มากกว่าที่ระบายความทุกข์ คือพื้นที่แห่งความสุข
ประสบการณ์มากกว่า 40 ปีที่สอนให้ Novabath รู้ว่า ‘ห้องน้ำ’ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใช้งาน แต่คือ “พื้นที่แห่งความสุข” ที่เติมเต็มวันของคุณได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
เสมือนเพื่อนรู้ใจที่ให้คุณได้ปลดปล่อยความคิด พักใจ และสะท้อนตัวตนอย่างแท้จริง
ถ้าคุณยังไม่เคยคิดว่า ‘ห้องน้ำ’ สำคัญ…คุณอาจยังไม่รู้จักโนวาบาธ
นี่คือเรื่องราวของ Novabath กับแนวคิดที่แตกต่างที่สามารถทำให้ House Brand เล็กๆ เติบโต และได้รับการยอมรับจากมาตรฐานสากล
ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าเข้างานโครงการใหญ่ระดับประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงงานโครงการโรงแรมระดับ 6 ดาว
เมื่อพูดถึง “ศิลปะ” หลายคนมักนึกถึงภาพวาดราคาแพง หรือประติมากรรมของศิลปินชื่อดัง ที่เราได้แค่มอง แต่เข้าไม่ถึง?
แต่สำหรับบริษัทหนึ่งที่มีชื่อว่า Novabath พวกเขามองว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบ
แต่ศิลปะเหล่านั้นอาจเป็นพื้นที่เงียบๆ ที่เราได้กลับมารู้สึกดีกับตัวเอง
เหมือนกับห้องน้ำ…หนึ่งในห้องที่เป็นเหมือน “ที่พักใจ”แม้จะถูกมองข้ามก็ตาม
วันนี้ LifeStory จะมาเล่าเรื่องราวของ “โนวาบาธ (Novabath)” แบรนด์ที่ตั้งใจมาเปลี่ยน “ห้องน้ำ” ให้กลายเป็น “พื้นที่พิเศษ” ที่ให้ทั้งความสวยงามดีไซน์ ฟังก์ชัน และความรู้สึก
ที่ไม่ใช่แค่มีไว้ใช้…แต่มีไว้ รู้สึกดี กับตัวเอง
ซึ่งโนวาบาธมีที่มาอย่างไร และสินค้าในห้องน้ำแบบไหน ที่ทำให้ลูกค้าต่างรู้สึกว่า ซื้อแล้วไม่เคยผิดหวัง วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักแบรนด์ที่จะทำให้ทุกคนมอง “ห้องน้ำ” เปลี่ยนไปตลอดกาล
ห้องน้ำที่ไม่มีใครสนใจ แต่ครอบครัวนี้เลือกจะใส่ใจ
ก้าวแรกที่เดินเข้ามายังโชว์รูมของโนวาบาธ ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความใหม่เอี่ยมและความสงบ ทุกอย่างในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีสีส้มประปราย สะท้อนถึงการต้อนรับลูกค้าที่มาเยือนได้อย่างอบอุ่น
‘คุณเมเม่ หรือคุณอิสรีย์ ตรงกมลธรรม’ ผู้บริหารหญิงผู้มากด้วยพลังและวิสัยทัศน์ นั่งยิ้มพร้อมเปิดใจเล่าถึงอดีตวันวานในช่วงที่เมืองไทยยังไม่มี ห้างโมเดิร์นเทรด เวลาเดินซื้อของที ก็มีขายเพียงร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็กๆ ในเมืองใหญ่ไม่กี่แห่ง
คุณเมเม่เริ่มต้นเล่าย้อนไปในปี 2525 สมัยที่บริษัทยังใช้ชื่อว่า ‘เทรนด้า (Trenda)’ ที่ก่อตั้งโดยคุณพ่อ มานะ ตรงกมลธรรม และคุณแม่ รุ่งทิพย์ ตรงกมลธรรม
มาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ “ห้องน้ำ” โดยนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก ทั้งโซนยุโรปและอเมริกามานานกว่า 40 ปี โดยสินค้าที่นำเข้ามา หลักๆ จะเน้นขายของที่มีดีไซน์เด่น มาตรฐานสูง แม้ฟังก์ชันจะยังไม่หลากหลายเหมือนทุกวันนี้ แต่คุณภาพคือจุดแข็ง
เรื่องราวของเทรนด้ายังคงดำเนินไป ตลอดเวลาที่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ยังเป็นเสาหลัก คุณเมเม่ก็ได้เรียนรู้ Painpoint ของลูกค้า ปัญหาที่เจอมาไม่น้อย
จนในที่สุดการเปลี่ยนแปลงของคลื่นลูกใหม่ก็มาถึง จากบริษัทที่เคยใช้ชื่อ เทรนด้า (Trenda) ก็ได้รีเฟรชใหม่ให้ทันสมัย เสมือนวันที่พลังของทีมรุ่นใหม่เริ่มเปล่งแสง ชื่อ “โนวา เทรนด้า (Nova Trenda)” จึงได้ถือกำเนิด
เพราะห้องน้ำคือพื้นที่ส่วนตัวที่ทำให้รักตัวเอง
“ทำไมถึงต้องเป็นธุรกิจห้องน้ำล่ะ ?”
มันอาจเป็นคำถามที่ฟังดูแปลก แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงห้องน้ำ ดวงตาของคุณเมเม่จะเป็นประกาย จนอดไม่ได้ที่อยากถามคำถามนี้
“ห้องน้ำไม่ควรเป็นพื้นที่ที่ถูกละเลย แต่มันควรเป็น ‘พื้นที่ส่วนตัวที่ทำให้เรารักตัวเอง’ ที่ทำให้คนอยากกลับบ้าน เพื่อแค่ได้อาบน้ำ”
คุณเมเม่เชื่อแบบนั้นมาเสมอตั้งแต่รุ่นแม่มาจนรุ่นเธอ เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า
“ทำไมเราถึงให้ความสำคัญกับห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องนอน…แต่เรากลับมองข้ามห้องน้ำ? ทั้งที่ห้องน้ำคือที่ที่เราใช้เวลากับตัวเอง ที่ที่เราได้หยุดหายใจลึกๆ ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าในแต่ละวัน เป็นพื้นที่แห่งความสุข ดั่งคำว่า ‘สุขา’ ดั่งพื้นที่พักผ่อน แค่ได้อาบน้ำสบายๆ หลังจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยก็กระชุ่มกระชวย สบายตัวขึ้นแล้วใช่ไหม ”
“ถ้าเราหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะพักตรงไหนได้อีกในชีวิตนี้?” คุณเมเม่พูดแบบขบขัน
นอกจากเรื่องของความสุขในห้องน้ำ หลายคนอาจคิดว่าการขายสินค้าเกี่ยวกับห้องน้ำมันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ ดูไม่ได้ยากอะไร แต่การขายก๊อกน้ำหรือฝักบัวไม่ใช่แค่วางบนเชลฟ์สวยๆ แล้วรอคนมาชี้นิ้วเลือกเหมือนเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป
แต่คุณต้องมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับ “ระบบประปา” เพราะมันเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของบ้านแต่ละหลัง เพราะบ้านส่วนมากจะมีลักษณะของ แรงดันน้ำ, ท่อน้ำดี-น้ำเสีย, การเดินท่อ, และจุดเชื่อมต่อ ที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น บริษัทจึงมีความมั่นใจ เพราะเรามีความชำนาญ และประสบการณ์อันยาวนาน เป็นธุรกิจที่ต้องรับผิดชอบสูง ถ้าขายผิดรุ่น ผิดระบบ อาจทำให้ท่อน้ำแตก น้ำรั่ว น้ำไหลไม่แรง หรือใช้ไม่ได้เลยนั่นเอง
พอพวกเรา LifeStory ได้คุยกับคุณเมเม่ก็ยิ่งเข้าใจเลยว่า ทำไมเธอและครอบครัวถึงหลงใหลในห้องน้ำขนาดนี้
เก่งแค่ไหนก็ไม่พอ
ถ้าสุดท้ายลูกค้าไม่เลือกเรา
คุณเม่เล่าต่อถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ในช่วง30 ปีที่ผ่านมา
‘โมเดิร์นเทรด’ รูปแบบการค้าปลีกสมัยใหม่ อย่าง โฮมโปร และ บุญถาวร ได้เข้ามามีบทบาท และยกระดับประสบการณ์การซื้อของในบ้านแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับตอนนั้นนี่เปรียบเหมือน “จังหวะทอง” เพราะทั้งโฮมโปรและบุญถาวร ต่างมองเห็นศักยภาพในโนวาเทรนด้า พวกเขาให้โอกาสให้ทางเราร่วมขาย จนกลายเป็นพันธมิตรธุรกิจที่ดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอนว่าข้อดีคือลูกค้าทั่วไปสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น เดินเลือกชมได้หลากหลายแบรนด์ มีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ทันที
แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดน่ะสิ เพราะการที่ “ทุกคนเข้าถึงได้” ส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น ราคาสินค้าค่อยๆ ปรับตัวตามมาตรฐานตลาด และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เมื่อ “ลูกค้าต้องการตัวเลือกสินค้า และราคาที่หลากหลายมากขึ้น”
และเมื่อมันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่ควรถามคือ
“เราจะเดินต่อยังไง ในเมื่อโลกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว?”
ในช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้ คุณเมเม่และครอบครัว ได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญว่า..
การปรับตัวเข้ากับบริบทใหม่ของลูกค้าเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมถึงการหาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์ ฟังก์ชั่น และราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
จากเดิมที่บริษัทของคุณเมเม่นำเข้าสินค้าคุณภาพจากยุโรปเป็นหลัก จึงเริ่มมองหาตัวเลือกสินค้าที่มาจากประเทศอื่นๆ อย่างเช่นประเทศจีน ที่สามารถผลิตรูปแบบสินค้าได้หลากหลาย รวดเร็ว และควบคุมราคาต้นทุนได้ง่ายกว่า
ทางโนวาจึงตัดสินใจสร้าง House Brand ของตัวเอง ที่จะมาสร้างจุดยืนใหม่และยืนหยัดในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่เปลี่ยนจาก ‘นำเข้า’ เป็น ‘สร้าง’ แบรนด์สุขภัณฑ์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อใหม่ว่า ‘โนวาบาธ (Novabath)’ ที่เราได้รู้จักกันในปัจจุบัน
เลือกโรงงานดีก็เหมือนเลือกคู่ชีวิต
ในวันที่สินค้ามาจากจีน กลายเป็นภาพจำของความถูก เร็ว และบางทีก็ใช้แล้วพังง่าย
การจะบอกว่า “แบรนด์เรามาจากจีน” ดูเหมือนจะเป็นทางลัดให้ลูกค้าปิดใจไปเลยตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
“ตอนนั้นเราคุยกับ OEM เยอะมากเลยค่ะ อยากหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจจริง ๆ ว่าเราไม่ได้มองแค่สั่งผลิตสินค้า แต่เรามองถึงความสม่ำเสมอในทุกล็อต คุณภาพที่ลูกค้าจะได้รับ และความปลอดภัยหลังการติดตั้ง เราหาคนที่อยากเติบโตไปด้วยกัน”
คุณเม่ ผู้บริหารรุ่นสองของโนวาบาธ เล่าด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่จริงใจ
ก่อนจะได้พาร์ตเนอร์โรงงานที่ใช่ คุณเม่ต้องคุยกับโรงงานมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งทดลองผลิต ฝึกเทสต์คุณภาพ และทดสอบความเสถียรในระยะยาวหลายต่อหลายรอบ
“เราไม่เคยปิดบังเลยว่าแบรนด์เราทำจากจีน แต่ของจีนมีหลายเกรด มีหลายโรงงาน แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกยังไง เช็กยังไง และดูแลยังไง ซึ่งเราดูมาหลายที่มากๆ และ เลือกเฉพาะพาร์ทเนอร์ที่เราไว้ใจ
คุณเมเม่ยังเล่าให้ฟังอีกว่า โรงงานที่เลือกมาอาจไม่ได้ใหญ่ที่สุดในแง่ขนาด แต่เขาคือโรงงานที่เข้าใจแบรนด์ของเรา แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่ผลิตแล้วจบ แต่เขากล้าร่วมคิด กล้าร่วม QC กล้าโตไปกับเรา
Bath Meets Art
แนวคิดหลักที่สร้างความแตกต่าง
ตลอดที่ผ่านมาโนวาบาธมียึดแนวคิดหลักของแบรนด์เสมอว่า ‘Bath Meets Art’
คอนเซปต์ที่ไม่ได้ให้แค่ความสวยงาม แต่ เป็นการ sourcing หาสินค้าที่มีดีไซน์ที่แตกต่าง เปรียบเสมือนงานศิลปะในห้องน้ำ ที่ต้องเข้าได้กับทุกห้องน้ำ ใช้งานได้จริง ในราคาที่จับต้องได้
“มีใครบ้างที่ไม่ชอบให้มีงานดีไซน์ หรืองานศิลปะอยู่ในพื้นที่ของเรา และเราจะทำอย่างไรให้งานศิลปะเหล่านั้น ทุกคนสามารถฝันและครอบครองได้” สินค้าของโนวาบาร์ธจึงมีความแตกต่าง และนำเสนอฟังค์ชั่นใหม่ๆ โดยที่ยังคงความง่ายต่อการติดตั้งและบำรุงรักษา
“เราไม่ใช่บริษัทใหม่ แต่เราเป็นบริษัทแรกๆ ของ Industry นี้ และเชื่อว่าบริษัทเราเก่าแก่มากพอที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และในขณะเดียวกัน ก็ยังทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในความรู้เรื่องของคุณภาพ ระบบโครงสร้างงานประปา ด้วยราคาที่เหมาะสม และไม่เป็นภาระต่อลูกค้าในอนาคตอย่างแน่นอน”
“การไม่สร้างภาระลูกค้าคืออะไร?”
พวกเราตั้งคำถามกับคุณเมเม่ต่อ
คุณเมเม่ยิ้ม ก่อนจะให้เราหลับตานึกภาพตามในหนังซีรีย์ต่างๆ ที่มักเจอฉากคนรวยอาบน้ำหรูๆ สบายๆ เพียงกดรีโมต ก็สามารถควบคุมระบบน้ำได้ทั้งหมด
สำหรับเราที่ดูมันว้าวมาก ไฮเทคสุดๆ แต่กลับกันในชีวิตเรา ถ้าวันหนึ่งมันพังขึ้นมา ใครจะช่วยซ่อมให้เราในวันหยุด หรือถ้าไฟดับ จะนอนแช่น้ำอย่างสงบได้จริงมั้ย?
เพราะในชีวิตจริง เมื่อเวลามีปัญหาที่บ้าน ไม่ใช่ทุกคนมีช่างมือโปรอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ทุกคนจะทำทุกอย่างเป็น และในความเป็นจริงน้ำกับไฟฟ้าไม่เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แทนที่จะใส่เทคโนโลยีเข้าไปจนเกินจำเป็น คุณเมเม่กลับย้อนคิดถึง “ความเรียบง่าย” ในวันที่บ้านไม่มีช่าง ในวันที่ไม่มีเวลาศึกษาคู่มือ หรือในวันที่ไฟกับน้ำอาจกลายเป็นภัยแทนความสุข
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมโนวาบาธจึงถูกออกแบบให้ ทุกๆ แบบใช้งานได้ง่าย เข้าใจง่าย เป็นระบบ Manual ไม่พึ่งพิงระบบไฟฟ้า ไม่ต้องใช้ชิป ไม่ต้องใช้รีโมต ไม่ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เปลืองพลังงาน รวมถึงเตรียมพร้อมการเซอร์วิสอะไหล่ในอนาคตเสมอๆ
และความ Manual เหล่านี้ไม่ได้ทำให้โนวาบาธยอมลดคุณภาพลงไปเลย กลับกันยิ่งทำให้แบรนด์ต้องตีโจทย์ใหม่ “เราจะออกแบบสินค้าอย่างไรให้ลูกค้าดูแลเองได้”
โดยที่ลูกค้าไม่ต้องรอช่าง ไม่ต้องเสียเงินมาก แค่มีปลั๊กไฟธรรมดา มีสายดินที่ปลอดภัย ลูกค้าก็สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะถ้าสวยดูดีแต่สร้างปัญหาในภายหลัง จากความสุขอาจจะกลายเป็นความทุกข์ ไม่อยากให้ลูกค้าคิดแบบนั้น เราจึงแก้ตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า
ความท้าทายของทายาทรุ่นที่สอง
ขึ้นชื่อว่าธุรกิจ ไม่เคยมีคำว่าง่าย..
พอเราทราบถึงเรื่องราวและแนวคิดของแบรนด์กันไปแล้ว ทีนี้คำถามต่อมาคือ คุณเมเม่ท้อบ้างหรือเปล่ากับการเป็นทายาทรุ่นสอง
แม้จะเป็น ทายาทรุ่นสอง ที่หลายคนอาจคิดว่ามีต้นทุนพร้อม แต่สิ่งที่คนไม่เคยเห็น คือความท้าทายของการ “อยู่ตรงกลาง” ระหว่างความสำเร็จแบบเดิมของรุ่นพ่อแม่ กับความเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ที่โลกวันนี้เรียกร้อง
ความท้าทายคุณเมเม่ไม่ใช่แค่การทำแบรนด์เพียงเท่านั้น แต่คือการที่เธอต้องบริหารทั้งคนรุ่นพ่อแม่ที่มีแนวคิดต่างกัน และการเทรนนิ่งพนักงานรุ่นใหม่ให้เข้าใจในสินค้า ระบบ และทัศนคติของแบรนด์ให้ตรงกัน
ปัจจุบันคุณเมเม่ยังมองคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่อยู่ เธอจึงรู้ว่าทางยุคคุณแม่ก็จะมีวิธีจัดการบริหารในแบบของเขาที่เคยได้ผลมาก่อน แต่พอถึงยุคที่เราเกิดมาพร้อมกับโลกออนไลน์และเทคโนโลยีดีกว่าก็จะมีความคิดที่ต่างกับรุ่นเจนแม่
นี่จึงเป็นความท้าทายใหญ่ที่คุณเมเม่ต้องเจอ เพื่อพิสูจน์ตัวเองทั้งกับครอบครัว และพนักงาน
และสิ่งที่ทำให้คุณเมเม่ยืนอยู่ตรงนี้ได้เสมอ คือคำว่า “แฟร์ เร็ว จริงใจ”
ทุกการเรียนรู้…มักมาพร้อมความอึดอัดเสมอ
นี่คือสิ่งที่คุณเมเม่ได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีของการบริหารธุรกิจต่อจากคุณแม่
โดยเริ่มจากเธอสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆ หรืออยากพาแบรนด์ก้าวไปอีกขั้น ทุกความสำเร็จมักเริ่มต้นจากช่วงเวลาที่ไม่สบายใจ เต็มไปด้วยความเครียด และความกดดัน
คุณเมเม่มองสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือน “สัญญาณที่ดี” เพราะความอึดอัดคือเครื่องหมายว่าเรากำลังเปลี่ยนแปลง
“ไม่มีใครอยากให้พนักงานเหนื่อยฟรี” คุณเมเม่พูดด้วยความจริงใจ
“ถ้าคุณผ่านมันไปได้ โอกาสก็จะมากขึ้น รายได้ก็จะดีขึ้น และวันหนึ่ง คนรอบข้างจะพร้อมผลักคุณไปข้างหน้าอย่างที่คุณไม่คาดคิด”
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราอาจจะต้องวิ่งให้เร็วพอ ทนแรงกดดันให้ไหว และเชื่อในตัวเองให้มากกว่าความกลัวที่อยู่ในใจ เพราะสุดท้ายแล้ว ความสำเร็จไม่ได้รอแค่คนเก่งที่สุด แต่มันรอ…คนที่ “ไม่หยุดวิ่ง”
และนี่คือสิ่งที่คุณเมเม่บอกกับทีมของเธอเสมอ เพราะเธอรู้ดีว่า…เบื้องหลังของทุกแบรนด์ คือคนที่กล้าก้าวข้ามความอึดอัด และเติบโตไปพร้อมกัน
จึงเป็นที่มาของคำว่า “แฟร์ เร็ว จริงใจ” ถ้าคุณเร็วไปพร้อมกับเรา เราก็พร้อมจะจริงใจและแฟร์กับความทุ่มเทของคุณเช่นกัน
40 ปีที่ Novabath ไม่เคยคิดจะหยุดพัฒนา
การเดินทางจากอดีตมาจนถึงวันนี้
จุดที่โนวาบาธกำลังเติบโต มีหน้าร้าน มีโชว์รูม มีทีมกว่า 200 คนทั่วประเทศ
จุดที่ทุกวันนี้คือมีต่างชาติเริ่มเดินเข้ามาแล้วขอซื้อ “รุ่นที่นวดได้ 8 จุด”
รวมถึงจุดที่ได้ส่งสินค้าให้กับโครงการชั้นนำในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงโรงแรมเชนใหญ่ๆ จนถึงโรงแรมระดับ 6 ดาว
เคยมีลูกค้าบางคนที่ยังลังเล แต่ท้ายที่สุดก็เดินกลับออกจากร้านพร้อมรอยยิ้มเพราะ “ชอบแบรนด์เรา เพราะเราช่วยหาทางให้ชีวิตเขาดีขึ้น”
เราได้เห็นโลกไม่หยุดพัฒนาฉันใด ก็เฉกเช่นเดียวกับโนวาบาธที่ไม่เคยหยุดพัฒนาฉันนั้น เพราะในอนาคต โนวาบาธจะไม่หยุดอยู่แค่ฝักบัวกับอ่าง แต่จะมีไลน์สินค้าใหม่ อย่างโปรเจกต์กับสัตว์เลี้ยง เช่น ฝักบัวสำหรับสัตว์โดยเฉพาะออกมาด้วย
ความสบายใจระยะยาวที่ Novabath กล้ารับประกัน
ถ้าวันนี้ทุกคนเข้าไปสอบถามกับโนวาบาธ คุณจะได้ยินคำตอบอย่างมั่นใจ ว่าพวกเขากล้ารับประกันสินค้า กล้าให้ข้อมูลอย่างเปิดเผย และกล้าบอกว่า “เรามีอะไหล่ให้แม้คุณจะใช้มันไปนานกว่า 10 ปี” เพราะสิ่งที่แบรนด์ขาย… ไม่ใช่แค่ของใช้ในห้องน้ำ แต่คือ ‘ความสบายใจระยะยาว’ ที่คุณพกติดตัวกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของ “โนวาบาธ” จากบทสนทนาของ “คุณเมเม่” มันทำให้เราหยุดคิด และมองพื้นที่เล็ก ๆ ในห้องน้ำไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
มันไม่ใช่แค่เรื่องของการออกแบบสุขภัณฑ์ หรือการเลือกฝักบัวที่สวยสักอัน แต่มันคือวิธีคิดของคนที่มองว่า “ห้องน้ำ” ควรเป็นที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย เป็นที่ที่เรากลับมาเจอความสบายใจหลังวันที่เหนื่อยล้า และนั่นทำให้เรารู้สึกเลยว่า เรื่องนี้…มันไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่มันคือความตั้งใจของคนคนหนึ่ง ที่อยากให้ทุกบ้านมีพื้นที่เล็ก ๆ ที่เอาไว้รักตัวเองได้ทุกวัน
เราจะได้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นโนวาบาธอย่างวันนี้ คุณเมเม่ไม่ได้แค่สานต่อธุรกิจครอบครัว แต่เธอก้าวผ่านความอึดอัด ความกดดัน การต้องอยู่ตรงกลางระหว่างรุ่นพ่อแม่ที่มีวิธีคิดแบบหนึ่ง กับทีมรุ่นใหม่ที่โตมากับโลกอีกแบบหนึ่ง
และทั้งหมดนั้น เธอไม่ได้เล่าด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่เล่าด้วยสายตาที่เข้าใจว่าทุกความท้าทาย มันมีเหตุผลของมัน
สิ่งที่อบอุ่นที่สุดในเรื่องนี้คือ ความจริงใจของแบรนด์ ที่เราในฐานะผู้อ่านยังสัมผัสได้
ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ต้องพยายามขายของ
แค่บอกว่า ถ้าคุณยังลังเล เขายินดีนั่งคุยกับคุณก่อน หรือถ้ายังไม่มั่นใจก็สามารถมาทดลองที่โชว์รูมได้เช่นกัน และถ้าสุดท้ายคุณจะไม่ชอบ นั่นก็ไม่เป็นไรเลย!
เพราะภาพความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
หากใครกำลังเริ่มทำธุรกิจ หรือฝันอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง เรื่องราวของ “โนวาบาธ” อาจเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ดีในยุคนี้
เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการรับช่วงต่อจากครอบครัว แต่มันคือการพาธุรกิจปรับตัวจากการนำเข้าสินค้าในยุคที่ยังไม่มีห้างวัสดุก่อสร้าง มาสู่การรีแบรนด์ใหม่ที่เข้าใจของผู้ใช้งานจริง
ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังเริ่มสร้างแบรนด์ อย่าเพิ่งถามแค่ยอดขายหรือกำไร แต่ลองถามตัวเองว่า สิ่งที่คุณกำลังสร้าง…
- ช่วยให้ใครใช้ชีวิตง่ายขึ้นไหม?
- ทำให้ใครสบายใจขึ้นบ้าง?
- หรือทำให้ใครรักตัวเองขึ้นได้สักนิดไหม?
เพราะบางที “ความสำเร็จ” อาจไม่ใช่แค่การมีของวางเต็มห้าง แต่มันคือ “การที่ธุรกิจของคุณสามารถเข้าไปแก้ไขช่วงเวลาเล็ก ๆ ของชีวิตใครบางคน” เหมือนที่โนวาบาธทำสำเร็จอย่างในทุกวันนี้ก็เป็นได้
