บัตรเครดิต คืออะไร ใช้ยังไงถือเป็นคำถามยอดฮิตของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นน้องนักศึกษา First Jobber หรือ คนที่เข้าสู่ชีวิตการทำงานแล้วก็ตาม หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าบัตรเครดิตคืออะไร มีกี่ชนิด แล้วจริงๆ บัตรเครดิตถือเป็นสิ่งไม่ดีตามที่เขาว่ากันไหม หรืออาจจะเคยได้ยินใครต่อใครบอกว่าไม่ควรใช้บัตรเครดิต เพราะมีแต่ข้อเสียที่ทำให้เป็นหนี้หัวโต แต่มันทำให้เป็นหนี้จริงไหม?
โพสต์นี้พวกเรา LifeSara เลยรวบรวมข้อมูลฉบับย่อยง่ายและครบจบในที่เดียว ที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับบัตรเครดิตอย่างละเอียด พร้อมแนะนำว่าควรทำบัตรเครดิตธนาคารไหนดีในปี 2566 ที่จะทำให้แต่ละคนได้รับสิทธิประโยชน์แบบสุดคุ้ม เพื่อให้ทุกคนได้เลือกและตัดสินใจกันว่าบัตรเครดิตที่เหมาะกับเราควรจะเป็นใบไหนบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนอ่านต่อได้เลย!
1
บัตรเครดิตคืออะไร?
บัตรเครดิต คือ สินเชื่อส่วนบุคคลที่อนุญาตให้ผู้ถือบัตรสามารถนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายก่อนได้ ตามหลักการรูดก่อน จ่ายทีหลัง ที่เราสามารถใช้จ่ายได้ตามวงเงินบัตรเครดิตที่ได้รับ จากนั้นต้องทำการชำระค่างวดบัตรเครดิตภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเป็นการชำระเพียงค่าใช้จ่ายจริงที่ใช้ไปเท่านั้น ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ถ้าจ่ายเพียงขั้นต่ำหรือเลยระยะเวลาที่กำหนด ต้องชำระดอกเบี้ยโดยคำนวณตั้งแต่วันแรกที่รูดใช้บัตร
บัตรเครดิตแตกต่างจากบัตรกดเงินสด Speedy Cash ที่เป็นสินเชื่อส่วนหมุนเวียนประเภทหนึ่งที่ทำให้ใช้จ่ายได้สะดวก สมัครง่าย ไม่ต้องใช้การค้ำประกัน แต่ไม่มีระยะปลอดดอกเบี้ยเหมือนกับบัตรเครดิต ส่วนบัตรเดบิตเป็นบัตรที่เชื่อมกับบัญชีธนาคาร สมัครได้ง่ายกว่าบัตรเครดิต และสามารถใช้จ่ายได้ตามยอดเงินในบัญชีเท่านั้น
2
บัตรเครดิตมีกี่ประเภท?
ประเภทบัตรเครดิตทั่วไป : สามารถแบ่งแยกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. บัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้ทั้งในและต่างประเทศ (International Credit Card)
บัตรเครดิตประเภทนี้สามารถใช้ชำระเงินได้ทั้งในและต่างประเทศเช่น บัตรเครดิต VISA, บัตรเครดิต MasterCard และบัตร American Express เป็นต้น
2. บัตรเครดิตที่สามารถใช้ในประเทศเท่านั้น (Local Credit Card)
ประเภทบัตรเครดิตรูปแบบนี้สามารถใช้ได้เฉพาะในประเทศไทย ออกโดยสถาบันการเงินไทยหรือธนาคารแห่งประเทศไทย
3. บัตรเครดิตที่ใช้เฉพาะร้านค้า (Store Card หรือ Private Label Card)
บัตรเครดิตประเภทนี้ถูกกำหนดให้ใช้เฉพาะเจาะจงในแต่ละร้านค้าเท่านั้น โดยอาจมีส่วนของสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นให้ผู้ถือบัตรใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ประเภทบัตรเครดิตแบ่งตามผลตอบแทน : นอกจากบัตรเครดิตที่แบ่งตามลักษณะการใช้งานแล้ว ยังสามารถแบ่งตามผลตอบแทนได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. บัตรเครดิตประเภทเงินคืน
บัตรเครดิตที่ใช้ในการชำระเงินแล้วได้รับเงินคืนหรือเครดิตคืนตามเงื่อนไขที่แต่ละธนาคารกำหนด เช่น ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรทุกหมวดหมู่ รับเครดิตเงินคืน 1% หมายความว่า หากเราใช้จ่ายยอด 1,000 บาท ธนาคารจะคืนเงินให้เรา 10 บาท
2. บัตรเครดิตประเภทสะสมแต้ม
บัตรเครดิตที่ใช้ในการชำระเงินแล้วสะสมคะแนนหรือแต้มตามจำนวนเงินที่คุณใช้จ่าย โดยคะแนนหรือแต้มที่คุณสะสมได้สามารถนำมาแลกของรางวัลหรือสิทธิประโยชน์กับร้านค้าที่ร่วมรายการ
3. บัตรเครดิตประเภทมีสิทธิประโยชน์พิเศษ
บัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น การเข้าร่วมโปรแกรมสมาชิกพิเศษ เข้าถึงสิทธิประโยชน์เฉพาะ บริการส่วนตัวของพนักงานส่วนตัว สิทธิ์ในการเข้าถึงโรงแรมหรูหราหรือห้อง VIP
3
วงเงินบัตรเครดิตคืออะไร?
บางคนอาจจะสงสัยว่าวงเงินบัตรเครดิตนั้น เขาพิจารณาจากอะไร?
ก่อนอื่นเลย วงเงินจากบัตรเครดิตคือ จำนวนเงินสูงสุดที่ทางธนาคารของบัตรเครดิตนั้นๆ จะอนุมัติให้เจ้าของบัตรใช้ในการชำระเงินจากบัตรเครดิตได้ ซึ่งแต่ละคน และแต่ละบัตรก็จะมีวงเงินบัตรเครดิตที่ต่างกัน ทั้งนี้การพิจารณาวงเงินจะพิจารณาจากรายได้หรือเงินเดือนของผู้สมัครบัตร โดยเริ่มต้นที่ 1.5 เท่า สูงสุด 5 เท่าของรายได้ และวงเงินสามารถเพิ่มได้ และจะพิจารณาจากการชำระยอดอย่างสม่ำเสมอและตรงต่อเวลา
ตัวอย่างวงเงิน เช่น รายได้ 15,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่า, รายได้ 30,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่า, รายได้ 50,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 5 เท่า เป็นต้น
4
บัตรเครดิตใบแรก ทำใบไหนดี?
บัตรเครดิตใบแรก 2023 ที่น่าสนใจตอนนี้มีให้เลือกสมัครจำนวนมาก โดยจะมีความแตกต่างกันเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ดังต่อไปนี้
1. บัตรเครดิต Krungsri First Choice Visa Platinum
- สิทธิประโยชน์
- เปลี่ยนยอดค่าใช้จ่ายเป็นยอดผ่อนชำระ 0% สูงสุด 3 เดือน และสูงสุด 6 เดือนในหมวดประกัน
- ผ่อนสินค้า 0% สูงสุด 36 เดือน
- เครดิตเงินคืนสูง ส่วนลดร้านอาหาร เบี้ยประกัน เติมน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า ตกแต่งบ้าน สายการบิน โรงแรม
- แลกคะแนนสะสมบัตรเครดิตเป็นเครดิตเงินคืน เพื่อรับสินค้าและบริการจากร้านค้าหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ ง่ายๆ ผ่านแอป UCHOOSE
- สิทธิประโยชน์ประจำเดือนเกิด พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย
- ประกันภัยคุ้มครองการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์และ Payment Gateway
- เบิกถอนเงินสด 24 ชั่วโมง สูงสุด 100% ของวงเงินสินเชื่อบุคคล
- เช็คทุกอย่างผ่านแอป UChoose ได้เลย แสดงทั้งยอดค่าใช้จ่าย, คะแนนสะสม, ชำระค่างวดบัตรเครดิต, ขอวงเงินชั่วคราว รวมถึงจำกัดการใช้งานบัตรเครดิต จึงเหมาะสำหรับการเป็นบัตรเครดิตใบแรก
- เงื่อนไขการสมัคร
- พนักงานทั่วไป
- อายุระหว่าง 20-55 ปี
- รายได้ประจำตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไปสำหรับการทําบัตรเครดิต
- เจ้าของกิจการ
- อายุระหว่าง 20-55 ปี
- ดำเนินกิจการไม่ต่ำกว่า 1 ปี
- มีเงินหมุนเวียนในธนาคารต่อเดือนขั้นต่ำ 300,000 บาทขึ้นไป
- มีเอกสารจดทะเบียนการค้า
- พนักงานทั่วไป
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
2. บัตรเครดิต KTC Visa Platinum
- สิทธิประโยชน์
- เบิกถอนเงินสดได้ 100% เต็มวงเงินของยอดคงเหลือขณะนั้นหรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท/วัน
- ประกันการเดินทางต่างประเทศ
- ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน
- บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง
- ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 10 เดือน
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
- รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป/เดือน
- รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป/เดือน (สำหรับชาวต่างชาติ)
- อายุงาน 3 เดือนขึ้นไป
- ค่าธรรมเนียม
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีแรกและตลอดชีพ
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
3. บัตรเครดิต TTB So Smart Visa
- สิทธิประโยชน์
- รับเงินคืน 1% ทุกการใช้จ่ายเข้าบัญชี ttb no fix ทุกการใช้จ่าย ไม่ต้องรอโปร
- เลือกแบ่งจ่าย 0% 3 เดือนได้เอง ทุกการใช้จ่าย เพิ่มยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป
- ฟรี ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง
- เงื่อนไขการสมัคร
- สำหรับพนักงานบริษัท / ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
- อายุระหว่าง 20-70 ปี
- เงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป รับเงินเดือนผ่านการโอนเข้าบัญชี
- ทำงานที่ปัจจุบันเกิน 4 เดือนขึ้นไป
- สำหรับผู้ประกอบกิจการส่วนตัว
- อายุระหว่าง 20-70 ปี
- รายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
- ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 2 ปีขึ้นไป
- สำหรับพนักงานบริษัท / ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
4. บัตรเครดิต UOB YOLO Platinum
- สิทธิประโยชน์
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายรถไฟฟ้า BTS และ MRT, All Online by 7-Eleven, ร้าน Boots, ร้าน Watson, ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ, ร้านเบอร์เกอร์คิง, Shopee, Grab และ Atome
- รับเครดิตเงินคืน 1% สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายหมวดท่องเที่ยวและออนไลน์
- 1 ฟรี 1 เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF
- ปลอดดอกเบี้ยนานสูงสุด 55 วัน
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุตั้งแต่ 20-60 ปี
- รายได้ตั้งแต่ 15,000 บาท/เดือน
- ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมรายปี 2,000บาท/บัตร/ปี และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 100,000 บาทขึ้นไป/ปี
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
5. บัตรเครดิต CardX UP2ME
- สิทธิประโยชน์
- รับคะแนนสะสม CardX Rewards X3 ใน 1 หมวดไลฟ์สไตล์
- รับคะแนนสะสม CardX Rewards X5 ในเดือนเกิด
- รับคะแนนสะสม CardX Rewards สูงสุด X5 เมื่อใช้จ่ายในหมวดที่ลูกค้าเลือกในเดือนเกิด
- รับส่วนสดสูงสุด 30% ห้องพักในโรงแรม และรีสอร์ท ในเครือครอส
- ประกันอุบัติเหตุและการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ เมื่อชำระค่าโดยสารทางอากาศผ่านบัตรเครดิต CardX UP2ME
- บริการจาก ทรู ลีสซิ่ง ส่วนลด 10% สำหรับรถเช่าขับเอง รถเช่าพร้อมคนขับ และแพ็กเกจเรือแฮคเกอร์-คราฟต์พร้อมคนขับ
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุ 20-70 ปี
- รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
6. บัตรเครดิต CITI Cash Back
- สิทธิประโยชน์
- รับเครดิตเงินคืน 10% ที่รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน และคาเฟ่อเมซอน
- รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายที่ 7-11, Grab และร้านวัตสัน
- ยิ่งเติม ยิ่งได้คืน 1% ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ทุกสาขาทั่วประเทศ เมื่อมียอดค่าใช้จ่าย ครบทุก 800 บาท/เซลล์สลิป
- รับเครดิตเงินคืน 1% จากยอดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุ 20 ปีขึ้นไป
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก และมีค่าธรรมเนียมรายปี ปีถัดไป 2,000 บาท สามารถยกเว้นค่าธรรมเนียมได้ เมื่อใช้จ่ายครบ 60,000 บาท ต่อปี
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
7. บัตรเครดิต The Passion กสิกรไทย
- สิทธิประโยชน์
- ลด 50% สนามกอล์ฟหรือบัตรชมภาพยนตร์
- ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ วงเงินสูงสุด 6,000,000 บาท
- ชุดน้ำชายามบ่ายราคาพิเศษ
- แบ่งจ่าย 0% ที่ร้านค้าชั้นนำ นานสูงสุด 10 เดือน
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุ 20-80 ปี
- รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีแรก ปีถัดไปฟรี เพียงมียอดใช้จ่าย 12 ครั้ง / ปี
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
8. บัตรเครดิต LINE POINTS Credit Card
- สิทธิประโยชน์
- รับ LINE POINT คืน 1% ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร
- 1 LINE POINT = 1 Baht
- LINE POINT เข้าไวภายใน 1 วัน
- ฟรีประกันการเดินทางต่างประเทศ
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุ 20-80 ปี
- มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
- มีภาระหนี้ต่อเดือน ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
- ไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินใด ๆ
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีแรกและปีถัดไป กรณีใช้จ่าย 12 ครั้ง / ปี
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
9. บัตรเครดิต UOB Preferred
- สิทธิประโยชน์
- ทุกยอด 15 บาท เท่ากับ 1 คะแนน
- The 1 คะแนน X3 เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต UOB Preferred Platinum
- รับเงินคืน 15% ที่ร้านค้า Shopee, Lazada, JD central, Cafe Amazon, Dean & Deluca, True Coffee, Au Bon
- Pain, KrispyKreme, Family Mart, Matsumoto Kiyoshi เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ (ตรวจสอบ ณ สาขาที่ใช้บริการ)
- รับเงินคืน 15% จากการชำระค่าบริการผ่าน Application GRAB, True Money Wallet, Rabbit Line Pay, Foodpanda และ Dolfin Wallet
- ประกันภัยเดินทาง บริการเลขาส่วนตัว
- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า
- เงื่อนไขการสมัคร
- รายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน
- อายุผู้ถือบัตรหลัก 20 – 60 ปี, บัตรเสริม 18 – 65 ปี
- ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมฟรีมีเงื่อนไข ฟรีปีแรก ปีต่อไปค่าธรรมเนียมรายปี 3,000 บาท
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
10. บัตรเครดิต Aeon Rabbit
- สิทธิประโยชน์
- เครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้บริการหรือชำระเงินผ่านช่องทางแรบบิท
- เครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมมูลค่าบัตรรถไฟฟ้า MRT
- เครดิตเงินคืน 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายชำระค่าสินค้า/บริการ ที่ร้านค้าออนไลน์ ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง
- คะแนนสะสม AEON Happy Point (20 บาท = 1 คะแนน)
- สะสมคะแนน Rabbit Rewards เพื่อแลกสินค้าและบริการต่าง ๆ
- เงื่อนไขการสมัคร
- อายุ 20-75 ปี
- รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป
- ค่าธรรมเนียม
- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมปีแรก ปีถัดไป 200 บาท (ฟรีกรณีใช้จ่าย 120,000 บาท/ปี)
- ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ
- 16% ต่อปี
5
ทำบัตรเครดิตต้องใช้อะไรบ้าง?
เอกสารสำหรับพนักงานบริษัท / ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / สำเนาบัตรข้าราชการ/ บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ
– ใบแจ้งยอดเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือนปัจจุบัน
– สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือน (บัญชีเงินเดือน)
*กรณีใช้สำเนาบัตรข้าราชการฯ / บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ ต้องแนบสำเนาทะเบียนบ้าน
เอกสารสำหรับผู้ประกอบกิจการส่วนตัว
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
– สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัท / ห้างหุ้นส่วน จากกระทรวงพาณิชย์
– สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีส่วนตัว)
6
ควรมีบัตรเครดิตกี่ใบ?
การมีบัตรเครดิตที่เหมาะกับเรานั้นถือเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ ก็ถือว่าได้ประโยชน์ในเรื่องของการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงโปรโมชั่น การสะสมไมล์เครื่องบิน และอื่น ๆ ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น แต่ไม่ควรมีบัตรเครดิตมากกว่า 3 ใบ เพราะจะทำให้มีปัญหากับการบริหารการใช้เงินได้ รวมไปถึงปัญหาที่บัตรเครดิตแต่ละใบจะมีค่าธรรมเนียมรายปีด้วย ดังนั้นการตัดสินใจว่าจะมีบัตรเครดิตกี่ใบดี แนะนำให้ไม่มีเกิน 3 ใบ หรือเลือกบัตรเครดิต ที่เหมาะกับคุณตามไลฟ์สไตล์ของตัวเราเป็นหลัก
7
ประโยชน์ของการมีบัตรเครดิต
บัตรเครดิตมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิตควรจะต้องรู้ถึงข้อดีบัตรเครดิตและข้อเสียบัตรเครดิตให้ดีเสียก่อน ดังนี้
ข้อดีของบัตรเครดิต
– สามารถใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้
– สะดวกสบายแทนการใช้เงินสด
– ชำระเงินได้ที่ไทยและต่างประเทศ
สิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต
– ได้แต้มสะสมหรือเงินคืน
– ใช้ผ่อนสินค้าที่อยากได้โดยโปรผ่อน 0%
– สิทธิพิเศษด้านบริการและอื่น ๆ
ข้อเสียของบัตรเครดิต
– การทำบัตรเครดิตต้องเสียดอกเบี้ยสูงกรณี จ่ายช้า, จ่ายแค่ขั้นต่ำ
– อาจทำให้ใช้จ่ายเยอะขึ้นกว่าปกติ จนนำไปสู่การเป็นหนี้สินได้
– เงื่อนไขการสมัครค่อนข้างเยอะ
8
Trick (ไม่)ลับ ใช้บัตรเครดิตแบบคนฉลาด
1. จำกัดวงเงินการใช้ต่อเดือนและต่อวัน
การจำกัดวงเงิน เช่น เรามีวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 100,000 บาท ต่อเดือน แล้วเรากำหนดไว้ว่าเดือนนี้เราจะใช้จ่ายในบัตรเครดิต 60,000 บาท เท่ากับต่อวันเราควรใช้ไม่เกิน 2000 บาท
2. อย่าลืมเช็คความสามารถในการจ่าย
ที่สำคัญมากๆ เลย คือ เราควรที่จะเช็คความสามารถของเราที่จะจ่ายต่อเดือน เอารายได้มาคำนวนกับรายจ่าย และกำหนดยอดใช้จ่ายที่จะใช้เครดิตในการชำระ เพื่อจะไม่ให้เกินรายได้ที่เรามี อันนี้สำคัญมากๆ เราห้ามใช้จ่ายเกินรายได้ที่เรามีนะ เพราะมันอาจต่อเกิดหนี้ขึ้นมาได้
3. จ่ายค่าบัตรเครดิตให้ตรงตามเวลาที่กำหนด
เราควรชำระบัตรเครดิตให้ตรงตามเวลาที่กำหนด และชำระบัตรแบบเต็มจำนวน ไม่ชำระขั้นต่ำ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยนั่นเอง การจ่ายชำระยอดบัตรให้ตรงเวลาก็เหมือนการรักษาเครดิตของเรา เพราะถ้าจ่ายไม่ตรงเวลาอาจทำให้เราเสียเครดิต หรือความน่าเชื่อถือได้ซึ่งจะส่งผลในอนาคตเวลาจะธุรกรรมการเงินต่างๆ และถ้าชำระไม่ตรงเวลาหรือชำระขั้นต่ำ จะทำให้เสียดอกเบี้ยสูงมากๆ ทำให้อาจเกิดภาระหนี้สินที่ต้องใช้คืนนานกว่าเดิม
4. การจำรอบบิลของการชำระบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
จากข้อเมื่อกี้คือ ถ้าเราจ่ายช้า มันจะทำให้เราเสียเครดิตและอาจโดนปรับเพิ่มเติมด้วย เพื่อป้องกันสิ่งแบบนั้นให้เกิดขึ้น เราควรที่จะจำรอบบิลการชำระเงินของเราให้ได้ โน้ตไว้ในปฏิทินได้เลยยิ่งดี!
5. การเลือกบัตรที่เหมาะสม, การสะสมแต้ม หรือ ใช้สิทธิพิเศษที่บัตรเครดิตมีให้
การเลือกบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์ตรงกับการใช้ชีวิต หรือ ไลฟสไตล์ของเรา เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าเราได้ใช้บัตรนี้บ่อยเพราะมันตรงการใช้จ่ายเรา เราก็จะได้รับแต้มกับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามากขึ้น บัตรเครดิตต่างๆ จะมีสิทธิพิเศษ ให้กับผู้สมัครบัตรเครดิต เช่นพวกส่วนลด หรือ แลกของต่างๆ การใช้สิทธิพิเศษให้คุ้ม ก็ส่งผลดีให้เรา และจะทำให้เราประหยัดได้ในหลายๆทาง ลองไปเช็คสิทธิพิเศษของบัตรตัวเองกันดูน้าาา
9
ใครที่ควรมีบัตรและใครที่ไม่ควรมี?
ควรมีบัตรเครดิต:
- ไม่ชอบพกเงินสด
บัตรเครดิตสามารถทำงานเป็นเงินสดจำนวนมากได้ โดยที่ถูกยอมรับในหลายๆที่ ทำให้บัตรเครดิตเหมาะกะคนที่ไม่ชอบพกเงินสดมากๆ - วางแผนการเงินดี
อย่างที่บอกว่า การป้องกันการเป็นหนี้จากบัตรเครดิตคือการบริหารจัดการเงินที่ดี เพราะฉะนั้น บัตรเครดิตจะเหมาะสำหรับคนที่สามารถบริหาร หรือ วางแผนการเงินที่ดี - มีรายรับ รายจ่ายที่มั่นคง
การวางแผนเงินที่ดีก็จะมาจากการมีรายรับ รายจ่ายที่มั่นคง เราจะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนควรจะจัดการเงินยังไง จะได้ไม่เป็นหนี้
ไม่ควรมีบัตรเครดิต:
- รายรับ รายจ่ายไม่มั่นคง
เนื่องจากการสมัครเครดิตจะมีรายจ่ายยิบย่อยที่มากขึ้น เช่น ดอกเบี้ย ค่าสมัครบัตรรายปี และก็ต้องใช้การวางแพลนการเงินที่มั่นคง ดังนั้นจึงอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ รายรับ รายจ่ายไม่คงที่น้าา - มีหนี้อยู่แล้ว
การมีบัตรเครดิตก็เหมือนการเพิ่มหนี้ ถ้าเราไม่สามารถจ่ายเงินได้ตรงเวลา เราก็จะมีหนี้เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นถ้ามีหนี้อยู่แล้ว ก็ไม่แนะนำให้เพิ่มหนี้ให้ตัวเองน้าา - มีเงินเก็บไม่เยอะ
ในการใช้บัตรเครดิต เราจะต้องจ่ายให้ตรงเวลา เฉพาะฉะนั้น ถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา อาจทำให้หมุนเงินไม่ทัน ก็จะต้องนำเงินเก็บออกมาจ่ายก่อน
บอกเลยว่าถ้าไม่มีวินัยหรือบริหารเงินไม่ดี เราอาจจะเหมาะกับการใช้แค่เงินสด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่รูดไปเรื่อยหรือเกินความจำเป็น และยังไงหากใครจะเปิดบัตรเครดิต ก็อย่าลืมศึกษาจุดประสงค์ในการเปิดบัตรเครดิตให้ถี่ถ้วน เพื่อจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเอาไว้เพื่อใช้สำรองฉุกเฉิน สะสมแต้ม หรือแลกส่วนลดก็ตาม!
10
ก่อนทำต้องรู้จักวันตัดรอบบิล?
วันตัดรอบบิลของธนาคารจะเป็นวันที่ธนาคารกำหนดให้ ไม่ใช่ทุกๆสิ้นเดือนนะ ทุกคนควรจำดีๆ เช่น ธนาคารอนุมัติบัตรในวันที่ 11 มีนาคม แสดงว่าวันตัดรอบบิลต่อไปก็จะเป็นวันที่ 11 เมษายน
และ 15 วันหลังจากวันตัดรอบบิล ก็จะเป็นวันที่ครบกำหนดชำระ เช่น ถ้าวันตัดรอบบิลอยู่ในวันที่ 5 ของเดือน วันครบกำหนดชำระจะอยู่ที่ วันที่ 20 ของทุกเดือนนั่นเอง แปลว่าเราควรจะจ่ายค่าบิลบัตรเครดิตภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน (ยกเว้นว่าถ้าวันครบกำหนดชำระตรงกับวันเสาร์, วันอาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ – วันครบกำหนดชำระจะเป็นวันทำการถัดไป) แต่จริงๆ แล้วเราควรจ่ายทันทีหลังตัดรอบบิลน้าา เผื่อใครลืมงี้ จะได้ไม่โดนปรับ!
** หมายเหตุ **
1. การจ่ายรอบบิลช้า
การจ่ายรอบบิลล่าช้า จะมีดอกเบี้ยค่าปรับ โดยจะบวกเพิ่มอยู่ที่ 1% ถึง 3% ขึ้นอยู่กับเวลาที่ค้างชำระ
2. การใช้จ่ายที่จะไม่เสียดอกเบี้ย ถ้าจ่ายไม่ตรงตามกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกนับตั้งแต่วันที่รูดและเต็มจำนวน แต่ถ้าจ่ายเต็มจำนวนและตรงเวลาก็จะไม่เสียดอกเบี้ย
3. หลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ เลี่ยงได้เลี่ยง!
เพราะว่าการจ่ายขั้นต่ำ เราจะโดนคิดดอกเบี้ย 2 ยอดนั่นเอง เช่น สมมุติว่าเรามียอดค้างชำระอยู่ที่ 10,000 บาท และเราจ่ายขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาท แสดงว่าเราก็จะเหลือเงินค้างชำระอยู่ที่ 9,000 บาท
– ซึ่งยอดแรกที่เราจะจ่าย ธนาคารก็จะคิดค่าดอกเบี้ยจากยอดทั้งหมดนั่นก็คือ 10,000 บาท
– และธนาคารจะคิดยอดที่สองจากดอกเบี้ยของยอดที่เหลือ นั่นก็คือ 9,000 บาท จนกว่าจะถึงวันตัดรอบบิลต่อไป
เพราะฉะนั้นถ้าจ่ายขั้นต่ำเรื่อยๆ เราก็จะยิ่งเป็นหนี้ที่มากกว่าที่เราใช้ เพราะดอกเบี้ยที่ทับสะสมต่อไปเรื่อยๆ นะ
11
เช็กรายละเอียดบัตรอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเปิดบัตร
ในการทำบัตรเครดิต เราจะต้องเอกสารและเซ็นยินยอมกับทางธนาคาร ซึ่งในแต่ละเอกสารก็จะมีเนื้อหาที่ไม่เหมือนกัน ควรที่จะอ่านทำความเข้าใจ ดูลายละเอียดให้ดีๆ ก่อนเซ็นน้าาา หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าในขั้นตอนการเซ็นตอนทำบัตรเครดิตครั้งแรก เราจะได้สิทธิคุ้มครองจากธนาคารทันที หรือเรียกอีกแบบว่าสิทธิคุ้มครองผู้ถือบัตรนั่นเอง เพื่อให้ไม่โดนเอาเปรียบจากธนาคาร หรือถ้ามีปัญหาอะไรเราจะได้รู้ทันนั่นเอง
ยกตัวอย่างก็จะมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง อันนี้คือสิทธิที่ผู้สมัครบัตรเครดิตจะได้รับข้อทูลทุกอย่าง อย่างถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งจะมีพวกอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หรือเงื่อนไขต่างๆ ที่ผู้สมัครต้องรู้
และอีกตัวอย่างก็คือ สิทธิที่จะใช้บริการได้อย่างอิสระ ซึ่งลูกค้าอย่างเราก็มีอิสระในการเลือกใช้บริการบัตร เช่น เลือกที่จะทำบัตรประเภทไหน หรือไม่ทำบัตรใด ๆ ก็ได้ถ้า และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมเช่น พวก ประกันชีวิตของธนาคารนั้นๆที่เรากำลังจะสมัครบัตรเครดิต
12
เลือกสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับ lifestyle ของตัวเอง
ในสมัยนี้ บัตรเครดิตมีหลายแบบมากๆ และแต่ละแบบก็จะเหมาะกับคนแต่ละประเภท แต่ละไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน เช่นสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ ก็จะเหมาะกับบัตรที่มีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพงเท่าบัตรอื่นๆ เวลาไปรูดที่ต่างประเทศ ก็จะเหมาะกับบัตร KTC VISA SIGNATURE, KTC PLATINUM MASTERCARD, KTC JCB PLATINUM
หรือว่าถ้าใครที่ชอบสะสมไมล์ตั๋วเครื่องบิน ก็จะมีบัตรเครดิตที่เอาคะแนนจากการรูด ไปแลกเป็นไมล์ของสายการบินนั้นๆ ได้ เช่น AMEX Thai airways จะเอาคะแนนมาแลกกับไมล์ของสายการบินไทยได้ นอกจากนี้หลายๆ บัตรเครดิตก็จะมีสิทธิพิเศษหลายๆ อย่าง เช่น ได้ที่จอดรถในห้างดัง หรือพวก cashback อะไรแบบนี้ เป็นต้น ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนลองศึกษาแต่ละบัตรเครดิต และเลือกอันที่เหมาะไลฟ์สไตล์ตัวเองให้ดีที่สุดก่อนน้า