เงินหกพันกว่าบาท จะมีบ้างไหมหูฟังที่สามารถใช้ได้ทั้งออกกำลังกาย ใส่ดูหนัง เล่นเกม คุยงาน หรือเปิดเพลงระหว่างนอนให้ตัวเองหลับ แน่นอนว่า “มี” และมีเยอะด้วย แต่ทำไมเราต้องซื้อหูฟัง Shokz อีกหนึ่งแบรนด์หูฟังที่มีภาพจำสำหรับใช้ออกกำลังกายด้วยล่ะ? 

สำหรับสายออกกำลังกาย สายสปอร์ต หลายคนน่าจะรู้จักแบรนด์ Shokz กันดี เพราะเขาถือว่าเป็นแบรนด์หูฟังสไตล์ Open-Ear* โดยรุ่นก่อนเขาได้ออกแบบมาให้ตอบโจทย์สายกีฬาและไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รุ่น OpenComm, OpenMove, OpenRun Pro ที่ได้ออกแบบให้เป็น Bone Conduction

มาจัดการปัญหาของการออกกำลังกายได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องความเบาสบาย ความชัดของเพลง รวมถึงให้ความปลอดภัยที่มากขึ้น เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงตอบโจทย์กลุ่มรักสุขภาพได้เป็นอย่างมาก

แต่หากต้องนำไปใช้กับชีวิตประจำวันก็อาจไม่ได้ตอบโจทย์มากพอ เพราะว่าตัวดีไซน์ไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชอบ ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกับแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก การหากลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามา ก็อาจไม่ได้ตอบโจทย์กลุ่มที่ใช้ชีวิตทั่วไปได้มากขนาดนั้น
_____________________________

ดังนั้นล่าสุด Shokz เลยปล่อยหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2023 ที่มีชื่อรุ่นว่า “Shokz OpenFit” ที่เรียกได้ว่าปฎิวัติดีไซน์ใหม่เป็นครั้งแรก เพราะการออกแบบใหม่ครั้งนี้ได้พัฒนาจาก Bone Conduction ให้เป็น ‘Air Conduction!

ซึ่งคราวนี้เขาได้ออกแบบไม่ให้เป็นแบบคล้องศีรษะอีกต่อไป แต่รอบนี้เขาออกแบบให้เป็นสไตล์เกี่ยวหู ที่ไม่ว่าทำอะไร แต่งลุคไหนก็ไม่เอาท์ แถมตัวหูฟังยังใช้วัสดุต่างจากรุ่นอื่นๆ พร้อมกับตัวเทคโนโลยีที่เพิ่งเสริมเข้ามาใหม่สดๆ ร้อนๆ

บอกเลยว่า OpenFit ตัวนี้น่าสนใจขนาดที่ว่าขายดีตั้งแต่วันแรกที่เปิดจำหน่ายทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย สำหรับใครที่สนใจ Shokz OpenFit ตัวนี้และกำลังลังเลว่าจะซื้อดีไหม บอกเลยบทความนี้จะพาทุกคนไปดูตัวเครื่องกันว่ามันน่าซื้อจริงๆ หรือเปล่า? เขามีอะไรพิเศษขนาดที่ทำให้คนยอมควักเงินหกพันกว่าบาทมาซื้อเจ้าหูฟังตัวนี้กันนะ ไปดูกันต่อเลย

_____________________________

🎧 หมายเหตุ

  • OpenEar : หูฟังไร้สายแบบไม่ต้องใส่เข้าไปในหู 
  • Bone Conduction : การส่งเสียงด้วยการสั่นตรงกระดูกหู หรือสวมแบบเปิดหู ไม่ต้องยัดเข้าในหู แต่จะคล้องกับหลังศรีษะ
  • Air Conduction : การส่งเสียงผ่านรู้หูชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน โดยที่ไม่ต้องใส่หูฟังยัดเข้ารูหู แต่แนบกับหูเพียงเท่านั้น 
Asset 11

ครั้งแรกของ Shokz ที่มีหูฟังแบบ True wireless

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

OpenFit รุ่นนี้ถือว่าเป็นหูฟังรุ่นแรกของทาง Shokz ที่เป็นแบบ true wireless ครั้งแรกตั้งแต่ที่เปิดบริษัทมา โดยใครที่เป็นแฟนพันธ์ุแท้ของ Shokz แน่นอนว่ามีหลายคนไม่พลาดที่จะอัปเดตซื้อเครื่องใหม่

เพราะตัวนี้สร้างมาเพื่อเน้นให้คนใช้งานสะดวกขึ้น พกพาง่ายกว่าเดิม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมกับฟังก์ชันโคตรเทพที่เสริมเข้ามาในตัวนี้

แน่นอนว่าทุกคนเคยใส่หูฟังแล้วชอบเจ็บตรงบริเวณใบหูบ่อยๆ ใช่มั้ย? เพราะงั้น Shokz เขาเลยออกแบบตัว Openfit ให้เป็นแกนรองรับใบหูโดยเฉพาะ ด้วยการใช้ซิลิโคนเหลวถึงสองชั้น

พร้อมกับการออกแบบที่ได้อินสไปร์มาจากการโค้งของปลาโลมา จึงทำให้พอดีตามหลักสรีรศาสตร์เข้ากับรูปหูได้อย่างธรรมชาตินั่นเอง

พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ในตัวหูฟัง ที่ใครได้ลองรับรองว่า “อึ้ง” โดยเฉพาะ Ai ตัดเสียงรบกวนระหว่างคุย ไปจนถึงตลอดการเปิดเพลงฟัง บอกเลยว่าเกริ่นมาขนาดนี้อย่าพลาดแล้วล่ะทุกคน ส่วนตัวหูฟังจะมีอะไรน่าติดตามอีกบ้าง ไปต่อกันเลย

Asset 22

การดีไซน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้มากกว่าแค่ออกกำลังกาย

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

สำหรับการดีไซน์รอบนี้บอกเลยว่าเขาทำออกมาถึง 2 สีด้วยกัน ทั้ง สีดำ, สีเบจ แต่ตัวที่กำลังนิยมมากตอนนี้คงไม่พ้นสีเบจ เพราะเขาทำออกมาได้สวยกว่าที่คิด แถมตัวกล่องยังเข้าได้กับทุกการแต่งตัว ไม่ว่าจะสายออกกำลังกาย หรือใช้ชีวิตทั่วไป ก็สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งแน่นอนว่าประโยชน์อื่นๆ ก็ยังมีอีกเยอะนะทุกคนไปส่องกันต่อเลย

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

POINT 1 : ดีไซน์แบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดการเจ็บปวดของหู

หูฟังส่วนมากเราก็น่าจะรู้กันว่าอยู่แล้วว่ามันต้องใส่ที่หู จนเกิด Painpoint ที่ทำให้บางคนต้องปวดรูหูบ่อยๆ แต่ด้วยความที่ทางแบรนด์ได้ออกแบบตัวหูฟังใหม่ ที่สามารถรับกับใบหูของคนอย่างแท้จริง

รวมถึงตัวตะขอเกี่ยวหูก็ได้รับการดีไซน์มาจากการโค้งของปลาโลมาที่เข้ากับหูได้อย่างลงตัว พร้อมกับเนื้อสัมผัสเป็นซิลิโคน ใส่ปั๊บเข้าล็อกที่หูปุ๊บ จึงช่วยรองรับแรงกระแทกได้ทุกรูปหู เลยเป็นรุ่นที่ช่วยลดอาการเจ็บหูได้ดีเลย

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

POINT 2 : ตัวหูฟังน้ำหนักเบา พร้อมกับวัสดุทน นิ่ม ใส่สบายมากกว่าที่คิด

แน่นอนว่าหูฟังไร้สาย ก็ต้องมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับ Shokz ในแต่ละข้าง ก็จะมีน้ำหนักเพียงข้างละ 8 กรัมเท่านั้น และยิ่งใช้วัสดุเป็นซิลิโคนทั้งหมดที่เรียกว่า Dual Layered Liquid Silicone

ตรงที่สัมผัสกับหูจะมีความนิ่มของซิลิโคน จึงใส่แล้วไม่แทงหู แต่ให้ความนุ่มกว่าที่คิด จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับคนสวมใส่  แถมข้อดีตรงนี้ยังช่วยลดเวลาการใส่หูฟังที่ต้องถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ

ทำให้ทุกวันของเราเต็มอิ่มไปกับเสียงเพลง หรือใครสายเล่นเกมหลายๆ ชั่วโมง ชอบเปิดไมค์กับเพื่อนบอกเลยว่าต้องชอบแน่! 

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

POINT 3 : ตัวเครื่องกันน้ำ กันฝุ่นได้ ลดปัญหาการทำความสะอาดบ่อย 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะตัว OpenFit ออกแบบให้กันน้ำและกันฝุ่นได้ค่าาา! ซึ่งตัวเครื่องสามารถกันน้ำ กันฝุ่นได้มากถึงระดับ IP54โดยได้รับการออกแบบด้วยตาข่ายเหล็กกันน้ำถึงสองชั้น พร้อมด้วยผ้าโปร่งป้องกันเสริม

แน่นอนว่าใครสายออกกำลังกาย ไม่ว่าจะวิ่ง จะเดิน หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนๆ หูฟัง Shokz เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลย ยิ่งเวลาอยู่ในสภาพแวดล้อมในประเทศไทย ที่มีทั้งฝุ่นและแดดแรง ยิ่งตอบโจทย์ได้ดีมากๆ

Asset 33

ฟังก์ชันที่จัดว่าโหดกว่าในทุก ๆ รุ่น นับตั้งแต่ที่เคยมีมา

shokz openfit-หูฟัง shokz-หูฟังไร้สาย-หูฟังออกกำลังกาย-รีวิวหูฟังไร้สาย

FUNCTION 1 : เทคโนโลยี DirectPitch ที่ทำให้เสียงชัด เสียงมันส์มากกว่าที่แบรนด์เคยมี

มาถึงเรื่องเสียง ตัวนี้คือเขาได้นำเทคโนโลยี DirectPitch มาใช้ โดยที่วิศวกรของ Shokz ได้แรงบันดาลใจมาจากท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งคิดว่าหลายคนน่าจะทราบกันอยู่แล้วว่า เสียงของรถยนต์ล้วนมาจากท่อ และท่อของรถส่วนมากก็จะส่งเสียงมาในจุดๆ เดียว

ทางแบรนด์จึงได้นำเทคโนโลยีหลักการเดียวกันนี้ มาใช้กับเทคโนโลยี DirectPitch เพื่อช่วยลดการรั่วไหลของการฟังเสียง และลดเสียงรบกวนของรอบข้าง แม้ว่าตัว OpenFit จะเป็นหูฟัง Open-Ear ก็ตาม

เรียกได้ว่าเสียงของหูฟังจะส่งตรงเข้าไปยังหูของเราโดยตรง ทำให้เราได้ยินเสียงของ OpenFit รุ่นนี้เสียงดังฟังชัด เบสกระหึ่ม รับรู้ถึงแรงปะทะของเบสได้เลย แถมความดันเสียงยังน้อย จึงไม่เจ็บหู  ไปไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง

เพราะไม่ว่าเราจะไปเที่ยว ทำงาน นั่งอยู่กับเพื่อน หรือนั่งขนส่งสาธารณะไหน ก็จะได้ยินทั้งเพลงและเสียงรอบข้างแบบไม่ทำให้อึดอัดใจแน่นอน อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยที่มากขึ้น จึงไม่ต้องมาพะวงเลยว่า รถจะถึงป้ายหรือยัง รถไฟฟ้าถึงสถานีไหนแล้ว หูฟังนี้คือตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันสุดๆ

shokz-shokz หูฟัง-shokz openfit รีวิว-หูฟัง shokz openfit-รีวิวหูฟัง shokz-shokz openfit ราคา-shokz openfit review

FUNCTION 2 : ขนาดเล็ก สเปกโหด

ต้องบอกก่อนว่าดีไซน์ตัว Drivers Dynamic ของ Shokz Openfit ตัวนี้มีขนาดเล็กมากๆ เพียงแค่ 18×11 mm. เครื่องจึงไม่หนัก แถมยังทนมากอีกด้วย โดยตัวฝาหูฟังด้านในจะผลิตมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรง ทนกว่าที่เคย (แข็งแรงกว่าเหล็กถึง 20 เท่าเลยน้า)

แต่กลับมีน้ำหนักเบา และยังสามารถคุมการสั่นสะเทือนของเสียงได้ดีมากขึ้น จึงทำให้เสียงเบสลึกและชัดกว่าที่เคย  อีกทั้งอัลกอริทึมของรุ่นนี้เขาได้มีการปรับปรุงความถี่เพิ่มเติม ช่วยให้การฟังของเราปรับตัวได้ทุกสถานการณ์แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ

shokz-shokz หูฟัง-shokz openfit รีวิว-หูฟัง shokz openfit-รีวิวหูฟัง shokz-shokz openfit ราคา-shokz openfit review

FUNCTION 3 : AI ตัดเสียงรบกวนการโทรได้มากถึง 99.7%

การตัดเสียงรบกวนระหว่างโทรของ OpenFit รุ่นนี้บอกเลยว่า “นี่ต้องเป็นจุดเปลี่ยน” ที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อกันได้เยอะมากๆ เพราะมันสุดๆ ไปเลยทุกคน โดยตัวเครื่องได้นำเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนการโทรด้วย AI ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้การโทรของทุกคนได้รับเสียงที่คุณภาพมากขึ้น

เพราะตัว AI จะจับเสียงของมนุษย์ให้ทันที ไม่ว่าจะอยู่สภาพแวดล้อมดังขนาดไหน เช่น อยู่บนรถเมล์ อยู่ในคอนเสิร์ต อยู่ในที่คนแออัด ไม่ว่าจะอยู่ในงานแบบไหน เราจะพูดคุยได้อย่างชัดเจน แถมคนที่คุยโทรศัพท์กับเราอยู่ก็จะได้ยินแต่เสียงของเรา เพราะตัว AI จะตัดเสียงรอบข้างออกไปหมด ให้ไม่มีเสียงแทรกซ้อนระหว่างคุยเลย บอกเลยว่าตอบโจทย์การตัดเสียงรบกวนได้อย่างจริงงงงง

Asset 44

APP Shokz ปรับแต่งการฟังเพลงได้อย่างอิสระ

shokz-shokz หูฟัง-shokz openfit รีวิว-หูฟัง shokz openfit-รีวิวหูฟัง shokz-shokz openfit ราคา-shokz openfit review

มาคุยกันเรื่องตัวแอป Shokz กันบ้าง บอกเลยว่าแอปนี้นับว่าเป็นส่วนสำคัญของตัวหูฟังอย่างมาก เพราะตัวเครื่องนั้นไม่มีบอกสถานะอะไร หากอยากรู้เราต้องใช้แอปพลิเคชั่นคู่กัน เพื่อดูสถานะต่างๆ เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าแท็บการกดของหูฟังต่างๆ ในการเปลี่ยนเพลง หยุดเพลงได้อีกด้วย

นอกจากนี้ตัวแอปก็มีภาษาให้เลือกกว่า 13 ภาษา และสามารถเชื่อมรุ่นเดียวกันในแอปเดียวได้อีกหลายเครื่องเลย โดยตัวแอปจะเชื่อมต่อด้วย Bluetoonth 5.2 โดยให้ระยะการห่างของบลูทูธได้อยู่ที่ 10 เมตร

หูฟัง open ear-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี-หูฟังไร้สายไอโฟน-หูฟังไร้สาย แนะนํา-แนะนําหูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สายของแท้-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2023-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2022-วิธีชาร์จ หูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สาย รีวิว

อีกหนึ่งลูกเล่นที่ใครซื้อมาห้ามพลาดเด็ดขาด นั่นก็คือภายในแอป Shokz สามารถปรับเปลี่ยน EQ mode สำหรับการฟังเพลงได้มากถึง 4 แบบ

  • Standard : เสียงปกติ
  • Vocal : ระบบตัดเสียงให้ได้ยินแต่เสียงคนร้องอย่างเดียว
  • Bass Boost : เน้นได้ยินเสียงเบสหนักๆ สำหรับคนชอบความกระหึ่ม
  • Treble Boost : เน้นเสียงให้มีความแหลมๆ ชัดๆ ของเสียงประกอบ

หรือจะ Customize ปรับแต่งเองได้ แล้วแต่ความชอบเลยย

หูฟัง open ear-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี-หูฟังไร้สายไอโฟน-หูฟังไร้สาย แนะนํา-แนะนําหูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สายของแท้-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2023-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2022-วิธีชาร์จ หูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สาย รีวิว

ตั้งค่าระบบสัมผัสของตัวหูฟังได้

ตัวแอปนอกจากจะให้อิสระทางด้านการฟังเพลงที่มากขึ้น คิดว่ามีหลายคนสงสัยว่าเราสามารถปรับแต่งการกดแท็บบนตัวหูฟังได้มั้ย บอกเลยว่าทำได้ทั้งหมดในแอปโดยให้กดไปที่ Customize Controls จะขึ้นให้เราเปลี่ยนได้ตลอด

⏭️ วิธีการกดเปลี่ยนเพลง/วางสายบนหูฟัง

  • แตะ 2 ครั้ง ไม่ว่าจะข้างซ้ายหรือข้างขวา : พัก 
  • แตะด้านขวาค้างไว้ : เลื่อนเพลง
  • แตะด้านซ้ายข้างไว้ : ย้อนเพลง 
  • กด 2 ครั้ง : รับสาย/วางสาย
Asset 55

วิธีการเชื่อมต่อหูฟังกับแอปฯ

shokz-shokz หูฟัง-shokz openfit รีวิว-หูฟัง shokz openfit-รีวิวหูฟัง shokz-shokz openfit ราคา-shokz openfit review
  1. ดาวน์โหลดแอป Shokz และเปิดบลูทูธ
  2. เข้าแอป Shokz พร้อมเปิดกล่องหูฟัง (อย่าเพิ่งนำออกมานะ) ให้เรานำนิ้วโป้งทั้งสองข้าง ไปปั๊มที่ตัวหูฟังทั้งสองข้างค้างไว้ เพื่อเรียกสัญญาณ โดยให้ดูว่าไฟกระพริบแล้วหรือยัง
  3. ให้ใส่หูฟังที่หูทั้งสองข้าง และเข้าบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อ มีชื่อว่า “OpenFit by Shokz”
  4. เข้าแอปไปเล่นได้เลย
Asset 66

5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ Shokz OpenFit

หูฟัง open ear-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี-หูฟังไร้สายไอโฟน-หูฟังไร้สาย แนะนํา-แนะนําหูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สายของแท้-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2023-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2022-วิธีชาร์จ หูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สาย รีวิว
  • เป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้นานถึง 28 ชั่วโมง!
    สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลยคือตัวแบต รุ่นนี้ เขามีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่นับว่าอึดมากๆ  โดยเราสามารถฟังได้นานถึง 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียว และถ้ารวมปริมาณแบตในกล่องที่ชาร์จร่วมกับเปิดเพลงในหูฟังแบบไม่ชาร์จเลย ก็จะอยู่ได้นานถึง 28 ชม. ถือว่าใช้เวลานานพอสมควร ถ้าเทียบกับแบรนด์ดังหลายๆ แบรนด์
  • เหมือนจะหลุดแต่ไม่หลุด
    ก่อนที่จะได้ใช้ รุ่นนี้เขาโปรโมทหนักมากว่าของเขาเบาสบาย ใส่ไม่เจ็บหู ครั้งแรกที่เราได้หยิบจวบจนมาคล้องที่ใบหู คือเบาและนิ่มจริงอย่างที่เขาบอกเลย แต่ตอนที่ใส่เข้าที่หู มันรู้สึกว่าเราใส่ถูกไหมนะ ถ้าคนที่ไม่เคยใช้ อาจคิดว่ามันหลวม แต่จริงๆ กลับไม่หลวมเลยทุกคน เพราะนี่ลองหมุนหัวเต้นโยกหัวเป็นชาวร็อก แล้วลองใส่ออกกำลังกายด้วย มันไม่หลุดจริงๆ  ซึ่งคิดว่าจุดนี้เองที่ทำให้เขาสามารถเคลมได้เลยว่า “เบาสบายจน Shokz” ที่ไปคล้องเสียงกับคำว่าช็อกนั่นเอง
  • ไม่ออกกำลังกายก็สามารถใช้ได้
    แน่นอนว่าตัวนี้ต่อยอดมาเพื่อสำหรับไว้ออกกำลังกาย แต่คนที่ไม่ใช่สายนี้ก็สามารถใช้ได้นะ เหมาะทั้งกับคนที่ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน ยิ่งเฉพาะเวลาดูหนังคนส่วนใหญ่ก็อยากนอนตะแคงบ้าง ตรงบ้าง ซึ่งหูฟังตัวนี้รองรับการนอนได้ทุกรูปแบบขณะที่สวมใส่ เป็นการลดแรงกดทับระหว่างใส่ได้ดีมากๆ 
  • กันได้แค่ละอองน้ำ ไม่สามารถใส่ดำน้ำได้
    สำหรับข้อนี้กลัวหลายคนเข้าใจผิดมาก ว่ากันน้ำของเขาคือกันแบบสามารถใส่ลงว่ายน้ำได้เลย ไม่ใช่นะทุกคน! อย่างที่บอกไปว่าตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้ในระดับ IP54 ซึ่งระดับนี้ถือว่าเป็นระดับมาตรฐานที่บ่งบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือมีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้ แต่ฝุ่นที่เล็ดลอดได้นั้นจะไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน และยังสามารถป้องกันละอองน้ำที่ตกเข้าไปในอุปกรณ์ด้วยได้นั่นเอง ซึ่งกันได้แค่ละอองนะ!
  • ต้องระวังระหว่างใส่/ถอดมาสก์หรือชอบทัดหูบ่อย อาจหลุดได้
    ด้วยความที่ OpenFit เป็นหูฟังชนิดที่ต้องใช้เกี่ยวที่หลังหู ยิ่งช่วงระบาดของโควิดที่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่วางใจ การใส่มาสก์ก็ยังไม่หมดไป แน่นอนว่าระหว่างนั้นเราต้องมีการถอดมาส์กเข้าถอดออกเสมอ จุดนี้เองที่อาจทำให้หูฟังร่วง ตก หรือติดเส้นผมได้ง่าย เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ชอบทัดผมบ่อยๆ เวลาเอามือไปสะกิดนิดหน่อยก็อาจทำให้ตัวหูฟังไม่ลงล็อกหรือหลุดได้ บางทีนิ้วมือของเราก็เผลอไปกดเซนเซอร์ควบคุมเสียง เลยอาจทำให้ยุ่งยากระหว่างใส่นิดนึงนั่นเอง
  7  

สรุปความน่าซื้อของ Shokz OpenFit

หูฟัง open ear-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี-หูฟังไร้สายไอโฟน-หูฟังไร้สาย แนะนํา-แนะนําหูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สายของแท้-หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2023-หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2022-วิธีชาร์จ หูฟังไร้สาย-หูฟังไร้สาย รีวิว

Key Takeaways

  • เบาสบาย จนลืมไปเลยว่าใส่อยู่
  • ตัดเสียงรบกวนตอนคุยโทรศัพท์ โคตรของโคตรดี!
  • แบตอึด อยู่ได้นานสูงสุดถึง 28 ชั่วโมง
  • การออกแบบที่เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ต้องสายออกกำลังกายก็ใช้ได้

______________________________

ถ้าในมุมมองของคนเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของ Shokz ที่เป็นสายออกกำลังกายแบบ Outdoor อย่างปั่นจักรยาน ปีนเขา ก็อาจจะชอบตัวรุ่นก่อนๆ มากกว่า เพราะว่ารุ่นอื่นสามารถฟังเสียงรอบข้างชัดเจน แถมราคายังถูกกว่าตัว OpenFit หลักพันสองพัน

แต่ถ้าเป็นมุมมองของคนที่ต้องการ Shokz จริงๆ ก็คงไม่พลาดที่จะซื้อเพราะนับว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสดๆ ร้อนๆ แถม OpenFit รุ่นนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการสวมใส่สบาย เหมือนไม่ได้ใส่ การเกี่ยวที่ใบหูก็ไม่หลุดง่ายกว่ารุ่นอื่นๆ รวมถึงตัวฟังก์ชันที่เราจะพูดคุยที่ไหน เวลาไหนก็ได้แบบได้ยินชัดเจนกว่าที่เคย

แต่ถ้าถามในมุมมองของคนที่กำลังมองหาหูฟังแบบเกี่ยวหูสักรุ่นในบรรดางบไม่เกิน เจ็ดพันบาท คิดว่า OpenFit ก็เป็นคำตอบที่ไม่เลวเลย ส่วนตัวแล้ว เราชอบตรงที่ว่า เขามี AI ที่ช่วยกรองเสียงให้เสียงพูดคุยโทรศัพท์ได้ยินชัด ทั้งคู่สนทนาและเรา

คิดภาพว่าเราไปดื่มกับเพื่อนๆ มีเสียงดนตรีที่ดังมากเกินไป การคุยโทรศัพท์ด้วย OpenFit จะทำให้ได้ยินชัดทั้งเราและปลายสายที่คุยด้วย คือมันตอบโจทย์การพูดคุยได้น่าเหลือเชื่อมากๆ 

แถมความสบายของมันก็ต้องยกให้เรื่องความนิ่มของซิลิโคน เพราะเราก็ลองหูฟังมาหลายแบรนด์ ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เป็นซิลิโคนล้วนแบบของ OpenFit ที่มีตั้งแต่ตัวเครื่องไปจนถึงการโค้งของตะขอเกี่ยว

ซึ่งสิ่งที่ชอบอีกอย่าง ก็คือตัวหูฟังที่เปลี่ยน EQ mode ได้ตามที่ต้องการผ่านตัวแอป มันใช้ง่ายและสะดวกมากๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในหลายๆ เรื่องจริง ใครอยากได้ก็ลองไปตัดสินใจกันดูนะ

สำหรับใครที่สนใจ OpenFit จากแบรนด์ Shokz ตอนนี้ก็เปิดให้จำหน่ายที่ .dotlife ทุกสาขา มีประกันให้ถึง 2 ปีเลยทุกคน ซึ่งร้านนี้เขาก็เต็มไปด้วยเทคโนโลยีไฮเทคหายากที่รวบรวมมาไว้ที่ร้านนี้แบบจัดเต็ม ใครอยากซื้อออนไลน์ หรืออยากลองของจริงก็อย่าลืมไปที่ dotlife ของเยอะมากกกก 

______________________________

พิกัด : dotlife ทุกสาขา หรือ SHOKZ Official Store บน Lazada / Shopee

ช่องทางการติดตาม
FB : dotlife