เพราะบางครั้งเราก็สับสนว่าเราควรพัฒนาตนเองไหม ทำไมเราถึงต้องพัฒนาตนเองล่ะ แล้วมันจะแอบเหนื่อยไปรึเปล่า? ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนคิดแบบนี้มากขึ้น ก็เป็นเพราะว่า ในยุคใหม่เราจะเจอคนเก่ง ๆ ที่เติบโตขึ้นเป็นดอกเห็ด รวมถึงคนที่ขยันทำมาหากินเยอะ และพร้อมที่จะปรับตัวเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้นการที่เราอยู่กับที่ และทำอย่างที่เคยทำไปเรื่อยๆ ก็ไม่อาจโตขึ้นเหมือนคนอื่นๆ นะ
 
เพราะแบบนั้น การพัฒนาตัวเองจึงสำคัญมาก ซึ่งการพัฒนาที่ว่าก็มีหลากหลายแบบ บางครั้งการกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่วันหนึ่งกลับทำได้ขึ้นมา นี่เลยเป็นสัญญาณแห่งความหวังเลยว่า “การพัฒนาตัวเองมันดีจริง ๆ” แต่การเปลี่ยนให้เป็นคนๆ นึงต้องพัฒนา ก็อาจจะต้องเจอประสบการณ์โดยตรง หรือต้องหาเวลาในการเรียนรู้ ซึ่งบางครั้งรอบตัวก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราเก่งขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างนั้นเลยเกิด “ตำราที่พัฒนาตัวเองจากหลายมุมโลกขึ้นมาไงล่ะ”
 
ตำราที่ว่าก็คือ “หนังสือพัฒนาตนเอง” ซึ่งเดี๋ยวนี้หนังสือมีเรื่องราวที่มีคุณค่ากว่าที่เราคิดมาก ใครจะคิดว่าหนังสือ 200 กว่าหน้า จะเปลี่ยนให้ใครหลาย ๆ คนไปทำตามและมาประยุกต์ในชีวิตจริง และทำสำเร็จได้ โดยวันนี้พวกเรา Lifesara จึงได้มัดรวมหนังสือพัฒนาตนเองน่าสอย 2023 มาให้ดูเป็นตัวเลือก บอกเลยแต่ละเล่มอัดแน่นไปด้วยความรู้และเทคนิคแบบจุก ๆ ส่วนจะมีเล่มอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลย 💙
 
 1

เทคนิคสรุปทุกอย่างลงใน ‘กระดาษแผ่นเดียว’ ที่ฉันเรียนรู้มาจากโตโยต้า

เทคนิคสรุปทุกอย่างลงในกระดาษแผ่นเดียวที่ฉันเรียนรู้มาจาก โตโยต้า
ผู้แต่ง : อะซะดะ ซุงุรุ
ราคา : 175 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน :  แค่ใช้กระดาษแผ่นเดียว ก็พลิกชีวิตการทำงานให้ดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

เรื่องย่อ
หนังสือที่จัดขึ้นโดยนักเขียนที่เคยเป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัทโตโยต้า แต่แล้วความน่าสนใจของการมาทำงานที่นี่ คือ เขาได้มารู้จักกับการทำงานด้วย “กระดาษแผ่นเดียว” ซึ่งแค่แผ่นเดียว ก็สามารถทำให้หัวหน้ายอมรับ พร้อมรับฟังและงานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทำไมกระดาษแผ่นเดียวถึงกลายเป็นที่ยอมรับขนาดนั้น ต้องไปอ่านกันดูนะ เล่มนี้ถือเต็มไปด้วยเทคนิคที่นักเขียนเขาเผยไต๋มาทั้งหมด แบบไม่มีกั๊กข้อมูลสักส่วน

เหมาะกับใคร?
หนังสือพัฒนาตนเองเล่มนี้เหมาะมากสำหรับคนที่จัดระเบียบความคิดไม่เก่ง จัดลำดับความสำคัญไม่ดี เรียบเรียงคำพูดออกมาให้เข้าใจไม่ค่อยได้ คือเล่มนี้สอนเทคนิคตั้งแต่ การฝึกสมอง การฝึกเรียบเรียง การฝึกพูด การถ่ายทอด พูดชี้นำยังไงให้สนใจ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเก่งขึ้นได้เพียงแค่เทคนิค “กระดาษแผ่นเดียว”

Highlight
– อ่านแล้วช่วยชีวิตการทำงานขึ้นแบบต้องกราบไหว้คนเขียน
– เป็นหนังสือที่อ่านแล้วช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น
– เป็นหนังสือที่จะมาแชร์เทคนิคของบริษัทโตโยต้าว่า ทำไมกระดาษแผ่นเดียว ถึงกลายเป็นแนวคิดที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ

 2  

เรียนอะไรก็รู้เรื่อง แค่สรุปได้ใน 20 คำ

เรียนอะไรก็รู้เรื่อง แค่สรุปได้ใน 20 คำ
ผู้แต่ง : อะซะดะ ซุงุรุ
ราคา : 215 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : คนที่ชอบคิดว่า เรียนรู้ = อ่านหนังสือ กลับมีเยอะมาก หนังสือได้มอบความรู้ที่มีประโยชน์ให้ แต่พวกเขากลับพอใจ แค่อ่านมันแล้วไม่ทำอะไรอีกเลย ผมอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่จาก “พอใจที่ได้อ่าน” เป็น “พอใจที่ได้ทำ” แทน

เรื่องย่อ
หนังสือที่เต็มไปด้วยการแก้ปัญหาในการถ่ายทอดวิธีจดสิ่งต่างๆ ของนักเขียนที่เป็นหนึ่งคนที่เกิดมาเรียนไม่ได้เก่งอะไร แถมไม่รู้ว่าที่เรียนไปทั้งหมด ทำไมถึงกลับจำไม่ได้สักอย่าง ซึ่งเล่มนี้จะมาช่วยทำให้สามารถมีเทคนิคการจำและการจด ที่สามารถประยุกต์ได้ทั้งการเรียนและการทำงาน จากวิธีสุดง่ายจากนักเขียนที่ใช้เทคนิคการสรุปแค่ 20 คำเท่านั้น หากอยากรู้ว่าเป็นไปได้ด้วยหรอ ต้องไปอ่านเองเลย

เหมาะกับใคร?
เหมาะกับนักเรียน หรือวัยทำงาน ยิ่งช่วงเวลาที่เราทำงานหรือจดบางสิ่งบางอย่าง เราไม่รู้ว่าที่เรานั่งฟังหัวหน้าหรือคุณครูอยู่นั้นทำไมถึงจำได้แค่ในห้องเรียน หรือพอเรียนจบ ผ่านไปแล้วก็กลับลืมเหมือนเดิม ซึ่งเล่มนี้จะช่วยหาแนวทางการแก้ไขให้เพื่อนๆ สามารถจับใจความสำคัญได้ใน 20 คำ

Highlight
– เป็นหนังสือพัฒนาตัวเองที่สอนทั้งจับใจความสำคัญ การนำไปต่อยอดในชีวิต
– ลองเรียนรู้ที่จะทำเพื่อคนอื่น
– เทคนิคสั้นๆ ที่จะทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้น

 3  

เคล็ดลับที่จะทำให้ใครๆ บอกคุณว่า “ที่อธิบายเมื่อกี้เข้าใจง่ายจัง”

เคล็ดลับที่จะทำให้ใครๆ บอกคุณว่า “ที่อธิบายเมื่อกี้เข้าใจง่ายจัง”
ผู้แต่ง : อะซะดะ ซุงุรุ
ราคา : 195 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : หนึ่งในหลักของการอธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ตอนถ่ายทอดต้องไม่ใช้แค่ “ปากพูด” แต่ต้องมีอะไร “ให้ดูด้วย”

เรื่องย่อ
มีหลายคนที่มักจะอธิบายกำกวม รู้ประโยคแต่อธิบายความหมายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ อย่างเช่น คำว่า ตระหนัก เรารู้ว่าการตระหนักสื่อในความหมายแบบไหน แต่หากให้ถามว่าตระหนักยังไง เชื่อว่าหลายคนก็อาจใช้เวลาคิด และต้องใช้เวลาในการรวบรวมความคิด และท้ายที่สุดก็ไม่รู้จะถ่ายทอดออกมาให้เข้าใจยังไง ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะมาบอกเคล็ดลับ เทคนิคต่างๆ ที่จะมาช่วยให้คนที่สื่อสารไม่เก่ง แต่พูดให้เห็นภาพ จนคนอาจทักเลยว่า ทำไมอธิบายดีจัง

เหมาะกับใคร?
หนังสือเล่มนี้บอกเลยว่าใครที่สื่อสารไม่เก่ง พูดตะกุกตะกัก ต้องใช้เวลาคิด และเวลามีปัญหามักจะอธิบายไม่ค่อยเก่ง เหมาะกับเล่มนี้มากๆ ซึ่งเล่มนี้จะทำให้เรารู้ตัวเลยว่าเราเป็นมนุษย์กริยา หรือมนุษย์กระทำ อ่า แค่นี้ก็แอบสงสัยแล้วใช่ไหมว่าสองคำนี้มันต่างกันยังไง บอกเลยว่าใครที่รู้ตัวว่าตัวเองต้องพบปะคนเยอะๆ และต้องพูดให้เก่งและเข้าใจมากขึ้น เล่มนี้ตอบโจทย์มากๆ เลย

Highlight
– บอกเทคนิคกว่า 8 ข้อสำคัญที่จะทำให้การสื่อสารของเราเข้าใจง่าย และสามารถอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น
– ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดมากขึ้น
– บางทีเราต้องหัดทิ้งข้อมูลบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยึดติดกัยข้อมูลที่มากเกินไป
– อย่าเป็นมนุษย์ล้นเกิน หรือมนุษย์กริยา

✨ สำหรับสาวกทีมหนอนหนังสือที่กำลังมองหาหนังสือพัฒนาตนเอง ตอนนี้ที่ร้านนายอินทร์เขาก็มาพร้อมโปรคุ้ม ๆ
กับแคมเปญ อ่านไม่เอาท์ที่สมาชิกนายอินทร์ต้องยิ้มหวาน

“เพียงซื้อ 3 เล่ม ก็ลดเลย 15% | สำหรับ 4 เล่มขึ้นไป รับเลยส่วนลด 20%”

เริ่มตั้งแต่วันที่ 10-30 เม.ย 66 ซึ่งส่วนลดให้เฉพาะมาซื้อหน้าร้านเท่านั้นนะ~ ส่วนเล่มต่อไปจะเป็นหนังสืออะไรไปติดตามกันเลยย

4

คนเล่าเห็นภาพ คนฟังเห็นด้วย

คนเล่าเห็นภาพ คนฟังเห็นด้วย
ผู้แต่ง : แดน โรม
ราคา : 195 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “การเล่าเรื่องด้วยภาพเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ด้วยการสเก็ตช์ภาพไม่กี่ภาพ ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้กระจ่างได้”

เรื่องย่อ
Pop up Pitch ตัวเครื่องมือสุดแกร่งที่จะทำให้ทุกคนได้เล่าเรื่องราวผ่านตัวภาพง่าย ๆ ได้กระจุกความคิดไอเดียต่าง ๆ แค่ 2 ชั่วโมง ให้จำกัดอยู่ที่ 10 ขั้นตอนเท่านั้น และขั้นตอนที่ว่าจะทำให้สามารถขายทุกอย่างได้ใน 7 นาที บอกเลยไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ มนุษย์เงินเดือนหรือคนที่ต้องทำงานโปรเจ็กยาก ๆ หนังสือเล่มนี้จะถ่ายทอดการนำเสนอที่กระชับ และยังมีแรงบันดาลใจให้คนฟังได้จดจำง่ายขึ้น

เหมาะกับใคร?
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่ต้องเจอกับโจทย์ยากๆ อย่าง โปรเจ็กต์ที่ต้องระดมความคิด นักธุรกิจที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูล นักการตลาดที่ต้องวางแผนกลุ่มเป้าหมายหรือคอยดู Customer Journey รวมถึงคนทั่วไปที่อยากเล่าให้คนเห็นภาพ อยากหาแนวทางดึงดูดความสนใจ เล่มนี้จะเหมาะมาก

Highlight
– แค่มีเวลาให้ตัวเอง 2 ชม. ก็จะสามารถขมวดไอเดียในหัวที่กระจัดกระจาย มาทำให้เป็นกลุ่มก้อน และมองปัญหาได้ตรงจุด
– Pop-up Pitch เป็นเคล็ดลับที่ตอบโจทย์กับการเล่าเรื่องทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะการขายของ การนำเสนอ การทำหนัง แต่งนิยายยังไงให้ลื่นไหล
– หนังสือที่เต็มไปด้วยทริคการโน้มน้าวใจ

 5  

อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น

อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น
ผู้แต่ง : ยาชุดะ ทาคาชิ
ราคา : 220 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “อย่ามัวแต่สนใจเรื่องที่ตัวเองพูด แต่ต้องฝึกทักษะในการเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย”

เรื่องย่อ
หนังสือเล่มนี้จะช่วยแนะนำวิธีการสื่อสารที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว โดยมีการยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เราควรต้องฝึกฝนในการสื่อสาร เพื่อให้มีวิธีการสื่อสารที่ดีขึ้น เช่น ทักษะการฟัง การใช้ภาษา การตอบสนองต่อคู่สนทนา การสร้างความเชื่อมั่นในการสื่อสาร ซึ่งทักษะอาจต้องใช้เวลา และความพยายามในการฝึกฝน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อตัวผู้อ่านอย่างมากเลยทีเดียว

เหมาะกับใคร?
เหมาะกับผู้ที่เริ่ม หรือ ดำเนินบทสนทนาไม่เก่ง และคนที่สนใจพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร

Highlight
– แม้ว่าเราจะไม่ใช่คนที่สื่อสารเก่งมาตั้งแต่แรก แต่เราสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน
– อย่ามัวแต่สนใจเรื่องที่ตัวเองพูด แต่ต้องฝึกทักษะในการเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย แล้วทักษะการสื่อสารของคุณจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะการฟังมีความสำคัญมากกว่าการพูดเสียอีก
– กฏเหล็กของการสื่อสารอย่างสนุกสนาน ควรเลือกใช้เสียงในโทนสูง เนื่องจากหากพูดด้วยโทนเสียงต่ำจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ดี

6

อ่านแบบโทได

อ่านแบบโทได
ผู้แต่ง : นิชิโอกะ อิสเซ
ราคา : 260 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “คนทั่วไปอ่านเพิ่มความรู้ แต่เด็กโทไดอ่านเพิ่มความคิด”

เรื่องย่อ
หนังสือที่เขียนจากคนที่เคยสอบได้คะแนนต่ำมาก และที่โรงเรียนไม่เคยมีใครสอบติดมหาลัยโทได (มหาวิทยาลัยโตเกียว) ซึ่งเขาสอบไม่ผ่านอยู่ 2 ปี จนปีที่ 3 เค้าค้นพบวิธีการอ่านที่ทำให้ คะแนนสอบเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จนเขาได้เป็นอันดับ 4 ของประเทศในการสอบเข้า ซึ่งวิธีที่เค้าใช้คือสิ่งที่เค้านำมาเล่าในหนังสือเล่มนี้ ส่วนจะมีอะไรต้องไปติดตามกันต่อเลย

เหมาะกับใคร?
เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาและผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการอ่านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Highlight
– การอ่านที่มีประสิทธิภาพ ต้องรู้จักคุยกับหนังสือให้มากๆ ทั้งตั้งคำถามและหาคำตอบ ไม่ใช่แค่อ่านเพื่อรับทราบ
– การตั้งเป้าหมายในการอ่านหรือตั้งสมมติฐาน เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะทำให้การอ่านนั้น ไปสู่ขั้นตอนการหาคำตอบ และการถกเถียงซึ่งจะช่วยเรื่องการจดจำและทำให้การอ่านมีประสิทธิภาพ

7

พลังแห่งการตั้งคำถาม

พลังแห่งการตั้งคำถาม
ผู้แต่ง : โมงิ เคนอิจิโร่
ราคา : 240 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “คนบางคนมักยึดติดกับความคิดดั้งเดิม และจะพูดในขอบเขตที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องเท่านั้น คนแบบนี้ไม่ได้ตั้งคำถามเพื่อขอความเห็นจากคนอื่น แต่แค่ต้องการให้คนอื่นยอมรับอคติหรือทัศนคติของตัวเองเท่านั้น”

เรื่องย่อ
หนังสือที่จะให้พารู้จักตั้งคำถามที่ดีจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต พัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นไป และข้ามขีดจำกัดที่ตัวเองเคยตั้งไว้ได้

เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่ไม่กล้าตั้งคำถาม หรือไม่รู้ว่าการตั้งคำถามแบบไหนจะตอบคำถามที่ตัวเองต้องการมากที่สุด ทั้งการตั้งคำถามกับตัวเองและผู้อื่น ได้แนวคิดการตั้งคำถามว่าคำถามแบบไหนที่จะทำให้ตอบคำถามได้ครอบคลุมที่สุด คำตอบที่ได้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกที่สุดแต่เป็นคำตอบที่สามารถทำให้พัฒนาตัวเองได้ในหลาย ๆ ด้าน

Highlight
– การลองทำสิ่งใหม่ๆ และตั้งคำถามในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน จะทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นตรงกับความต้องการตัวเองไหม
– การพยายามทำสิ่งเดิมๆ แต่วิธีนั้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ ควรลองตั้งคำถามกับตัวเองว่ามีวิธีอื่นนอกเหนือจากนี้ไหม แล้วคุณจะค้นหาคำตอบที่เหมาะสมกับตัวเองได้
– การรู้จักและการพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่คือการลองทำและตั้งคำถามให้กับตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก

8

ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน

ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน
ผู้แต่ง : อะกิระ คะกะตะ
ราคา : 195 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : หลักเกณฑ์ข้อหนึ่งที่ชี้ว่าเราจะพอใจกับชีวิตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้หรือไม่ จะใส่ใจคนอื่นหรือเป็นที่ใส่ใจของคนอื่นหรือไม่”

เรื่องย่อ
หนังสือเล่มนี้รวมรวมเทคนิคการขายไว้อัดแน่น ทำให้ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ นึกถึงมุมมองของลูกค้า ปรับเปลี่ยนวิธีคิด และทัศนคติในการขาย ปูพื้นฐานตั้งแต่เรื่องเบสิค แนวคิด วิธีพูดคุยให้ปิดการขายได้ ไปจนถึงการเข้าใจถึงเจตนาความคิดของอีกฝ่าย หรือผู้ซื้อ เรียกว่าเป็นคู่มือการทำงาน (ขาย) ได้เลย

เหมาะกับใคร?
เป็นหนังสือที่สามารถปรับใช้ได้จริง เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังสร้างกำลังใจให้กับคนอ่านให้ได้ด้วย หนังสือเล่มนี้จึงไม่ได้เหมาะกับแค่ชาวนักขาย แต่เหมาะกับคนที่สนใจเทคนิคการพูดคุยกับคนอื่น รวมถึงเพิ่มทักษะการต่างๆ ด้วย

Highlight
– การมองหาข้อดี ในตัวของคู่สนทนาเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีทัศนคติต่อคู่สนทนาที่ดี ก็จะคุยได้ราบรื่นขึ้น
– เวลาปิดการขาย ต้องตื่นเต้น ให้เขาตื่นเต้นไปกับเรา จนลืมการปฏิเสธ

ATOMIC HABITS

ATOMIC HABITS
ผู้แต่ง : James Clear
ราคา : 285 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “การทำซ้ำ” เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

เรื่องย่อ
หนังสือเล่มนี้ในช่วงต้น คือการอธิบายถึง คอนเซปการสร้างนิสัย (วันที่ 1%) เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการโดยให้มองไปที่กระบวนการไปถึงเป้าหมาย ไม่ใช่เป้าหมายเป็นหลัก และอธิบายตั้งแต่ ที่มา ความเป็นมาของนิสัย เพื่อให้เราเข้าใจ และการทำงานของสมองที่ส่งผลต่อพฤกติกรรมรวมไปถึง พันธุกรรม และช่วงกลางถึงท้าย หนังสือ พยายาม วิธีการทำให้เราสร้างนิสัยที่ดีได้

ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่แต่ละคนเผชิญมาไม่เหมือนกันทั้ง การเติบโต สังคม วัฒนธรรม แต่คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ล้วนแล้วแต่มีนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ และมีวินัยสูงทั้งสิ้น โดยหนังสือ จะสอนวิธีการที่ทำให้เรามีวินัยมากมาย เช่น หาสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน สิ่งที่ต้องการมันต้องน่าดึงดูดใจมาก ๆ รางวัลที่ได้จะต้องน่าพึงพอใจเพียงพอ รวมถึงการทำให้นิสัยคงอยู่นาน ๆ

เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่ต้องการเคล็ดลับการไปถึงยังเป้าหมาย ไม่มีทางลัด โดยที่จะมีแค่คนที่ตั้งใจจริงและไม่หยุดเท่านั้นที่จะถึงเป้าหมายสิ่งที่จะช่วยได้มีเพียงแค่การสร้างนิสัยเท่านั้น ส่วนตัวผู้อ่านเห็นคนที่สำเร็จมีสองประเภท คือ  

  1. คนที่ตั้งใจจริง
  2. คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย

ซึ่งหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะเข้าใจว่า สิ่งที่คนทั้งสองประเภทนี้มีเหมือนกันคือ “การทำแบบไม่หยุด”

Highlight
– คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อรอให้ตัวเองเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เขาก็ยังรออยู่ เพื่อหวังว่าสักวันจะเปลี่ยนได้ และไปสู่ความสำเร็จส่วนความสำเร็จ เป็นผลลัพธ์ของการทำทุกอย่างเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำอย่างไม่หยุดหย่อนทั้งหมด

10

ศิลปะการพูดให้เหมือนนั่งในใจคน

ศิลปะการพูดให้เหมือนนั่งในใจคน
ผู้แต่ง : คิมยุนนา
ราคา : 245 บาท

—————————————

สรุปสั้นๆ ก่อนตัดสินใจอ่าน : “ลองนึกดูหน่อย ตอนนี้คุณใช้คำพูดแบบไหนอยู่ เป็นคำพูดเพื่อควบคุมหรือคำพูดเพื่อสื่อสาร”

เรื่องย่อ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักจิตวิทยาชาวเกาหลีที่เล่าเรื่องราวผ่านจุดเล็กๆ ที่เราอาจจะมองข้าม แต่กลับเปลี่ยนนิสัย หรือมุมมองของคนคนนั้นไปได้เลย อย่างเช่น เธอเล่าเรื่องของลูกของเธอให้ฟัง ลูกของเธอได้เล่นต่อเลโก้และจะไปอวดแม่แต่กลับหกล้มทำให้เลโก้ที่ต่อมานานเกือบ 2 ชั่วโมงพังลง เธอได้ร้องไห้และกล่าวโทษแม่ของเธอ

ถ้าเป็นคุณแม่หรือใครคนอื่นอาจจะต่อว่า แต่คุณคิมยุนนากลับบอกลูกว่า “ลูกเสียใจใช่ไหม ถ้างั้นก็ไม่ต้องโมโหนะ ถ้าเสียใจก็บอกว่าเสียใจ เดี๋ยวแม่ปลอบ” คำพูดนี้ได้เปลี่ยนให้ลูกของเธอเข้าใจว่าตัวเองกำลังเสียใจ และร้องได้ออกมา ทำให้ลูกตัวเองเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่เกิดการเรียนรู้ พอโตขึ้นมา แล้วไม่เคยเรียนรู้เรื่องความรู้สึก ก็อาจจะเคยชินกับการใช้ความโกรธจนเสพติด เพื่อเรียกร้องความสนใจ

การเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้วพูดออกมาโดยคำนึงถึงความรู้สึกและสภาพจิตใจของคนฟังนั้น สำคัญมาก รวมถึงการฟังที่ในหนังสือได้พูดถึงเช่นกัน การฟังโดยใช้เทคนิค 3F Fact Feeling Focus และถามอย่างมีคุณภาพ เพราะการถามมีพลังเป็นอย่างมาก สามารถทำให้คนถูกถามพูดความในใจมากขึ้นหรือทำให้รู้สึกลำบากใจได้เช่นกัน

และสิ่งสำคัญคือกฎของความสัมพันธ์ทั้งสามข้อ โดยเฉพาะขอบเขตเพื่อความสัมพันธ์ที่แข็งแรง ยิ่งกับคนใกล้ชิด คำพูดที่สบายๆนั้นและสะสมกันเป็นเวลานาน อาจจะทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีไปชั่วชีวิตก็ได้ หรือคำพูดดีๆที่เหมาะสมกับช่วงเวลานั้นอาจจะถูกจดจำและกลายเป็นความทรงจำดีๆไปตลอดได้เหมือนกัน

เหมาะกับใคร?
เล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากปรับคำพูดผ่านนิสัยไม่ใช่เปลี่ยนเทคนิคการพูด เพราะเล่มนี้จะเป็นการเขียนให้มองไปถึงนิสัย มุมมอง รวมถึงสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู และปรับให้เหมาะสม เนื่องจากคนเราโดนเลี้ยงดูและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน การที่เราพูดและฟังคนอื่นนั้น ไม่ควรมองแค่มุมเดียว แต่ควรมองให้กว้าง วิเคราะห์สภาพจิตใจ ทั้งตอนพูดและตอนฟัง เพราะคำพูดส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว รวมถึงความสัมพันธ์ เราจึงต้องระมัดระวังและใช้คำพูดให้เหมาะสมต่อคนฟัง เพื่อไม่ให้หวนกลับมารู้สึกผิดกับคำพูดนั้น

Highlight 
– อ่านแล้วมุมมองต่อคนเปลี่ยนไป
– อ่านแล้วทำให้เป็นคนช่างสังเกตมากขึ้น