ปัจจุบันการรีโนเวทบ้านเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการสร้างบ้านใหม่แล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนบ้านเก่าให้กลายเป็นบ้านใหม่ที่ทันสมัย น่าอยู่และน่าใช้งานมากขึ้น วันนี้ชาว LifeSara จะมาบอกวิธีการรีโนเวท ต่อเติมบ้านยังไงให้งบไม่บานปลาย ทำให้ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของทุกคนได้เยอะเลย
สำรวจความต้องการของตัวเอง
อันดับแรกเพื่อน ๆ ควรสำรวจความต้องการของตัวเองก่อนว่าจะรีโนเวทเพื่อจุดประสงค์อะไร อยากซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย อยากเปลี่ยนฟังก์ชันให้เข้ากับการใช้งาน หรือรีโนเวทเพื่อความสวยงาม จากนั้นจัดทำเป็นรายการว่ามีส่วนไหนที่จะต้องทำบ้าง พร้อมทั้งกำหนดสไตล์ตามความชอบ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่ง
กำหนดงบประมาณและค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรีโนเวท
การกำหนดงบประมาณเป็นเครื่องที่สำคัญมากในการรีโนเวทบ้าน เพื่อควบคุมให้งบประมาณไม่บานปลาย ควรกำหนดอย่างชัดเจนและตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ว่าในแต่ละส่วนต้องใช้งบเท่าไหร่ ตั้งแต่ค่าออกแบบ ค่าวัสดุอุปกรณ์ งานรื้อถอน งานซ่อมแซม งานต่อเติม ไปจนถึงค่าแรงช่าง
ใครที่มีงบประมาณจำกัด แนะนำให้ปรึกษาสถาปนิกหรือนักออกแบบ เพื่อช่วยในการคำนวณงบประมาณให้เป็นไปตามความต้องการ หลังจากที่เขียนแบบก่อสร้างเสร็จแล้ว สถาปนิกจะจัดทำแบบประมาณราคา (BOQ) มาให้ เพื่อแจ้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้ (ตัวอย่าง BOQ)
ในส่วนของค่าจ้างนักออกแบบและวิศวกรส่วนใหญ่จะมีวิธีคิดหลัก ๆ 3 วิธีคือ
- คิดตามพื้นที่ออกแบบ โดยสถาปนิกจะสอบถามข้อมูลความต้องการและประเมินขนาดของพื้นที่ออกแบบ ซึ่งค่าออกแบบจะแตกต่างกันไปตามความยากของการออกแบบ ขนาดของพื้นที่ ความชำนาญของผู้ออกแบบ เริ่มต้นที่ 500-3,000 บาท / ตารางเมตร
- คิดเป็นเปอร์เซ็นของมูลค่าก่อสร้าง การคิดในรูปแบบนี้นักออกแบบจะประมาณราคาก่อสร้าง วัสดุที่เลือกใช้ ค่าแรง รวมเป็นมูลค่าก่อสร้างทั้งหมด โดยที่ค่าออกแบบจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของค่าก่อสร้าง
- การคิดแบบเหมา การคิดแบบเหมาโดยส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่รับก่อสร้างด้วยอยู่แล้ว จึงคิดค่าออกแบบรวมไปในค่าดำเนินการแล้ว
จ้างผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบหรือรีโนเวทบ้าน
ส่วนต่อมาคือการจ้างนักออกแบบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก มัณฑนากรและวิศวกร เพื่อที่จะให้เขาออกแบบได้ตามความต้องการ และจัดทำแบบประมาณราคา (BOQ) ทำให้เรารู้ถึงค่าใช้จ่ายในการรีโนเวทบ้านอีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญแต่ละอาชีพ มีหน้าที่อะไรบ้างไปดูกัน
สถาปนิก มีหน้าที่ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานของพื้นที่ ให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของผู้จ้าง เริ่มตั้งแต่การเก็บข้อมูลความต้องการ ออกแบบให้ผู้ใช้เห็นภาพ ทำแบบ 3 มิติ เขียนแบบก่อสร้าง และจัดทำแบบประมาณราคา (BOQ) เพื่อคำนวณค่าวัสดุที่ต้องใช้ทั้งหมดและค่าแรงของช่าง รวมถึงเซ็นรับรองแบบก่อสร้างด้วย
มัณฑนากร ทำหน้าที่คล้ายสถาปนิก แต่จะเชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบภายในเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องต่าง ๆ ภายในตัวบ้าน ไปจนถึงการออกแบบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ด้วย
วิศวกร ผู้เชี่ยวชาญคนสุดท้ายคือ วิศวกร มีหน้าที่ออกแบบโครงสร้างและคำนวณความเป็นไปได้ ในเรื่องของความแข็งแรงและการรับน้ำหนัก พร้อมกับเซ็นรับรองความถูกต้องของแบบโครงสร้าง โดยจะทำหน้าที่ร่วมกับสถาปนิกและมัณฑนากร
วิธีเลือกนักออกแบบคร่าว ๆ มีดังนี้
- เลือกจากรูปแบบของนักออกแบบ มีทั้งรูปแบบบริษัท และนักออกแบบที่เป็นฟรีแลนซ์
- เลือกจากสไตล์ที่ถูกใจ
- เลือกจากอัตราค่าบริการ
- เลือกจากประสบการณ์และประวัติการทำงาน
- สุดท้ายคือการนัดพบ และพูดคุย
ศึกษาข้อกฎหมายในการรีโนเวทและต่อเติมบ้าน
การรีโนเวทบ้านในทางกฎหมายแล้วถือเป็นการดัดแปลงอย่างหนึ่ง ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรศึกษาข้อกฎหมายให้ดี จากนั้นทำการขออนุญาตก่อนที่จะทำการรีโนเวทและต่อเติมบ้าน ไม่เช่นนั้น อาจจะทำเสียเงินเพิ่มมากขึ้นในการแก้ไขในภายหลัง ส่วนขั้นตอนการขออนุญาต ทำตามนี้เลย
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
- ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคาร, รื้อถอนอาคาร
- หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว ให้ไปยื่นขอรับใบอนุญาต ภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ขออนุญาต
- หลังจากนั้นให้ขอรับใบอนุญาตดัดแปลง รื้อถอนอาคาร ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งออกใบอนุญาตไว้
หากต่อเติมบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแบบต่อเติมบ้านผิดไปจากแบบแปลนที่ยื่นขอไว้ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วางแผนจัดเก็บข้าวของและที่อยู่ชั่วคราว
ในการรีโรเวทบ้านแต่ละครั้งควรจัดเก็บข้าวของและสิ่งมีค่าให้ห่างจากพื้นที่การทำงานของช่าง เพราะอาจจะเกิดความเสียหายจากทั้งฝุ่นละออง เศษวัสดุต่าง ๆ รวมถึงกลิ่นของสีที่ยังไม่แห้ง ทำให้เพื่อน ๆ อาจจะต้องหาที่อยู่ชั่วคราวระหว่างรอการรีโนเวทเสร็จ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเอาของทั้งหมดมารวมไว้จุดเดียว จากนั้นคลุมด้วยผ้าใบกันฝุ่น
ในกรณีที่ข้าวของเยอะมาก อาจจะต้องเช่าโกดังเก็บของชั่วคราว และถือโอกาสเคลียร์ของที่ไม่ได้ใช้ออก อาจจะทิ้งหรือขายเป็นของมือสองเพื่อเพิ่มงบประมาณในการรีโนเวทบ้านอีกด้วย
จัดหาช่างหรือผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้
ข้อนี้สำคัญมากในการเลือกผู้รับเหมาและทีมช่างในการรีโนเวท เพราะถ้าเจอทีมที่ไม่มีประสบการณ์ทำให้งานเสียหาย อาจจะได้วัสดุที่ไม่ตรงตามที่ระบุ หรือผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคัน ดังนั้นควรหาทีมผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้ ทำงานตามงบประมาณและอยู่ในเวลาที่กำหนด
การหาผู้รับเหมาส่วนใหญ่แล้วจะถามกันปากต่อปาก จากเพื่อนหรือคนรู้จัก และอีกวิธีคือหาในเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยมีเกณฑ์การเลือกคร่าว ๆ ดังนี้
- เลือกจากผลงานประสบการณ์และประวัติการทำงาน อาจจะถามจากคนรู้จักหรือเจ้าของงานคนก่อนหน้า ถ้ามีประวัติเสียหรือเคยทิ้งงาน แนะนำว่าห้ามเลือกเด็ดขาด
- เลือกจากงบประมาณในการก่อสร้าง ถ้าผู้รับเหมาของบน้อยกว่าที่ควรจะเป็นหรือน้อยกว่าที่สถาปนิกคำนวณไว้ ให้สงสัยเลยว่าเขาไม่สามารถทำงานตามที่กำหนดไว้ได้และอาจจะทิ้งงานในงวดท้าย ๆ ตัวอย่างเช่น
- ค่าก่อสร้างทั้งหมดที่สถาปนิกคำนวณออกมาประมาณ 7 แสนบาท
- ผู้รับเหมาที่เจ้าแรก ของบ 5 แสนบาท ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเจ้านี้จบงานไม่ได้ เพราะเงินไม่พอ ถึงพอก็ได้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ถ้าเจอผู้รับเหมาที่ขอเสนองบน้อยกว่าราคาก่อสร้าง ให้พยายามหลีกเลี่ยง
- ผู้รับเหมาเจ้าที่สอง ของบ 1 ล้านบาท เจ้านี้ราคาแพงเกินความเป็นจริงไปหน่อย อาจจะฟันกำไรมากเกินไป
- ผู้รับเหมาเจ้าที่สาม ของบประมาณ 7-8 แสน อยู่ในเกณฑ์ที่เชื่อถือได้ สามารถจบงานได้จริง และไม่ฟันกำไรมากเกินไป
- การนัดพบปะพูดคุย ส่วนนี้สำคัญที่สุดเพราะเราจะต้องร่วมงานกับผู้รับเหมา เป็นเวลาหลายเดือนถึงปี การพูดคุยเพื่อศึกษานิสัย ใจคอ การแสดงออก จึงสำคัญมาก ๆ
หมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยในระหว่างการรีโนเวทเสมอ
ถึงแม้จะมีทีมผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้ ก็ควรเข้าไปตรวจสอบดูความเรียบร้อยของงานด้วยตัวเองอยู่เสมอ ถึงช่างจะมีประสบการณ์มากแค่ไหนก็อาจจะเกิดความผิดพลาดกันได้ ถ้างานส่วนไหนที่ไม่เป็นไปตามความต้องการหรือแบบที่วางไว้ ควรแก้ไขโดยทันที เพราะถ้าต้องมาตามแก้งานทีหลัง บอกเลยว่างบบานปลายแน่นอน
ใครที่ไม่รู้ขั้นตอนการก่อสร้างหรือรายละเอียดของวัสดุ อาจจะจ้างสถาปนิกหรือที่ปรึกษาเพื่อมาช่วยตรวจดูงานก็ได้น้าาา
ควรตัดสินใจให้เด็ดขาด และทำตามแพลนที่วางไว้
การรีโนเวทบ้านต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ทำตามแพลนที่วางไว้ ไม่ควรเปลี่ยนใจไปมาในตอนที่เริ่มงานไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น การเปลี่ยนวัสดุกลางคัน เปลี่ยนสี หรือแก้แบบก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นควรทำรายการวัสดุอุปกรณ์ไว้ก่อน ตามด้วยเรียงลำดับความสำคัญ จะช่วยให้งานราบรื่น และไม่ต้องจ่ายค่าแก้ไขกลางคันอีกด้วย
เตรียมงบประมาณไว้สำรองจ่ายฉุกเฉิน 10-30%
ในการรีโนเวทหรือต่อเติมบ้านมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย อาจจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดในระหว่างการก่อสร้าง เช่น ผู้รับเหมาส่งงานไม่ทันตามที่กำหนด เราอาจจะต้องจ่ายค่าที่พักชั่วคราวเพิ่ม หรือผู้รับเหมาขอเบิกค่างวดงานล่วงหน้า ในส่วนนี้เราต้องมีเงินสำรองไว้เพื่อให้งานเดินหน้าต่อแบบไม่มีปัญหาหรือต้องติดชะงัก
แจ้งเพื่อนบ้านหรือคนที่อาศัยอยู่รอบข้าง
ที่สำคัญอีกอย่างคือ อย่าลืมแจ้งให้เพื่อนบ้านทราบด้วยน้าา ว่าเราจะรีโนเวทบ้านช่วงวันไหนถึงวันไหน อาจจะมีเสียงดัง ทำให้เกิดความไม่สะดวก เพื่อนจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง แม้จะดำเนินการขออนุญาตทางการอย่างถูกต้องแล้ว เราก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้หากเพื่อนบ้านได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย
ฉะนั้นอย่าลืมแจ้งเพื่อนบ้านก่อนดำเนินการก่อสร้างน้าาา เพื่อหลีกเลี่ยงการกินแหนงแคลงใจกัน
ใช้สี Beger Pro Quick ช่วยให้บ้านสวยพร้อมประหยัดงบประมาณ
สำหรับใครที่อยากรีโนเวทบ้านหรือกำลังวางแผนอยู่ อยากเปลี่ยนบ้านเก่าให้ดูดี มีความสดใหม่ ดูแล้วสบายตา ขอแนะนำ Beger Pro Quick B-1900 Primer สีรองพื้นปูนอเนกประสงค์ตัวฮิต ฟิล์มสีขาวเข้มข้น พร้อมใช้งานไม่ต้องผสมทินเนอร์ ทนชื้นสูง กลบมิดก็ดี จบได้ทุกปัญหาสี!
เพราะสีเขาเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยคุณภาพหลากหลายอย่างเลย อาทิ
- ทาทับผนังปูนฉาบใหม่ได้ใน 2 วัน
- ทนชื้นสูงถึง 35%
- สูตรน้ำมันซึมลึก ยึดเกาะแน่น บนพื้นผิวไฟเบอร์ซีเมนต์และปูนทุกประเภท
- ฟิล์มสีขาวมาก ตรวจงานง่าย สีทับหน้าขึ้นง่าย
- ปกป้องเหนือกว่า ไม่ว่าจะคราบเกลือ คราบด่างจากปูน เชื้อรา หรือตะไคร่น้ำ
- ขายดี ทาได้หมดทั้ง ปูนใหม่ ปูนเก่าเสื่อมสภาพ และปูนสด
ปัญหาผนังปูนเก่าเสื่อมสภาพ สีด่าง เป็นจ้ำ สีโป่งพอง แก้ได้ด้วย Beger B-1900 สีรองพื้นสูตรน้ำมันอเนกประสงค์ แทรกซึมลึก เสริมประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ระหว่างฟิล์มสีและผนังให้ดีขึ้น ทำให้บ้านน่าอยู่มากว่าเดิมมม เอาล่ะบอกขนาดนี้ต้องลองใช้แล้ว เพราะสีก็เหมือนการตรวจบ้าน ถึงแม้จะราคาสูง แต่ถ้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลยทุกคน
สามารถติดต่อซื้อสีทาบ้านได้ที่
FB: Beger Paint
Website: Beger
LINE: @begerpaint
ปรึกษาช่างเทคนิคเบเยอร์บริการ : 02-815-5888 กด 3
นอกจากสีทารองพื้นที่ต้องมีคุณภาพแล้ว สิ่งต่อมาที่สำคัญมาก คือสีทาภายนอกและภายใน เพราะสีทาบ้านที่ดี ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าที่คิด ใครที่กำลังจะรีโนเวทบ้าน แนะนำสีตัวนี้เลย BegerCool SuperWhite ทำให้ผิวบ้านมีสีขาวมากกก ถ้าทาภายในห้องก็จะดูกว้างและสว่างขึ้น
ส่วนการทาภายนอกก็จะทำให้สะท้อนความร้อนออกจากบ้านได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้บ้านเย็นฉ่ำ ช่วยประหยัดค่าไฟได้เยอะมาก พร้อมกับขจัดคราบสกปรกได้ในตัว แถมยังลดคาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยน้าาา
ทาภายนอก
- สะท้อนความร้อนได้สูง ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานไม่หนัก จึงประหยัดค่าไฟได้เยอะมาก
- ทำให้บ้านดูสะอาดนานขึ้น หมองตัวช้าลง ปกป้องบ้านจากมลภาวะอากาศกว่า 15 ปี
- ดีไซน์คู่กับสีอื่นได้เยอะมาก จะสไตล์ไหนก็แมตช์ได้หมด
ทาภายใน
- ช่วยให้ห้องสว่างมากขึ้น ผู้สูงวัยมองเห็นได้ชัดขึ้น ลดอุบัติเหตุในบ้าน ลดการเปิดไฟในบ้านได้ (ช่วยประหยัดค่าไฟ)
- สีขาวทำให้บ้านดูสะอาดขึ้น ช่วยให้ห้องดูกว้างและมีมิติยิ่งขึ้น ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
- สีขาวแมตช์กับสไตล์การตกแต่งบ้านได้หลายรูปแบบ / เปลี่ยน Mood ห้องจากแสงไฟได้ง่าย
ทาสีบ้านให้ดูใหม่ ขาว สะอาด สดใส และประหยัดไฟ ใช้สีเบเยอร์คูลซูเปอร์ไวท์ ผสานคุณสมบัติเด่นจากเซรามิกคูลลิ่งเทคโนโลยี เอกสิทธิ์เฉพาะในสีเบเยอร์คูล!