จะเป็นยังไงถ้าแมคคานิคอลไร้สายราคาเกือบห้าพัน ช่วยให้ชีวิตการทำงานของเรามีเวลาว่าง มีสมาธิจดจ่อกับงานมากขึ้น ทั้งยังบรรเทาอาการเจ็บข้อนิ้วจากการพิมพ์งานเป็นเวลานาน บอกเลยว่าคงจะดีมากๆ ซึ่งที่กล่าวมานี้ Nuphy Air 75 สามารถทำได้!
 
สมัยนี้ตลาดแมคคานิคอลมีมากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งของทุกอย่างก็มักมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เหมือนกับ Nuphy Air 75 แมคคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สายที่บางคนคิดว่าราคาขนาดนี้ ก็คงพิมพ์งานไม่ต่างกับยี่ห้ออื่น ไหนจะพกพาไปไหนได้เหมือนกัน เราจะไปซื้อแบรนด์อื่นไม่ดีกว่าหรอ
 
วันนี้พวกเรา Lifesara เลยอยากพาเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจซื้อคีย์บอร์ดไร้สาย Nuphy Air 75 มาคลายข้อสงสัยเพิ่มว่า ทำไมถึงคุ้มค่ากับการซื้อ เพื่อให้ทุกๆ คนมาตัดสินกันเพิ่มเติม รวมถึงคนที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดยี่ห้อไหนดีในปี 2023 ก็ลองไปดูกันบ้างว่า ฟังก์ชัน การออกแบบ เขาทำออกมาได้ดีขนาดคนยอมซื้อมากขนาดนี้ได้ยังไง เราไปติดตามกันต่อเลย

 

  1  

Nuphy Air 75 คีย์บอร์ดไร้สายที่เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์อย่างไม่น่าเชื่อ

 

Nuphy Air 75 เป็นคีย์บอร์ด mechanical ไร้สาย Low-Proflie ที่ผลิตภายใต้แบรนด์ NuPhy จากประเทศจีน ที่พึ่งเข้ามาตีตลาดไทยสดๆ ร้อนๆ ตามความเรียกร้อง โดยทางแบรนด์บอกเองเลยว่าเป็นแมคคานิคอลที่บางที่สุดในโลก จึงทำให้หลายคนสนใจเป็นพิเศษ ยิ่งมาพร้อมกับรุ่น Air 75% ที่มีความหมายถึงขนาด Layout แป้นพิมพ์ที่มีความบางสุดตั้งแต่ที่ NuPhy มีมา

แน่นอนว่าเห็นน่ารัก มินิมอล หลายคนคงคิดว่าน่าจะออกแบบเอาใจวัยรุ่นสมัยนี้ที่ชอบความเรียบง่าย สไตล์มินิมอล สีพาสเทล คัลเลอร์ฟูลหน่อยๆ แน่นอนว่านั่นก็มีส่วน แต่จริงๆ แล้ว คีย์บอร์ด Nuphy Air 75 นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากคนที่ชื่นชอบ ‘อนิเมะ’ และสร้างมาเป็นตัวละครสาวสุดเท่ จนกลายมาเป็นมาสคอร์สที่เห็นครั้งแรกก็ทำให้ผู้ใช้รู้สึกอิน พาจินตนาการและดึงดูดใจไปโดยไม่รู้ตัว

 

การผสมผสานของตัวคีย์บอร์ดกับไลฟ์สไตล์ของคนรักอนิเมะ เห็นครั้งแรกก็ทำให้หลายคนรู้สึก ‘ว้าว’ ถึงความเข้าถึงง่าย ยิ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก Nuphy จึงเป็นแบรนด์ที่เข้าได้กับหลากหลายสไตล์เหมือนเกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนทุกคนที่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิตนั่นเอง ไม่แปลกที่ใครก็ตามต่างบอกเสียงเดียวกันว่า มีคีย์บอร์ดของ Nuphy ไม่ได้แค่ใช้สนุก แต่ยังเข้ามาช่วยส่งเสริมชีวิต ทั้งเรื่องการทำงาน การเล่นได้อย่างดีเยี่ยม

บอกมาขนาดนี้หลายคนอาจจะไม่มั่นใจ งั้นไปชมกันต่อเลยว่า คีย์บอร์ดไร้สาย Nuphy Air 75 เขามีฟังก์ชันเจ๋งๆ กับการออกแบบอะไรน่าสนใจ ไปดูกันต่อเลย

 

  2  

ดีไซน์สุดปังที่คิดมาเพื่อช่วยให้ทำงานสะดวกมากขึ้น

 

“ปุ่มนิ่ม ไร้รอยต่อ กดยับขนาดไหนก็สบายนิ้ว”

เนื่องจากปุ่มของ Nuphy Air 75 มีความบางเบา และการจัดวางที่มีความชิดกันกว่าแป้นพิมพ์ในหลายๆ ยี่ห้อ จึงทำให้เราไม่ต้องยกข้อมือ ยกนิ้วบ่อยๆ ซึ่งข้อดีคือช่วยลดเวลาการพิมพ์งาน หรือการกดคีย์ลัดต่างๆ ทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกวินาทีที่เรายกข้อนิ้วไปกดอีกปุ่มก็อาจทำให้เราเสียเวลาไปแล้วแบบไม่รู้ตัว รวมกับตัวคีย์แคปที่มีความโค้งมน ช่วยให้ปุ่มนิ่ม พิมพ์ลื่นขึ้น บอกเลยว่าแค่เราเอามือไปวางก็สัมผัสได้เลยว่าของเขาแตกต่างมากๆ

 

“ตัวขนาดคีย์บอร์ดที่บางเฉียบ ชนิดที่ว่าพกไปไหนก็ไม่ใช่ปัญหา”

ตัวขนาดคีย์บอร์ดเป็นรุ่น Air 75% จึงมีขนาดแค่เพียง 16 มม. เท่านั้น เป็นขนาดเพื่อให้สามารถวางบนฐานของตัวโน๊ตบุ๊ค, Macbook รวมถึงเข้าคู่กับการทำงานกับจากพวกแท็บเล็ตได้อย่างลงตัว แต่เห็นบางๆ แบบนี้เขามาพร้อมด้วยตัวเครื่องที่แข็งแรงทนทาน จากโครงอะลูมีเนียมที่บางสวย นับว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์คนที่ชอบพกไปไหนมาไหน สายลุยไปทุกที่ ทั้งยังพกไปไม่อายใคร ทำงานที่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันทั้งเบาและแข็งแรงอีกด้วย เรียกได้ว่า Work from Anywhere ของจริง 

 

“ทำงานสนุกขึ้นด้วยเอฟเฟกต์ไฟ BackLight แสงสี RGB ลูกเล่นให้เลือกกว่า 21 แบบ”

อีกจุดของสาวกคีย์บอร์ดอย่างเรา ที่ทำให้เปลี่ยนความคิดในการตัดสินใจนั่นก็คือ ฟังก์ชันตัวเครื่องที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแสงไฟบนตัวแป้นพิมพ์ได้มากกว่า 21 แบบ ให้ลูกเล่นขณะพิมพ์ และเปลี่ยนได้อย่างหลากหลายมากขึ้นทันทีที่เปิดใช้งานเครื่อง

 

“การจัดวางตัวแสงกับคีย์แคปก็ทำออกมาได้ดีมาก รุ่นนี้จะไม่ทำให้แสงลอดผ่านช่องว่างของคีย์แคปมากเกินไป ทำให้ใช้งานตอนกลางคืนได้ไม่แสบตา”

แน่นอนว่าตัวเครื่องยังมีช่อง RGB หรือที่เรียกว่า Sideslight สำหรับสีไฟแสดงสถานะเครื่องบนแถบทั้งด้านซ้ายที่แสดงโหมดการเชื่อมต่อ และด้านขวาที่แสดงตัวแบตเตอรี่

📌วิธีการกดปุ่มแสงสีบนคีย์บอร์ดด้วยปุ่ม FN

  • FN + ลูกศรขวา = การเปลี่ยนสีไฟ
  • FN + ลูกศรซ้าย = การเปลี่ยนรูปแบบไฟ มีทั้ง ไฟนิ่ง ไฟไล่ระดับสี รวมถึงกดปุ่มแล้วสีจะขึ้นตามที่เราไปสัมผัส
  • FN + ลูกศรบน-ล่าง = เป็นการเพิ่ม-ลดระดับแสงไฟในตัวเครื่อง


📌วิธีการกดปุ่มแสดงสถานะเครื่อง

  • FN + กด 1,2,3 ค้างไว้ = เปิดบลูทูธเพื่อให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เราต้องการ โดย เลข 1, 2, 3 จะหมายถึงการเชื่อมต่อที่เราต้องการเชื่อม
    • เช่น เราเชื่อมต่อมือถือไว้เลข 1 ก็ให้กด FN + 1 เป็นต้น หากเชื่อมต่อคอมไว้เลข 2, เชื่อมต่อทีวีไว้เลข 3
    • ถ้าอยากให้ตัว NuPhy Air 75 เชื่อมอุปกรณ์ไหนสามารถกดตัวเลขที่เราตั้งค่าตั้งแต่ต้นได้เลย
  • FN + 4 = เป็นการเชื่อมต่อ Wireless USB Dongle 2.4


📌สัญลักษณ์ไฟ

  • ไฟด้านซ้าย = กระพริบสีฟ้า หมายถึง กำลังเปิดให้เชื่อมต่อบลูทูธ
  • ไฟด้านขวา = สีแดง หมายถึง แบตเตอรี่ใกล้หมด, สีเขียว หมายถึง มีแบตเตอรี่

 

“บลูทูธรองรับเชื่อมต่อได้ทั้งบ้าน ไม่ว่า mac, windows, ios, Android, TV”

อีกหนึ่งความเจ๋งของ Nuphy Air 75 นั่นก็คือการที่สามารถเชื่อมได้หลากหลายอุปกรณ์มากๆ ตั้งแต่เครื่อง Mac, windows, ios, Android, PC รวมถึง TV โดยตัวเครื่องจะมีตั้งแต่มีสายเสียบ, ตัวเชื่อม USB รวมทั้งกับการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ ซึ่งเราสามารถเลือกเชื่อมต่อได้ตามต้องการ

โดยตัวบลทูธในเครื่องเขารองรับการเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 4 เครื่องด้วยกัน ซึ่งเขาจะมีตัว Bluetooth 2.4G และ Bluetooth 5.0 เพื่อรองรับทุกอุปกรณ์เคลื่อนที่ ช่วยลดการหน่วงในการพิมพ์ได้อย่างดี จึงทำให้เราสามารถทำงานได้หลายอย่างในเวลาพร้อมกันได้ เหมาะมากกับคนที่ต้องคอยปรับตัวทำงานในสถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น อย่างเราเป็นคนที่ชอบทำบัญชีผ่านแท็บเล็ต การคีย์ตัวเลขบน Sheet คือหน้าที่หลัก พอมี NuPhy Air 75 มาทำคู่กับตัวแท็บเล็ต จึงทำให้รู้สึกเลยว่า การพิมพ์ การคำนวณ การไล่คีย์ตัวเลขไปเรื่อยๆ มันง่ายขึ้นเยอะมากๆ ประหยัดเวลาขึ้นเยอะ

 

  3  

ลูกเล่นเสริมสุดเท่ ทันสมัยและใช้ได้ทุกที่

 

ที่ทำให้ตัวคีย์บอร์ดนั่นไม่น่าเบื่อ ซึ่งเป็นอีกจุดนึงที่หลายคนชอบเลย ต้องยกให้การออกแบบดีไซน์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่แถมมาให้แตกต่างจากหลายๆ แบรนด์

 

โดยทางแบรนด์ไม่ได้มีแค่คีย์บอร์ดมาให้นะ แต่ยังมาพร้อม AirFeet แผ่นขาตั้งสีส้ม ต่อกับฐานด้านตัวคีย์บอร์ดทำให้สามารถวางทับบนโน๊ตบุค Macbook ต่างๆ ได้อย่างพอดี รวมถึงของแถมอย่างอื่นๆ ก็มีมาให้ด้วย

 

ไม่ว่าจะสติ๊กเกอร์มาสคอร์ส, ที่ชาร์จ USB-C, ตัวเชื่อม USB สำหรับคนไม่มีบลูทูธ, ปุ่มทดลอง Hot swappable, อุปกรณ์ในการแกะปุ่มคีย์แคป, ปุ่มสำรองต่างๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเองเลย

 

“ฟังก์ชัน Hot-swappable ปรับเปลี่ยนได้ ตามที่ใจเรียกร้อง”

Nuphy Air 75 ไม่พลาดที่จะมี Hot-Swappable โดนใจสายแมคคานิคอลที่ชอบปรับเปลี่ยนปุ่มสวิตซ์ได้ถึง 3 แบบ 3 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Red, Brown, Blue ซึ่งทั้ง 3 แบบนี้จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลย

❤️Red Switch : สีแดง
สำหรับสายที่ต้องการสมาธิสูง เสียงเบา พิมพ์พริ้ว ชอบความเงียบ ตัวสีแดงจะตอบโจทย์ได้ดี เพราะจะใช้แรงกดไม่เยอะ ความรู้สึกตอนพิมพ์จึงมีความเบาสบาย แถมไม่รบกวนใคร เหมาะกับชาวออฟฟิศและสายเกมมากๆ

💙Blue Switch : สีฟ้า
สำหรับสายเล่นเกม นักสตรีมเมอร์ นักเขียน งานเร่ง งานไว ชอบเสียงตอนกด ปุ่มสีฟ้าจะเป็นประเภท มีเสียงคลิกๆๆ ออกมาเมื่อกดลง ซึ่งค่อนข้างเพลินมือมากๆ เหมาะกับคนที่ชอบความสนุกตอบโจทย์สำหรับสายนี้เลย

🤎Brown Switch : สีน้ำตาล
สำหรับสายชอบเสียงนุ่มๆ ชัดๆ จะเหมาะกับสวิตซ์สีน้ำตาล ไม่ว่าจะทำงานด้วยเล่นไปด้วยจะตอบโจทย์มาก เพราะเป็นเสียงกึ่งระหว่างสีแดงและสีฟ้า จึงทำให้เสียงจะไม่เบามากและไม่ดังมากเกินไป

 

  4  

5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ Nuphy Air 75

 

1. ราคาสูงกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป
หลายคนที่เห็นฟังก์ชันกับการออกแบบไปแล้วก็น่าจะเข้าใจกันมากขึ้นว่าทำไม ‘ของเขาถึงราคาสูง’ ซึ่งถ้าให้เทียบกับแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ แต่ถ้าถามว่าทำไมเราต้องซื้อ NuPhy Air 75 ก็เพราะเขา ‘กล้าต่าง’ ไม่ว่าจะบางสุด ลูกเล่นคูลสุด และตัวปุ่มที่โคตรบาง มาพร้อมกับความโค้งมน พิมพ์ง่ายสบายขึ้น ไม่ต้องออกแรงกด เข้าคู่กับคอมและโน๊ตบุคได้อย่างพอดี รู้สึกว่ามีแล้วไม่เสียเวลา

———–

2. มีอุปกรณ์เสริม สำหรับคนชอบ NuPhy Air 75
Nuphy Air 75 มีอุปกรณ์เสริมที่เราสามารถซื้อเพิ่มได้อีก อย่างตัวคีย์แคปเขายังมีสีถึงสองแบบด้วยกัน อย่างตัวที่เราใช้อยู่จะเป็นสี Daylight ขาว คัลเลอร์ฟูล แต่หากใครชอบสีเทาๆ สายเท่ไปอีกแบบ ก็แนะนำให้ซื้อตัวคีย์แคปสี Twilight มาเปลี่ยน แต่รุ่นนี้จะมีแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ 1,090 บาท

นอกจากนี้เขายังมีเคสป้องกันใส่ Nuphy Air 75 โดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อรุ่นว่า Nufolio v.2 เพราะมีโลหะด้านหลังของตัวเคส จึงสามารถตั้งได้ทั้งแท็บเล็ต, iPad และโทรศัพท์มือถือได้อย่างหนาแน่น อยู่ราคาที่ 1,090 บาท 

———–

3. อาจได้จ่ายมากกว่าเดิม
สำหรับคนที่อยากใช้ Hot-swappaple สีอื่นๆ จะต้องสั่งซื้อ Nuphy Air 75 ใหม่อีกครั้ง และเลือกซื้อตามสีที่ต้องการตั้งแต่ออเดอร์

———–

4. อายุการใช้งานและแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ NuPhy Air 75 ก็ได้จุมาให้กว่า 2500mAh หากใช้นานแบบไม่พักอยู่ได้ การใช้งานจะอยู่ได้ถึง 48 ชั่วโมง! แต่สำหรับใครที่สายประหยัดพลังงาน ไม่ค่อยใช้บ่อย ก็อยู่ได้มากถึง 1 – 2 สัปดาห์

———–

5. สีติดทน ทำความสะอาดง่าย
ตัวปุ่มของ Nuphy Air 75 ใช้เทคโนโลยีการลงสีแบบ Dye-sublimation หมดปัญหาเรื่องสีหลุด สีลอก ไม่เหมือนกับตัว ABS ทั่วๆ ไป ซึ่งนับว่าเขาทำการบ้านมาหนักมาก ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความเงางามมากขึ้น สีไม่ซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป

📍สำหรับการทำความสะอาด : สามารถใช้แปรงทำความสะอาดเล็กๆ ปัดได้เลย

** กรณีตัวเครื่องโดนน้ำเปล่า น้ำหวาน กาแฟ นม ฯลฯ **

  1. รีบปิดเครื่อง หากเสียบสายอยู่ให้ถอดสายทันที
  2. ถอดปุ่มคีย์แคปออกให้หมด
  3. ใช้ผ้าไม่มีฝุ่นซับน้ำตัวคีย์บอร์ดให้พอแห้ง
  4. นำไปวางให้แห้ง จากนั้นค่อยนำมาประกอบใหม่
  5. หากทำแล้วไม่ดีขึ้น สามารถมาเช็กกับศูนย์บริการ หรือ ทักแอดมินเพจ NuPhy Thailand

 

  5  

สรุปความน่าซื้อของคีย์บอร์ดไร้สาย NuPhy Air 75

 

NuPhy Air 75 เป็นคีย์บอร์ดที่เราเห็นในโฆษณาตาม Social ครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่า เขาออกแบบมารู้ใจคนสมัยนี้ที่ชอบความมินิมอล ด้วยความที่เขาเล่นสีน้อยๆ ถ้าเราสังเกตจะมีอยู่เพียงไม่กี่สีเท่านั้น ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ดึงดูดสายตามากขึ้น

แต่เมื่อได้ลองสัมผัสจริงก็ไม่คิดว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าการที่มีดีไซน์สวย แต่ยังมาตอบโจทย์เรื่องการทำงานได้แบบรู้สึกได้ ไม่ว่าจะตัวปุ่มที่พิมพ์แล้วละมุนปลายนิ้ว ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น ไม่ต้องเอื้อมหรือยกนิ้วบ่อยๆ ในระหว่างพิมพ์ให้เสียเวลา ไหนจะตัวแสงไฟที่ปรับเปลี่ยนได้ในทุกวัน หรือจะตัว Hot-swap ที่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งการเล่นและการทำงานอีกด้วย ซึ่งมันเป็นอะไรที่เขาทำการบ้านมาดีเพื่อคนสมัยนี้

หรืออีกจุดที่ทำให้พอใจมากนั่นก็คือ ตัวฐานรองที่ทำออกมาเข้าคู่กับโน๊ตบุคทำให้เราไม่เมื่อยข้อมือระหว่างการพิมพ์ หรือจะอยู่ไกลก็สามารถยกตัวแป้นไปนั่งพิมพ์ได้ บอกเลยว่าเป็นคีย์บอร์ดไร้สายสไตล์เกมเมอร์ที่ไม่ว่าวงการไหนก็ควรค่าแก่การมีเลยล่ะ ใครกำลังมองหาคีย์บอร์ดแจ่มๆ ไม่ฟิกเรื่องราคา NuPhy Air75 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลย

📌ช่องทางการสั่งซื้อ
– สามารถสั่งซื้อได้ที่นี่เลยย (NuPhy Air 75 ราคา 4,390 บาท มีรับประกัน 1 ปี จัดส่งฟรีทั่วไทย สินค้าแท้จากศูนย์ไทย)
– FB : NuPhy Thailand (ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทางนี้เลยน้า)