ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี เวียดนามก็ไปมาแล้ว แล้วเราจะพลาดประเทศจีน หนึ่งในแผ่นดินใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดในโลกไปได้ยังไง?! ด้วยความที่ประเทศจีนนั้นมีความกว้างขวาง ไม่ว่าจะคมนาคม ที่เที่ยว อาหาร หรือโรงแรม ที่พัก ก็คือมีมากมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาที่แห่งนี้
แต่สำหรับใครที่ไปเที่ยว แต่กำลังสงสัยว่า ไปจีนต้องเตรียมอะไรบ้างก็ห้ามพลาดคอนเทนต์นี้! เพราะวันนี้พวกเรา Lifesara จะพาทุกคนมาหาความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการเข้าประเทศจีน
ว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง เตรียมตัวแบบไหน เอกสารที่ต้องใช้ตอนขอวีซ่าจีนคืออะไร และการจองเครื่องบินขั้นตอนเป็นยังไง ซึ่งเราจะบอกแบบจัดเต็มให้จบภายในบทความนี้เลยทุกคน ส่วนจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามเลยค่า
สิ่งที่ต้องรู้ในการขอวีซ่าจีน
ขั้นตอนการขอวีซ่าจีน
- ทำแบบฟอร์มขอวีซ่า โดยเข้าไปที่เว็บแบบฟอร์มวีซ่า > เลือก Thailand
- เมื่อกรอกเสร็จเรียบร้อย ให้นำเลข CNX ที่กรอกเสร็จแล้ว ไปจองวันอีกที
- นัดจองวันแบบออนไลน์เพื่อไปศูนย์ทำวีซ่า แนะนำว่าให้ทำก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ขึ้นไป (ถ้าด่วนมากก็จ่ายหนักเลย)
- ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าจะมีอยู่สามแบบ นั่นคือ
- แบบธรรมดาไม่รีบ
- รอ 4-7 วัน
- 1,000 บาท
- แบบด่วน
- รอ 3 วัน
- 1,800 บาท
- แบบด่วนมาก
- รอภายในวันเดียว
- 2,200 บาท
- แบบธรรมดาไม่รีบ
____ ____ ____ ____ ____ ____ ____ ____
เอกสารที่ต้องเตรียมยื่นขอวีซ่า
- หลักฐานการจองแบบฟอร์มขอวีซ่า (ที่ลงเว็บไว้)
- พาสปอร์ตตัวจริง หรือพาสปอร์ตเล่มเก่า
- รูปถ่าย ที่ต้องเป็นพื้นหลังสีขาวเท่านั้น มีขนาด 2 นิ้ว หรือ 33 มม. 48 มม.
- เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน ขาไปและขากลับ
- เอกสารการจองโรงแรมที่พัก
- ประกันการเดินทาง (ถ้ามี)
- Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือน กับสมุดบัญชีเงินฝาก (ถ้ามี)
- ใบรับรองเอกสารการฉีดวัคซีน 3 เข็ม (เผื่อไว้)
____ ____ ____ ____ ____ ____ ____ ____
เอกสารที่ต้องเตรียมเผื่อให้ตม.ดู
- QrCode กรอกก่อนเช็กอินขาไป เพื่อโชว์หน้าเคาน์เตอร์ก่อนถึงที่หมาย 24 ชม. (ต้องสแกนคิวอาร์ภายใน 24 ชม.)
- วีซ่าไปจีน
- พาสปอร์ต หนังสือเดินทางอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- เอกสารการจองที่พัก
- เอกสารรับรองการทำงาน
- ใบรับรองเอกสารการฉีดวัคซีน 3 เข็ม (เผื่อไว้)
- กรอกใบตรวจคนเข้าเมือง (สามารถกรอกได้ในบนเครื่องบิน)
พิเศษทางเลือกใหม่สำหรับคนไม่ว่างทำวีซ่า!
อีกวิธีที่ใครไม่อยากยุ่งยากสามารถให้บริษัททัวร์ทำให้ได้เสียค่าบริการเพิ่ม แต่บอกเลยสบายมากขึ้น เหมาะมากสำหรับ ใครไม่มีเวลาทำ แต่แนะนำให้ดูบริษัทรับทำดีๆ น้า
เช็กลิสต์ไปจีนต้องเตรียมอะไรบ้าง
- พาสปอร์ต เป็นเหมือนบัตรประชน พกไว้ในการซื้อตั๋วรถต่างๆ
- โหลดแอป VPN เพราะที่จีนบล็อกสัญญาณต่างๆ เพื่อปลดล็อกสัญญาณในการเล่น (แต่ถ้าใช้ SIM ไทย ให้ใช้โรมมิ่งไปเลยเพราะจะใช้ได้ปกติ ไม่ต้องมุด VPN)
- พกยาสามัญประจำบ้านไปด้วย เช่น ยาพารา ยาลดกรด ยาแก้ท้องอืด ยาแก้ท้องเสีย
- ปลั๊กพ่วง
- สมัคร Alipay ไว้จะดีมาก เพราะประเทศนี้ไม่ค่อยใช้เงินสด เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย
การจองตั๋วเครื่องบิน
ในเมื่อเราเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาจองตั๋วกันดีกว่า สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าควรขึ้นกับสายการบินที่ไหนดี? จะบอกว่า AirAsia ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก โดยสายการบินนี้เขามีบินเที่ยวละ 2 รอบต่อวัน อย่าลืมจัดการเวลาตัวเองกันด้วยนะ เอาล่ะ คราวนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบินเขาเป็นยังไงต่อ ไปดูกันเลย
1. เช็คเที่ยวบิน
เข้าเว็บเช็กเที่ยวบิน แล้วเลือก “กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-กวางโจว” หรือเสิร์ชคำว่า ‘CAN – กวางโจว’
2. เลือกวันเดินทาง
เลือกวันและเดือนที่ต้องการเดินทาง อย่าลืมเช็กดีๆ ก่อนกดจองกันน้า
3. เลือกสายการบินในเวลาที่ใช่
โดยเราได้เลือกสายการบิน AirAsia ช่วง 00:30 – 04:43 ขาไป ไปถึงจะได้เช้ามืดพอดี
4. บริการเสริมพิเศษ (Optional)
หน้านี้จะเป็นบริการเสริมพิเศษ ก่อนการชำระเงิน มีทั้งให้เลือกโหลดกระเป๋า กับน้ำหนักสัมภาระ การเลือกที่นั่ง การจองอาหารก่อนขึ้นเครื่อง รวมถึงประกันการเดินทาง แนะนำว่าให้ใช้บริการเลยเพราะคุ้มกว่ามาก
สำหรับใครที่เป็นสายคุ้ม แนะนำแพ็กเกจนี้เลย >> “แพ็กสุดคุ้ม” !
ที่ว่าคุ้ม ก็เพราะว่าตอนเลือกเป็นแพ็กสุดคุ้ม จะช่วยให้เราประหยัดกว่าตอนจองเเยกสูงสุดถึง 30% โดยที่ทุกคนจะได้ครบแบบไม่ต้องจองแยกให้เสียเงินเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, น้ำหนักกระเป๋า 20kg, เลือกที่นั่งได้ (ที่นั่งปกติ) และได้ประกันคุ้มครองการเดินทาง ส่วนใหญ่สายเที่ยวจะนิยมแพ็กนี้กันบ่อยๆ นั่นเอง
5. จองที่นั่ง
เลือกที่นั่งที่ตัวเองต้องการ ทั้งขาไป-ขากลับ
6. จองอาหาร
เลือกจองอาหารในเว็บเลย เพราะจะถูกกว่าบนเครื่องถึง 44%!! คุ้มมาก
7. ประกันการเดินทาง (Optional)
สำหรับประกันการเดินทาง ทางสายการบินจะบวกเพิ่มอีก 392.48 บาท ซึ่งเอาจริงๆ แนะนำว่าถ้าไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ให้ซื้อไปเลย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยตัวประกันจะครอบคลุมตลอดการเดินทาง
ไม่ว่าจะคุ้มครองค่ารักษาทุกอย่าง หากเกิดการล้มบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งเกิดความผิดพลาดใดๆ เช่น เครื่องบินล่าช้าหรือถูกยกเลิก อะ พอเลือกเสร็จเรียบร้อยก็ชำระเงินเลยจ้า
8. กรอกข้อมูลและชำระเงิน
ขั้นตอนสุดท้ายเราก็กรอกข้อมูล วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ภูมิภาค และเลขหนังสือการเดินทางของเราตามที่ระบุไว้แต่ละช่อง และถัดไปก็จัดด้วยการชำระเงิน
และถ้าใครอยากมาสนามบินแบบสบายๆ ไม่ต้องไปยืนรอนานๆ มีพื้นที่ให้พักชิวๆ แนะนำให้อัปเกรดระดับเป็น Red Carpet หรือการเดินทางแบบ VIP โดยซื้อเพิ่มได้ในเมนูจัดการบุ๊กกิ้ง ในราคาเริ่มต้นเพียง 599 บาทนั่นเอง
สำหรับใครที่สงสัยว่า Red Carpet (VIP) ได้อะไรบ้าง?
- เช็กอินก่อนใคร มีแถวส่วนตัว (Priority check-in)
- ห้องรับรองพิเศษที่สนามบิน พร้อมโซนพักผ่อนพิเศษและเครื่องดื่ม Signature (Access to premium lounge with Exclusive Corner & Signature Drink)
- ขึ้นเครื่องก่อนใคร (Priority Boarding)
- รับกระเป๋าก่อนใคร (Priority Baggage)
รีวิวการเดินทางไปกวางโจว
ต้องบอกก่อนว่าเราไปไฟล์ทตอน 00:30 ขึ้นที่ดอนเมือง ซึ่งปกติเราจะมาสนามบินก่อน 2-3 ชั่วโมง เพื่อจัดการหลายๆ อย่างที่สนามบิน แต่ด้วยความที่เราไม่ชอบรอสนามบินนานๆ เลยตัดสินใจซื้อแบบ VIP เลยไม่ต้องรีบ
คิดถูกมากที่ซื้อ เพราะประหยัดทั้งเวลาและซื้อความสบายใจ เราเลยมาถึงก่อน 1-2 ชั่วโมง จะได้ไปโหลดกระเป๋า ตรวจกระเป๋า แล้วก็หาอะไรกินรอ
เวลา 00:30 ดีเลย์นิดหน่อยก็ได้ขึ้นเครื่องก่อนใคร เราจะชอบเข้าไปตอนแรกๆ คนมันยังไม่อึดอัดดี
พอเตรียมขึ้นเครื่องพี่แอร์อย่างสวย เดินไหว้โค้งยิ้มต้อนรับน่ารักมาก อะ พอได้นั่งเรียบร้อย เขาก็เตรียมบอกให้คาดเข็มคัดที่เอว พร้อมกับสอนวิธีการต่างๆ สาธิตความปลอดภัยก่อนเครื่องจะแลนดิ้งสู่ท้องฟ้า
และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือของกิน!! ไก่ย่างงงงง ที่เราสั่งซื้อบนเว็บไซต์นั่นเอง มาถึงเขาก็เสิร์ฟให้เราทันที หรือใครไม่ทัน หิวก็ซื้อกินเลย หลายคนคิดว่าอาหารเครื่องบินไม่อร่อยใช่ไหม แต่จะบอกว่าตัวนี้รสชาติไม่ได้แย่เลย อร่อยแล้วราคาไม่แพงอีกต่างหาก สะดวกด้วย มีพี่ๆ แอร์คอยเดินเก็บขยะให้อีก เป็นทุกอย่างแล้ว กินแล้วก็นอนอิ่มใจสุด!
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ก่อนใกล้ถึงกวางโจวจะมีพี่แอร์นำกระดาษเล็กๆ มาให้เรากรอก เป็นกระดาษที่เอาไว้ขออนุญาตเข้าประเทศ คนที่ได้จะมีแค่นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เท่านั้น แต่แนะนำว่าให้ลงล่วงหน้าในออนไลน์ก่อนบินจะดีสุด จะได้ไม่เสียเวลาจ้า
ใกล้ตี 4 ครึ่ง เราก็มาถึงกวางโจวแล้วจ้า เตรียมไปล้างหน้าล้างตา ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับเอกสารที่เราเตรียมไว้เลยยยยย และสำหรับใครที่อยากรู้ว่ากวางโจวนั้นน่าเที่ยวจริงไหม เราจะบอกต่อข้อดีคร่าวๆ ของเมืองนี้กันนน บอกเลยว่ามีอะไรให้น่าค้นหาเยอะะ
_____________________________
ข้อดีของกวางโจว
- เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของเมืองเก่าและเมืองใหม่
- มีหลายโรงแรมทั้งถูกและแพง
- อาหารไม่แย่ เจอร้านดีคือปัง แถมราคาถูก
- เดินทางง่ายมาก มีรถไฟใต้ดินครอบคลุมหลายแห่ง
- อากาศปกติ มีทั้งร้อน หนาว ฝนตก ขึ้นอยู่กับฤดู
เป็นยังไงกันบ้าง กับการพาเที่ยวประเทศจีนแบบขั้นตอนแรกจนถึงการขึ้นเครื่องเลย สำหรับเราแล้วโดยรวมเป็นการมาเที่ยวที่แฮปปี้มากๆ เลยนะ ยิ่งพาร์ทที่เป็นพนักงานบนเครื่องคือบริการดีมาก และที่ชอบหลักๆ คืออาหารมันอร่อยจริงๆ แบบลบภาพจำเก่าๆ ของอาหารบนเครื่องที่เฉยๆ ไปเลย ไหนจะราคาน่ารักด้วย เอาจริงๆ สูสีกับที่ซื้อในสนามบินเลย
หรือใครที่มีเวลามา stand by ได้ไม่นาน ก็ฝากท้องบนเครื่องได้ สะดวกครบ สายรีบไม่ต้องหิวรอลงเครื่องอีกต่อไป และท้ายสุดแล้ว ใครอยากรู้ว่าเราไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ก็ไปติดตามบทความ 21 ที่เที่ยวในกวางโจวได้เลยยย