ถ้าวันนี้เราพูดถึงร้านสเต๊กเนื้อ หลายๆ คนก็คงนึกถึงร้านสเต๊กเนื้อที่เข้าไปแล้วจะมีเมนูเนื้อให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ส่วนของเนื้อ ประเภทของเนื้อ ไปจนถึงเกรดของเนื้อ
แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักร้านสเต๊กเนื้อแห่งหนึ่งที่มีเมนูเนื้อวัวให้เลือกแค่ 3 เมนูเท่านั้น!!
ร้านนี้มีชื่อว่า Medium Rare Steak & Wine เป็นร้านสเต๊กที่มีประวัติยาวนานมานานกว่า 8 ปี ตั้งอยู่บนถนนประดิพัทธ์ ห่างจาก BTS อารีย์เพียงแค่ 5 นาที ซึ่งต้องบอกเลยว่าต้องเป็นคนที่ตั้งใจจะมากินเท่านั้นถึงจะเจอร้านนี้
โดยทางร้านมีเมนูสเต๊กเนื้อให้เลือกแค่ 3 เมนูเท่านั้น ได้แก่ส่วน Filet Mignon, Ribeye และ Tomahawk ซึ่งเป็นเนื้อ 3 ส่วนที่ขึ้นชื่อว่านุ่มที่สุดแล้วในวัวหนึ่งตัว
ยกตัวอย่างเช่นเนื้อ Filet Mignon ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อที่นุ่มที่สุด ถึงขั้นละลายในปากได้เลย หรือจะเป็นเนื้อส่วน Ribeye ที่เป็นเนื้อส่วนที่อยู่ตรงกลางตัววัวไขมันแทรกค่อนข้างเยอะ หรือจะเป็นเนื้อส่วน Tomahawk จะเป็นเนื้อที่อยู่ติดส่วนซี่โครงที่ใหญ่ที่สุด มีทั้งเนื้อและไขมันได้ทั้งความนุ่มและชุ่มฉ่ำ
ซึ่งเนื้อที่ทางร้านใช้จะมาจากออสเตรเลียและเป็นการเลี้ยงแบบ Grain Fed เท่านั้น หรือก็คือเป็นวัวที่กินแต่ธัญพืช เพราะจะทำให้ตัวเนื้อมีกลิ่นหอมเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ และมีปริมาณไขมันแทรกที่มากกว่าเนื้อทั่วไป
“เวลาลูกค้ามาทาน ผมก็อยากให้ลูกค้ามากินแล้วรู้สึก appreciate ในทุกคำที่กินเลย ไม่ใช่รู้สึกว่าเฉยๆ หรือว่าก็แค่อร่อยดีนะ เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจเอาเมนูที่เหลือออก และเหลือไว้แค่ 3 เมนูสเต๊กเนื้อที่ผมคิดว่าอร่อยที่สุดแล้ว ในแต่ละส่วนของมัน” นี่คือคำพูดจาก คุณเนศ ธเนศ เทียนทำนูล เจ้าของร้าน Medium Rare
วันนี้พวกเรา LifeStory เลยจะพาไปดูเรื่องราวความอร่อยที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากร้านสเต๊ก Medium Rare Steak&Wine กัน
Appetizer
จุดเริ่มต้นของร้านสเต๊ก Medium Rare Steak & Wine เกิดจากความชอบของคุณเนศที่ทุกครั้งเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อน หรือเวลาที่บ้านมีจัดงานเลี้ยง ก็จะเป็นคุณเนศเสมอที่ลงครัวมาทำอาหารให้ทุกคนกินกัน
ซึ่งแน่นอนว่า สเต๊ก ก็เป็นอาหารที่คุณเนศชอบทำมากที่สุด
“เวลาเราปาร์ตี้กับเพื่อน เราก็อยากได้อะไรที่มันเร็วๆ ไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเยอะ นี่เลยเป็นสาเหตุที่เราชอบทำสเต๊กมาก เพราะแค่หยิบเนื้อออกมาจากตู้เย็น ลงกระทะ ใส่เกลือนิดใส่พริกไทยหน่อย ก็อร่อยแล้ว” คุณเนศเล่าย้อนถึงอดีตให้ฟัง
ทุกครั้งที่คุณเนศทำอาหาร คุณเนศก็จะชอบเสนอวิธีการทำใหม่ๆ อยู่เสมอ ลองใส่นู่นลงไปดีไหม ใส่นี่ลงไปจะเป็นยังไง แล้วก็เก็บข้อเสนอจากทุกคนมาพัฒนาสูตรอยู่เรื่อยๆ จุดนี้เลยทำให้สเต๊กของคุณเนศเริ่มมีรสชาติที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ขึ้น จนหลังๆ ทุกคนก็จะเริ่มชมฝีมือการทำสเต๊กของคุณเนศว่า “อร่อยมาก”
จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนที่คุณเนศเริ่มรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่ใช่ความชอบของตนอีกต่อไป คุณเนศเลยลองหาอะไรอย่างอื่นทำดู
และประจวบเหมาะกับที่วันนั้นมีกินเลี้ยงกับที่บ้าน และก็เป็นคุณเนศอีกเช่นเคยที่ลงไปทำสเต๊กมาให้ทุกคนทาน ซึ่งทุกคนก็พูดตลอดเลยว่า
“มันอร่อยมากกก!! เปิดร้านเถอะเนศ”
สิ่งนี้ได้จุดประกายให้คุณเนศรู้สึกว่า เราควรได้ทำในสิ่งที่เราชอบ คุณเนศจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และมุ่งมาเปิดร้านสเต๊กที่มีชื่อว่า Medium Rare Steak & Wine โดยใช้ประสบการณ์ รวมถึงความรู้ในการทำสเต๊กมาตลอด 10 ปีมาใช้ในการทำร้านอาหารครั้งนี้
Salad & Soup
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกการเดินทางย่อมมีอุปสรรค เช่นเดียวกับธุรกิจร้านสเต๊กของคุณเนศ
“ตอนผมเปิดร้านใหม่ๆ เชฟดีๆ เก่งๆ นี่หายากมากกก กว่าจะได้มาแต่ละคน ต้องเรียกมาสัมภาษณ์เกือบ 40 คน” คุณเนศเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
เพราะการคัดเชฟเป็นอะไรที่คุณเนศให้ความสำคัญมาก เพราะต่อให้วัตถุดิบจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเชฟทำไม่เป็น ก็จะไม่สามารถดึงความอร่อยออกมาจากวัตถุดิบได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
หนึ่งในวิธีคัดเชฟของคุณเนศ คือการนำเนื้อ 6 ชิ้นมาตั้งตรงหน้าเชฟและบอกเชฟเลยว่า ตนอยากได้เนื้อความสุกระดับไหนบ้าง หากเชฟคนไหนสามารถย่างได้เป๊ะๆ ครบทั้ง 6 ชิ้นก็จะผ่านการคัดเลือก
ซึ่งเคยมีครั้งนึงที่เชฟลาออก แล้วคุณเนศหาเชฟคนใหม่ที่ผ่านคุณสมบัติมาไม่ทัน คุณเนศเลยลงมาเป็นเชฟเฉพาะกิจในตอนนั้นเองเลย
“ตอนนั้นเวลาลูกค้าเข้าร้านก็จะแซวตลอดเลยว่า วันนี้โชคดีแล้ว ได้กินอาหารฝีมือเจ้าของ เพราะครัวผมเป็น Open Kitchen และตั้งอยู่ชั้นล่าง ยังไงลูกค้าก็ต้องเห็น” คุณเนศเล่าพร้อมขำไป
ในฝั่งของวัตถุดิบ คุณเนศก็ลองเลือกซื้อเนื้อมาจากหลายเจ้ามากๆ เพื่อมาลองชิม จนได้เนื้อที่ตัวเองกินแล้วถูกใจ ที่สำคัญเนื้อที่ตนเลือก ราคาก็ยังต้องเหมาะสมกับคุณภาพนั้นๆ อีกด้วยนะ ทั้งนี้เพราะคุณเนศจะถือคติไว้เสมอว่า ถ้าเรายังไม่ชอบ แล้วลูกค้าจะชอบได้ยังไง
โดยเนื้อที่คุณเนศเลือกจะเป็นเนื้อออสเตรเลียแบบ Grain Fed เท่านั้น ซึ่งเป็นเนื้อจากฟาร์มที่มีชื่อว่า Rangers Valley เพราะตัวเนื้อของที่นี่ จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและรสชาติที่เข้มข้น
ในตอนที่คุณเนศเลือกเนื้อนั้น คุณเนศยังไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับฟาร์มนี้เลยจนกระทั่ง..
“ตอนนั้นมีลูกค้าฝรั่งคนนึงเดินเข้ามาในร้านผม แล้วเขาก็ตกใจมากตอนรู้ว่าผมสั่งเนื้อมาจาก Rangers Valley เขาพูดว่าคุณรู้มั้ย ฟาร์มนี้เป็นฟาร์มเนื้ออันดับหนึ่งของออสเตรเลียเลยนะ” คุณเนศเล่าถึงตอนที่เปิดร้านช่วงแรกๆ แล้วมีลูกค้าฝรั่งเดินมาทัก
นี่เลยยิ่งย้ำให้เนศมั่นใจขึ้นไปอีกว่าวัตถุดิบที่ได้มานั้น เป็นของดีมีคุณภาพอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าหลังจากมีเชฟที่เก่งและวัตถุดิบที่ดีแล้ว อย่างสุดท้ายที่ต้องมีก็คือสูตรที่อร่อย
ซึ่งตัวสูตรนั้น คุณเนศก็เอามาจากประสบการณ์การทำสเต๊กกว่า 10 ปีของตัวเองที่คุณเนศคอยเก็บข้อเสนอแนะจากทุกคนและนำมาพัฒนาอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง ทำให้ใช้เวลาอีกไม่นาน สูตรประจำร้านนั้นก็เสร็จสมบูรณ์
และแล้วร้าน Medium Rare Steak & Wine ก็ได้ถือกำเนิดเปิดตัวขึ้นมา
“ตอนช่วงเปิดร้านแรกๆ ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ แต่มีลูกค้าชาวอเมริกันคนนึง จำได้ว่าชื่อคุณเชส เขาลองมากินสเต๊กที่นี่แล้วก็บอกว่า รู้มั้ยผมเดินทางกินสเต๊กมาทั่วโลกแล้ว แต่ผมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอสเต๊กที่ดีขนาดนี้ในเมืองไทย”
“ตอนนั้นผมฟังแล้ว ผมใจฟูเลย แบบมันรู้สึกดีมากๆ” คุณเนศกล่าวให้ฟัง
และในที่สุดสิ่งที่คุณเนศทำมาก็ออกผล เพราะหลังจากเปิดร้านมาไม่นาน ร้าน Medium Rare ก็ติดเป็นร้านอันดับ 1 ใน Trip Advisor รวมถึงได้ Wongnai User Choice ถึง 5 ปีซ้อนด้วยกัน และร้านนี้ก็ได้กลายเป็นร้านในดวงใจของใครหลายๆ คน
Main Course
“ร้านเรามีเมนูสเต๊กแค่ 3 เมนูหลักเท่านั้น เพราะอยากให้คนได้กินเนื้อที่อร่อยจริงๆ เมนูไหนมีคนคอมเมนต์ว่าไม่อร่อยหรือยังไม่ดีพอ เราตัดทิ้งเลย”
“แต่นี่ไม่ใช่ว่าทั้งหมดมีแค่ 3 เมนูนะ คือหลักๆ เรามีแค่เนื้อวัว 3 เมนู แต่ถ้าใครอยากกินเมนูเนื้ออื่นๆ ก็สามารถสั่งได้ แค่ต้อง pre-order ล่วงหน้าไว้ ” เนศพูดพร้อมหัวเราะไป
ซึ่งหลังจากที่ฟังมา ทำให้ยิ่งอยากรู้เลยว่า แล้ว 3 เมนูสเต๊กที่เหลืออยู่ของคุณเนศนั้น มันจะอร่อยขนาดไหนกันเนี่ย พวกเราเลยจะมารีวิวให้ฟังกันตอนนี้เลย
ซึ่งหนึ่งใน 3 เมนูเนื้อเด็ดๆ นั้นก็ได้แก่เมนู “Australian 270-days Grain-Fed Black Angus Tomahawk” นั่นเอง
ต้องบอกเลยว่าพอจานแรกลงมาวางปุ๊ป ก็ได้กลิ่นเนื้อย่างคู่กับกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ลอยเข้าจมูกทันที เรียกได้ว่ายั่วน้ำย่อยในกระเพาะได้พอสมควรเลยทีเดียว
สีเนื้อด้านในชมพูดูอลังการมาก สมชื่อร้าน Medium Rare สุดๆ ซึ่งบอกเลยว่าพอได้ชิมจานนี้เข้าไปอยากจะตะโกนออกมาว่า (อร่อยมาก!!!!!)
รสชาติมันลงตัวมากๆ ทั้งรสเค็มจากเกลือ กลิ่นสมุนไพร และรสชาติของเนื้อ ประสานกันอย่างลงตัว จนอยากที่จะหยิบชิ้นต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดมือ
ซึ่งจุดจบจานนี้จบไปที่การแทะเนื้อที่ติดอยู่ทั่วทั้งกระดูกแบบหมดจด
ความสุขจานแรกผ่านไป ความสุขชิ้นใหญ่ๆ ก็ตามมากับเมนูที่สอง Whole live lobster ซึ่งเป็นเมนู seafood ที่ทางร้านจะนำบอสตันล็อบสเตอร์จากอเมริกาตัวเป็นๆ มาทำอาหารเลย
เน้นว่าเค้าใช้ล็อบสเตอร์แบบเป็นๆ จริงๆ นะ
ตอนจานมาเสิร์ฟ ความรู้สึกแรกคือจัดจานอลังการมาก จากนั้นพวกเราก็บรรจงหมุนเส้นแล้วเอาเข้าปาก เท่านั้นแหละ โอ้โห อยากจะตะโกนในใจอีกครั้งว่า (อร่อยยยยย!!!!!)
เข้าใจก็วันนี้ว่าล็อบสเตอร์ที่สดจริงๆ รสชาติมันเป็นยังไง
เนื้อล็อบสเตอร์มีความหวาน และมีความเด้งสู้ฟันฉ่ำๆ ประกอบเข้ากับพาสต้าความสุกระดับ Al Dente ให้รสสัมผัสที่แน่นหนึบนัวๆ กินเพลินๆ อีกทั้งการที่ร้านใส่ไข่กุ้งและมันกุ้งของบอสตันล็อบสเตอร์เข้ามาด้วยแล้วนั้น คือยิ่งดันบาร์ความอร่อยให้เข้มข้นเกินกว่าจะจินตนาการได้จริงๆ
ตัวก้ามล็อบสเตอร์ก็สามารถกินเนื้อด้านในของมันได้ ซึ่งตอนแกะก้าม เนื้อมันหลุดมาทั้งอันเลย แบบไม่ต้องใช้แรง ที่สำคัญเนื้อหวานและเด้งมาก ใครเป็นสายล็อบสเตอร์คือต้องไปลองสักครั้ง
นอกจากเมนู Main Dish ต่างๆ Side Dish เองก็อยากจะยกย่องชูเกียรติให้เหมือนกันกับเมนู Fresh Buratta with Grilled Veggie & Tomatoes
ตัวเมนูนี้จะเป็นสลัดชีสมะเขือเทศ ที่นำ Burrata ชีสสดจากนมวัว ซึ่งภายนอกดูเนื้อหนึบๆ แต่เมื่อกัดเข้าไป ภายในกลับมีเนื้อครีมหวานนัวๆ ซ่อนอยู่ พอมากินเข้าคู่กับมะเขือเทศสด บอกเลยว่าสดชื่นเฟรชๆ แบบเต็มร้อย
ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ไม่คาดคิดว่าแค่สลัดจานเดียว มันทำได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ อยากจะตะโกนดังๆ ว่า (อร่อยยยยยย!!!!!) อีกสักรอบ
ตัวชีส มะเขือเทศและซอสท็อปปิ้งเข้ากันได้ดีอย่างลงตัว ความหวานของมะเขือเทศ บวกกับรสเปรี้ยวนิดๆ ของซอส และจบท้ายด้วยความมันจาก Burrata บอกได้เลยว่าเป็น Perfect Combination เมนูที่หาคนทำอร่อยๆ ได้ยากในไทยจริงๆ
“จริงๆ เนื้อแกะก็เป็นอีกหนึ่ง Signature Menu ของทางร้าน ซึ่งที่นี่กล้าพูดเลยว่าทำออกมาแล้ว เนื้อไม่มีกลิ่นสาปและรสชาติเด็ดมาก ใครที่เคยไม่ชอบกินแกะ ต้องมาลอง” คุณเนศกล่าวทิ้งท้าย
Dessert
โดยรวมแล้วร้าน Medium Rare Steak & Wine เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะตัวร้านนั้นไม่ได้ขายแต่สเต๊กเนื้อ แต่มีเมนูอื่นให้เลือกอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นซีฟู้ด พาสต้า หรือ สลัด ทำให้เข้าถึงได้กับทุกเพศทุกวัย จึงทำให้เหมาะแก่การมา everyday dining หรือ corporate dinner มากๆ
หรือบางคนที่อยากทานของหายากหรือพรีเมี่ยมก็สามารถมาลองที่ร้านนี้ได้เหมือนกัน
เพราะทางร้านให้ลูกค้าสามารถโทร request วัตถุดิบที่อยากจะกินได้ ไม่ว่าจะเป็นปูอลาสก้า หรือ กุ้ง lobster ตัวใหญ่
และท้ายที่สุด พลาดไม่ได้เลยคือสำหรับสายเนื้อ ใครที่ว่าตามล่าหาสเต๊กเนื้อมาทั่วไทยแล้ว บอกเลยว่าควรค่าอย่างยิ่งกับการเพิ่มร้าน Medium Rare Steak&Wine ลงไปเป็นอีกหนึ่ง Checklist ที่ต้องมา!!
————————————————————————-
ร้านสเต๊ก Medium Rare Steak & Wine
Location : 12/1 ถ. ประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400 (Medium Rare Steak & Wine)
Opening Hours : อังคาร-ศุกร์ 15.00-23.00 , เสาร์-อาทิตย์ 12.00-23.00 (ปิดวันจันทร์)
Tel : 063-838-5389