนี้บัตรเครดิตที่ต้องการใช้งานให้สม่ำเสมอเพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นได้มากที่สุด วันนี้พวกเรา Lifesara จะมาแนะนำวิธีจัดการปัญหาหนี้บัตรเครดิต กรณีที่เป็นหนี้แล้วพลาด

 1

อัตราดอกเบี้ยชำระหนี้บัตรเครดิตต่อปีคือ

อัตราดอกเบี้ยชำระหนี้บัตรเครดิตต่อปีสามารถแตกต่างกันไปตามประเภทของบัตรเครดิต และบริษัทออกบัตรเครดิตที่คุณใช้งานอาจมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปด้วย อัตราดอกเบี้ยทั่วไปสำหรับบัตรเครดิตจะอยู่ในช่วง 15-25% ต่อปี แต่อาจแตกต่างกันไปตามบริษัทและเงื่อนไขต่างๆ

วิธีการเคลียร์หนี้หลักๆ มี 3 ข้อนั่นคือ

  • ต้องทำให้ดอกเบี้ยหยุดเดิน 
  • ต้องยืดเวลาการจ่ายให้นานขึ้น 
  • ต้องรวมหนี้ทั้งหมดไว้ในธนาคารเดียว 

ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ถ้าทำได้ก็จะช่วยชำระหนี้ได้มากขึ้น แม้ว่าจะมีบัตรหลายใบก็ตาม แต่รู้มั้ยว่าที่กล่าวมาทั้งหมด เราสามารถจัดการมันได้รวดเดียวแบบครบจบทีเดียวสามข้อ ซึ่งเราจะเรียกวิธีการนี้ว่า “การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต”

 2  

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คืออะไร

การ Refinance บัตรเครดิต หมายถึงการโอนยอดหนี้จากบัตรเครดิตปัจจุบันไปยังบัตรเครดิตใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือเงื่อนไขที่ดีกว่า เป็นสัญญากู้ยืมเงินฉบับใหม่ เป้าหมายของการ Refinance คือเพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องจ่ายในการชำระหนี้บัตรเครดิต และให้โอกาสในการปรับปรุงสถานะการเงินของผู้กู้ได้มากขึ้น การ Refinance บัตรเครดิตไม่ใช่วิธีแก้หนี้แต่ช่วยลดภาระให้มีสภาพคล่องมากขึ้น ช่วยให้เพื่อนๆ ปรับปรุงสถานะเครดิตได้ด้วยการปรับลดหนี้โดยรวมและปรับลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว 

หรืออีกความหมายก็คือ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นวิธีชำระหนี้ด้วยวิธีรวบหนี้ที่ค้างชำระมาในบัตรเครดิตใบเดียว และผ่อนชำระหนี้ที่เดียว ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ และมียอดค้างชำระสูง ซึ่งวิธีรีไฟแนนซ์จะต้องขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่หรือสถาบันการเงินเดิม เพื่อเป็นการรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดมารวมไว้ที่เดียว และจ่ายทีเดียว ซึ่งยังช่วยให้ดอกเบี้ยถูกลง และหยุดเดินง่ายขึ้น 

ข้อดีของการ Refinance

  • ได้สัญญากู้ยืมเงินฉบับใหม่
  • ไม่ใช่วิธีแก้หนี้แต่เป็นอีกทางช่วยที่จะช่วยลดภาระทางการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้น
  • ผ่อนถูกลง เงินเหลือใช้มากขึ้น ไม่โดนหมายศาล
 3  

เงื่อนไขที่จะทำให้การรวมหนี้เกิดผล

1. ดอกเบี้ยสัญญาใหม่ต่ำกว่าสัญญากู้เดิม
การรวมหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหรือเงื่อนไขที่ดีกว่า จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในการชำระหนี้ หากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ให้สินเชื่อใหม่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตปัจจุบันของเพื่อนๆ การรวมหนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในระยะยาว

2. เงินผ่อนต่อเดือนน้อยลง
อีกหนึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้การรวมหนี้เกิดผล นั้นก็คือการลดเงินผ่อนต่อเดือนให้น้อยลงนั้นเอง เพื่อลดภาระทางการเงินรายเดือนให้ได้มากที่สุด

3. ระวังอย่ากู้นอกระบบ
เราขอเตือนเพื่อนๆ เลยว่าการกู้นอกระบบไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี และอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ อย่างที่เราทราบกันดีว่าการกู้เงินนอกระบบมักจะมีอัตราดอกเบี้ยสูง ที่สำคัญเลยคือขาดความปลอดภัย

 4  

วิธีการ refinance

เมื่อทำการ Refinance บัตรเครดิต เพื่อนๆ จะต้องยื่นคำขอสินเชื่อใหม่กับสถาบันการเงินหรือบริษัทที่มีบัตรเครดิตที่ต้องการ Refinance และถ้าคำขอของคุณได้รับการอนุมัติ สถาบันการเงินจะโอนยอดหนี้จากบัตรเครดิตปัจจุบันของเราไปยังบัตรเครดิตใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือมีสิ่งประโยชน์ทางการเงินอื่นๆ เช่น มีเวลาผ่อนชำระหนี้ที่ยาวขึ้น 

แต่การ Refinance บัตรเครดิตอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนยอดหนี้ ค่าธรรมเนียมการปิดบัตรเครดิตปัจจุบัน หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ควรพิจารณาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าการ Refinance เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่าในระยะยาว

 5  

วิธีปิดหนี้บัตรเครดิตให้เหมาะกับกลุ่มคนเป็นหนี้แต่ละประเภท

กำลังจ่ายหนี้บัตรเครดิตหลายใบ(ยังมีเครดิต)

  1. เจรจากับธนาคารก่อนกลายเป็นหนี้เสีย
    เพื่อนๆ ควรพิจารณาสถานการณ์การเงินของตัวเองและวางแผนเจรจากับธนาคารขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการชำระหนี้ สอบถามเกี่ยวกับเงื่อนไขในการชำระหนี้ เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยหรือเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิต 
  2. เอาเงินก้อนมาโปะ ขายรถ ขายสินทรัพย์
    อีกหนึ่งทางออกสำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบแต่ยังมีเครดิตทางการเงินที่ดีอยู่ คือการเอาเงินก้อนมาโปะหนี้นั้นเอง   แต่เป็นวิธีที่เพื่อนๆ ควรจะพิจารณาถึงความคุ้มค่าให้ดีเสียก่อน คำนึงถึงราคาขายที่เหมาะสม
  3. Refinance บัตรเครดิต
    หนึ่งในวิธีที่เป็นทางออกในการลดหนี้บัตรเครดิต ก็คือการ Refinance บัตรเครดิต เพื่อให้ธนาคารช่วยออกเงินก้อนมาปิดหนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ยจะไม่คิดต่อทุกวันแต่จะคิดดอกเบี้ยจากเงินก้อนนั้นทีเดียวว่าผ่อนกี่ปี ผ่อนดอกเบี้ยเดือนละเท่าไร

เป็นหนี้บัตรเครดิตแบบชำระล่าช้า หรือ ไม่ครบชำระ(เครดิตเสีย)

  1. Refinance ยากกว่าคนที่มีเครดิตที่ดี
    การ Refinance หนี้เสีย (Bad Credit Refinancing) อาจมีความยากที่มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการ Refinance ในกรณีที่มีประวัติเครดิตดี เป็นเพราะประวัติเครดิตเสียที่ไม่ดีอาจส่งผลต่อความพร้อมในการขอสินเชื่อใหม่ มีการจ่ายเงินที่ช้าและธนาคารอาจมองว่าเป็นการมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการให้สินเชื่อใหม่ 
  2. วางแผนกับธนาคารเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้
    การวางแผนกับธนาคารเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ต้องใช้ความรอบคอบและคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยในการวางแผนและตัดสินใจ  สร้างข้อตกลงทางการเงินกับธนาคาร ดูว่ามีหนี้จากธนาคารหลายแห่งหรือไม่ และคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่ใช้กับหนี้ปัจจุบัน
  3. คลินิกแก้หนี้ (BOT)
    สำหรับคนที่มีประวัติไม่ดี จนกู้อะไรใหม่ไม่ได้จนกว่าจะเคลียร์หนี้จบ คลินิกแก้หนี้ (BOT) จะช่วยได้ เพราะเขาถนัดให้คำแนะนำในการจัดการแก้ไขสถานการณ์หนี้ของบุคคลที่มีประวัติไม่ดี โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถขอกู้ยืมเงินใหม่ได้จนกว่าจะได้เคลียร์หนี้ในครั้งที่แล้ว
 6  

หลักการที่จะให้ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิต

1. ปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เพื่อนๆ ควรใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวังและตรงตามวัตถุประสงค์ หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตในการซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือเพื่อความสะดวกสบายที่ไม่เป็นประโยชน์จริงๆ ระวังการซื้อของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

2. จ่ายให้ตรงกำหนดและครบจำนวน
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เพื่อนๆ ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิตก็คือ การจ่ายเต็มจำนวนให้กับบัตรเครดิตทุกครั้ง และชำระเงินตามครบตามจำนวนที่กำหนดไว้โดยไม่ติดดอกเบี้ย จะช่วยลดโอกาสในการเกิดหนี้สะสมและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้

3. วางแผนปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารที่ออกบัตร
การวางแผนปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารที่ออกบัตรเครดิต จะทำให้เพื่อนๆ เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการหนี้และลดความเคร่งครัดในการชำระหนี้ให้ดีขึ้น อาจเป็นการต่อรองเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน

4. สร้างแผนการเงินที่ดี
การสร้างแผนการเงินที่ดีและสมดุลจะช่วยลดโอกาสที่เพื่อนๆ จะต้องสมัครบัตรเครดิตเพิ่ม หรือใช้ในรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ทำให้คำนึงถึงรายได้และรายจ่ายของตัวเองได้ดี และสามารถวางแผนการใช้เงินให้มีความรอบคอบได้

5. กำหนดงบประมาณสำหรับการใช้จ่าย
กำหนดงบประมาณสำหรับรายจ่ายของเพื่อนๆ ในแต่ละเดือนให้ดี และพยายามใช้จ่ายให้อยู่ในกำหนดตามงบที่ตั้งไว้ให้ได้ เมื่อเพื่อนๆ มีแผนการเงินที่ชัดเจนและตรงตามงบประมาณ เพื่อนๆ จะสามารถควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้นและลดโอกาสในการเกิดหนี้บัตรเครดิต