ปัจจุบันการซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับหลายคน อาจจะด้วยปัญหาทางด้านการเงิน และอีกอย่างคือคนเริ่มหันมาสนใจการอนุรักษ์เก็บของเก่า ที่เกี่ยวกับบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ด้วยความผูกพันและความทรงจำ ทำให้เลือกที่จะรีโนเวทบ้านเก่ามากกว่าสร้างใหม่
————————————————–
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะรีโนเวทและต่อเติมบ้าน แต่ยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง วันนี้พวกเรา LifeSara มี 8 เรื่องที่ควรรู้ก่อนจะตัดสินใจรีโนเวทบ้าน จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลยยยย
ต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจนในการรีโนเวทบ้านเก่า
อันดับแรกทุกคน จะต้องตั้งเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่าภาพหลังจากที่รีโนเวทบ้านเก่าเสร็จจะเป็นแบบไหน ถ้านึกไม่ออกลองจ้างนักออกแบบหรือสถาปนิก ให้ช่วยแปลงความต้องการของเราออกมาเป็นบ้านที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้งาน และเพื่อดีไซน์ที่สวยงามน่าอยู่อีกด้วย
————————————————–
ดังนั้นเมื่อได้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้วจะทำให้การรีโนเวทบ้านของเราวางแผนง่ายขึ้น และไม่เปลี่ยนใจไปมาระหว่างการก่อสร้างดำเนินไปแล้ว เพราะต้องคำนึงถึงของที่ต้องซื้อ และขั้นตอนของการทำงานด้วย
ตรวจสอบสภาพพื้นที่รอบ ๆ และโครงสร้างบ้าน
ก่อนจะรีโนเวทบ้านควรต้องตรวจสอบสภาพโดยรอบและโครงสร้างของตัวบ้านก่อน โดยเฉพาะบ้านเก่า เพราะอาจจะมีการต่อเติมอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งหากไม่ทันสังเกตแล้วไปต่อเติมซ้ำอาจจะทำให้บ้านไม่ได้มาตรฐานตามโครงสร้างบ้านที่ได้ถูกออกแบบไว้
————————————————–
หรือบ้านที่มีอายุการใช้งานที่นานจนโครงสร้างเสื่อมโทรม อาจจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างใหม่บางส่วน เพื่อการใช้งานที่นานขึ้นและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยสิ่งที่ควรตรวจสอบหลัก ๆ คือ
- ตรวจสอบว่าตัวบ้านเคยมีการต่อเติมมาก่อนหรือไม่
- ตรวจสอบรอยร้าวตามโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเสา คาน พื้น ผนัง หรือส่วนต่าง ๆ ของตัวบ้าน
- สังเกตระดับพื้นบ้านเทียบกับพื้นดินและถนน เพื่อป้องกันปัญหาพื้นทรุด
- สังเกตต้นไม้ใหญ่รอบบ้าน เพราะระบบรากของต้นไม้อาจจะทำให้โครงสร้างฐานของบ้านเสียหายได้
ต้องรู้วิธีรีโนเวทบ้านยังไงให้ถูกกฎหมาย
กฎหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมากก่อนที่จะทำการรีโนเวทบ้าน เพื่อน ๆ ต้องศึกษาก่อนว่าสิ่งที่ต้องการทำนั้นเป็นการรีโนเวทบ้าน หรือเป็นการดัดแปลงบ้าน เพราะจะได้รู้ว่าต้องขออนุญาตในการทำก่อนหรือไม่ ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการต่อเติมบ้านนั้นมีระบุอยู่ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2528) มีรายละเอียด ตามนี้เลยยยย
————————————————–
- การเปลี่ยนโครงสร้างโดยใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิมนั้นไม่ต้องขออนุญาต ‘ยกเว้น’ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตอัดแรง และโครงสร้างเหล็ก ที่ต้องขออนุญาตทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนที่เหมือนเดิมหรือไม่ก็ตาม
- การต่อเติมที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักแก่โครงสร้างเดิมเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ จะต้องขออนุญาต
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่งเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มหรือลดเสาและคาน จะต้องขออนุญาต
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่หลังคาเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มหรือลดเสาคาน จะต้องขออนุญาต
————————————————–
นอกจากกฏหมายที่ว่ามาแล้ว ควรดูข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายท้องถิ่นก่อนที่จะรีโนเวทด้วย เพราะอาจจะมีข้อจำกัดอื่นอีก เช่น ตำแหน่งทางเข้าบ้านที่อาจต้องห่างจากถนนหลักมากขึ้น หรือระยะร่นที่เปลี่ยนไป
การกำหนดงบประมาณให้ตรงกับความต้องการ
ก่อนที่จะเริ่มงานรีโนเวทและต่อเติม ให้เพื่อน ๆ พิจารณาก่อนว่าความต้องการของตัวเองเป็นแบบไหน ใช้งบประมาณในการซื้อวัสดุเท่าไหร่ เพื่อให้บ้านดูใหม่และมีความสวยงามขึ้น ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ไม่เกินความสามารถในการหาเงินทุน และยังช่วยในการวางแผนการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ไปจนถึงระหว่างการก่อสร้าง
แจ้งเพื่อนบ้านล่วงหน้า
ก่อนที่จะทำการรีโนเวทหรือต่อเติมบ้าน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ บอกกล่าวให้เพื่อนบ้านของเรารู้ว่าจะมีการรีโนเวท ระยะเวลากี่วัน ช่างจะทำงานช่วงเวลาไหนบ้าง และสิ่งที่เพื่อนบ้านอาจจะได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเศษฝุ่น กลิ่นสีทาบ้าน เสียงจากการเจาะผนัง
เพื่อไม่ให้ผิดใจกันในระหว่างก่อสร้าง หรือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังสร้างเสร็จแล้ว เช่น การฟ้องร้อง
การจ่ายเงินผู้รับเหมา
สิ่งที่เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ในการรีโนเวทและต่อเติมบ้านคือ เรื่องของเงิน การใช้จ่ายหรือซื้อวัสดุอุปกรณ์แต่ละครั้งเราต้องเปรียบเทียบแต่ละร้าน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด การจ่ายค่าแรงให้ช่างหรือผู้รับเหมาก็เช่นกัน ถ้าเกิดไม่วางแผนการจ่ายให้ดี อาจจะมีโอกาสเสียเงินไปฟรี ๆ ได้เหมือนกัน
————————————————–
สิ่งที่ควรระวังมากที่สุด คือการจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาทีเดียวทั้งก้อน เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะโดนทิ้งงาน ห้ามทำสัญญาปากเปล่าเด็ดขาด! ควรทำสัญญาว่าจ้าง แบ่งจ่ายเป็นงวดงาน เช่น
- งานผนัง แบ่งจ่ายเป็น 20% ของงานทั้งหมด
- งานฝ้าเพดาน แบ่งจ่ายเป็น 20% ของงานทั้งหมด
- งานประตูหน้าต่าง แบ่งจ่ายเป็น 20% ของงานทั้งหมด
- งานทาสี แบ่งจ่ายเป็น 20% ของงานทั้งหมด
- งานระบบสุขาภิบาล แบ่งจ่ายเป็น 10% ของงานทั้งหมด
- งานระบบไฟฟ้า แบ่งจ่ายเป็น 10% ของงานทั้งหมด
————————————————–
งวดงานท้าย ๆ ควรแบ่งสัดส่วนจ่ายให้น้อยที่สุดเพราะเป็นช่วงที่เสี่ยงโดนทิ้งงานมากที่สุด อาจจะเกิดจากการไม่คุ้มทุน หรือบริหารเงินทุนผิดพลาดของผู้รับเหมา
ต้องรู้วิธีตรวจสอบราคาวัสดุและค่าแรงด้วยตัวเอง
สิ่งที่จำเป็นมากในการรีโนเวทและต่อเติมบ้านคือ ความรู้เรื่องวัสดุ แนะนำให้เพื่อน ๆ ศึกษาเรื่องวัสดุแต่ละประเภทถึงความแตกต่างของคุณภาพ ราคา วิธีการติดตั้งและอายุการใช้งาน เพื่อให้ได้วัสดุที่มีคุณภาพดี คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เพราะวัสดุที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาหลังการรีโนเวทเสร็จ และไม่ต้องเสียค่าแรงช่าง ค่าซื้อวัสดุใหม่หลาย ๆ รอบ
สำคัญที่สุดคือ ยิ่งวัสดุดียิ่งงบไม่บานปลาย!
อีกเรื่องที่ต้องรู้เลยคือ เรื่องสีทาบ้าน! เพราะถ้าเลือกผิดอาจจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนเลยนะทุกคน ใครที่มีปัญหาผนังปูนเก่าเสื่อมสภาพ สีด่าง สีโป่งพอง แก้ไขได้ด้วย Beger Pro Quick B-1900 Primer สีรองพื้นปูนอเนกประสงค์
สูตรน้ำมัน ทนชื้นสูง แทรกซึมลึก เสริมประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ระหว่างฟิล์มสีและผนังให้ดีขึ้น ทำให้บ้านดูสวยงามสบายตา และน่าอยู่มากขึ้น เพราะ Beger B-1900 เต็มไปด้วยคุณสมบัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
————————————————–
- ทาทับผนังปูนฉาบใหม่ได้ใน 2 วัน
- ทนชื้นสูงถึง 35%
- สูตรน้ำมันซึมลึก ยึดเกาะแน่น บนพื้นผิวไฟเบอร์ซีเมนต์และปูนทุกประเภท
- ฟิล์มสีขาวมาก ตรวจงานง่าย สีทับหน้าขึ้นง่าย
- ปกป้องเหนือกว่า ไม่ว่าจะคราบเกลือ คราบด่างจากปูน เชื้อรา หรือตะไคร่น้ำ
- ขายดี ทาได้หมดทั้ง ปูนใหม่ ปูนเก่าเสื่อมสภาพ และปูนสด
————————————————–
เลือกสิ่งที่ดีให้กับบ้านของตัวเอง เพื่อคุณภาพในระยะยาว ไม่มีปัญหาตามมารบกวนใจและเงินในกระเป๋า เลือกสี Beger Pro Quick B-1900 Primer สีรองพื้นปูนกันชื้นอเนกประสงค์ ทนชื้นสูง กลบมิดดี จบทุกปัญหาสี!
สามารถติดต่อซื้อสีทาบ้านได้ที่
FB: Beger Paint
LINE : @begerpaint
Website : Berger
ปรึกษาช่างเทคนิคเบเยอร์บริการ : 02-815-5888 กด 3
นอกจากสีทางรองพื้นที่ต้องมีคุณภาพแล้ว สิ่งต่อมาที่สำคัญมาก คือสีทาภายนอกและภายใน เพราะสีทาบ้านที่ดี ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าที่คิด ใครที่กำลังจะรีโนเวทบ้าน แนะนำสีตัวนี้เลย BegerCool SuperWhite
ทำให้ผิวบ้านมีสีขาวมากกกเลย ทำให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้น แถมยังทำให้บ้านเย็นฉ่ำ พร้อมกับขจัดคราบสกปรกได้ในตัว แถมยังลดคาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยน้าาา
————————————————–
ทาภายนอก
- สะท้อนความร้อนได้สูง ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานไม่หนัก จึงประหยัดค่าไฟได้เยอะมาก
- ทำให้บ้านดูสะอาดนานขึ้น หมองตัวช้าลง ปกป้องบ้านจากมลภาวะอากาศกว่า 15 ปี
- ดีไซน์คู่กับสีอื่นได้เยอะมาก จะสไตล์ไหนก็แมตช์ได้หมด
ทาภายใน
- ช่วยให้ห้องสว่างมากขึ้น ผู้สูงวัยมองเห็นได้ชัดขึ้น ลดอุบัติเหตุในบ้าน ลดการเปิดไฟในบ้านได้ (ช่วยประหยัดค่าไฟ)
- สีขาวทำให้บ้านดูสะอาดขึ้น ช่วยให้ห้องดูกว้างและมีมิติยิ่งขึ้น ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
- สีขาวแมตช์กับสไตล์การตกแต่งบ้านได้หลายรูปแบบ / เปลี่ยน Mood ห้องจากแสงไฟได้ง่าย
————————————————–
ทาสีบ้านให้ดูใหม่ ขาว สะอาด สดใส และประหยัดไฟ ใช้สีเบเยอร์คูลซูเปอร์ไวท์ ผสานคุณสมบัติเด่นจากเซรามิกคูลลิ่งเทคโนโลยี เอกสิทธิ์เฉพาะในสีเบเยอร์คูล!
สำหรับใครที่มองหา “สี Beger ประเภทอื่น ๆ ” เพื่อให้สีบ้านสวย ดูดี ตามอ่านต่อตรงนี้ได้เลยยยย