ไหนใครเป็นสายจดเลคเชอร์โดยใช้ Ipad บ้าง หรือถ้าคุณกำลังใช้แอปพลิเคชันประเภทนี้ในการทำงานและเรียนหนังสืออยู่ วันนี้พวกเรา Lifesara จะมาแนะนำเทคนิคหรือทริค วิธีใช้ Notability ในการจดบันทึกและขีดเขียนเอกสาร เพื่อช่วยให้การใช้งานของคุณมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

โดยเราได้รวบรวมฟีเจอร์ไว้ทั้งหมด 11 อย่าง ที่รวมทั้งพื้นฐานที่หลายคนคุ้นชินอยู่แล้ว และทริคที่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้เช่นกัน! นอกจากการแก้ไข แต่งเติมไฟล์แล้ว จะมีอะไรบ้างที่ notability สามารถทำได้ ไปดูกันเลยย

และสำหรับใครที่สนใจทริค/เคล็ดลับการใช้แอปต่างๆ กดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยยย

  1  

Divider และ Subject

สามารถเพิ่มไฟล์หัวข้อใหญ่ (divider) ที่เปรียบเสมือนแฟ้มโฟลเดอร์และ ไฟล์ย่อยลงมา (subject)  ซึ่งก็คือโฟลเดอร์ที่อยู่ในตัวแฟ้มอีกทีหนึ่ง ทำให้เจ้าไฟล์ทั้งสองแบบที่เราสร้างไว้นั้น มีการเข้าถึงที่ง่ายมากๆ ตามการออกแบบของ notability เลื่อนขึ้น-ลงแปบเดียวก็หาไฟล์ที่เราต้องการเจอแล้ว

  2  

เปลี่ยน Bullet Point เป็นช่อง Fulled Color

แถบ subject สามารถเปลี่ยนจาก bullet point เป็นแบบช่อง fulled colorได้ โดยจะมีพาเลทสีให้เลือกตามรูปเลย และนอกจากนี้ก็ยังมีโหมดเปลี่ยนสีธีมได้ฟรี (ขาว/ดำ) สีและลายอื่นๆ ต้องเสียตังค์เพิ่มนะ 

  3  

Gif

สิ่งนี้ถือเป็นฟีเจอร์ที่นานๆ เราจะได้ใช้ แต่ก็พบเจอได้ยากในหลายๆ แอปเช่นกัน นั่นก็คือ gif หรือรูปภาพเคลื่อนไหวนั่นเอง เจ้าสิ่งนี้เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ คุณสามารถเลือกใช้เพื่อมาตกแต่งเอกสารของคุณให้น่าสนใจและลดความน่าเบื่อได้ นอกจาก gif ก็จะมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การใส่ภาพ เว็บไซต์และ สติ๊กเกอร์หรือโพสต์อิท นั่นเอง

  4  

คลุมข้อความเพื่อแก้ไข

อันนี้หลายๆ คนคงจะรู้กันอยู่แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่เจอได้ทั่วไปในแอปที่ใช้ขีดเขียน มันคือการเลือกแบบในการเลือกข้อความหรือสิ่งที่เราเขียนลงไป เพื่อที่จะลบ แก้ไข หรือขยับมัน นั่นเอง ซึ่งมี 2 แบบ คือแบบฟรีสไตล์และแบบสี่เหลี่ยม (ซึ่งขอแอบกระซิบว่าของ goodnotes มีแต่แบบฟรีสไตล์)

  5  

Bookmarks

ด้วยการวาง layout แบบ horizontal ของตัว notability แล้ว ทำให้แอปนี้สะดวกในการใช้การในรูปแบบเลื่อนขึ้น-ลง คุณจะไม่รู้สึกว่าการใช้งานเป็นอุปสรรค เมื่อคุณสามารถปักหมุดหน้าที่คุณต้องกลับมาดูบ่อยๆ ไว้ได้ ด้วยโหมด bookmarks โดยจะทำให้สามารถแยกหน้าที่สำคัญๆ ไว้ได้อย่างที่ต้องการ

  6  

ค้นหา Keywords ในเอกสาร

การค้นหา keywords ในเอกสารไฟล์นั้นๆ อาจเป็นสิ่งที่หลายๆ แอปทำได้ แต่หากของ notability ก็มีความลื่นไหลและแม่นยำในการใช้งานฟีเจอร์นี้มากๆ โดยมันจะไฮไลต์ข้อความหรือสิ่งที่เรากำลังตามหาไว้ให้ด้วย

  7  

เลขหน้าและการเปลี่ยนหน้า

ทางด้านขวามือของหน้าจอ จะมีเลขหน้าของไฟล์บอกไว้เสมอ ว่ามีทั้งหมดกี่หน้า และคุณกำลังอยู่หน้าใด ฉะนั้นเมื่อต้องการเลื่อนไปที่หน้า คุณเพียงต้องใช้ pencil กดเพื่อที่จะพิมพ์หมายเลขหน้าที่ต้องการได้ และมันจะไปที่หน้านั้นๆ อย่างรวดเร็ว

  8  

แปลงข้อความให้เป็นภาษาที่ต้องการ

การแปลงข้อความให้เป็นภาษาที่เราต้องการ ถือเป็น วิธีใช้ notability ที่น่าสนใจมากๆ เนื่องบางคนอาจจะพิมพ์ไม่ได้สะดวกนัก และต้องจดโน้ตหรือทำงานด้วยการเขียน ฟีเจอร์นี้ก็จะสมารถช่วยคุณให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องพะวงภายหลังว่า จะต้องมานั่งพิมพ์งานตามสิ่งที่ได้เขียนไป

  9  

ซูมหน้าจอ

ในกรณีที่คุณต้องการเห็นสิ่งที่คุณกำลังจดอย่างชัดเจน ขณะที่คุณต้องจดบันทึกไปด้วย คุณสามารถใช้ตัวช่วยที่อยู่ตรงมุมล่างขวาสุดในการขยายบริเวณที่ต้องการซูมให้ชัดเจนมากขึ้นได้เช่นกัน และตัวช่องยังสามารถขยับได้โดยอัตโนมัติตามที่คุณเขียนเลยล่ะ

  10  

พาเลทสี

พาเลทสีของ notability มีทั้งแบบออริจินอล 2 พาเลท และอีก 2 พาเลท ที่คุณสามารถออกแบบได้ด้วยตนเอง โดยมีสีให้เลือกแบบไม่มีลิมิต ทั้งสามารถใส่รหัสสีและดูดสีจากสีที่อยู่ในเอกสารของคุณก็ย่อมได้ เหมาะกับคนที่ชอบจัดธีมสีที่จะใช้มากๆ

  11  

การอัดเสียงและเล่นเสียงย้อนหลัง

ตบท้ายด้วยทริค วิธีใช้ notability ที่เป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของตัวแอปเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ การอัดเสียงและเล่นเสียงย้อนหลังระหว่างการจดบันทึก เหมาะแก่การใช้ในการเรียนหรือประชุมมากจริงๆ เพราะคุณสามารถ อัดเสียงไว้และกดอัด/หยุดได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นมันก็จะแบ่งลำดับการอัดเสียงไว้ตามเวลาและวันที่ที่คุณทำการอัด

นอกจากนั้น เวลาที่คุณย้อนกลับมาฟังบันทึกเสียง สิ่งที่คุณได้ขีดเขียนไว้ในช่วงจังหวะเวลานั้นๆ ก็จะค่อยๆ ปรากฏเป็นสีเข้มขึ้น ทำให้รู้ว่าตอนไหนที่คุณจดสิ่งใดลงบ้าง ทั้งนี้ยังสามารถกดเร่งความเร็วของเสียงบันทึกได้แบบ X0.7, X1, X1.5 และสูงสุดที่ X2