1
เช็ครายได้ ประเมินความสามารถการผ่อนชำระ
การที่ธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ จะพิจารณาที่รายได้, รายจ่าย, หนี้สิน ของผู้กู้ประกอบกันว่า มีความสามารถในการผ่อนชำระได้มากน้อยแค่ไหน
โดยส่วนใหญ่จะอนุมัติวงเงินไม่เกิน 40% ของรายได้ เช่น นาย A ได้เงินเดือน 20,000 บาท
ความสามารถในการผ่อนชำระอยู่ที่ (40% x 20,000 = 8,000 บาท) จะได้วงเงินกู้โดยประมาณ 1,200,000 บาท ดังนั้นจึงควรเลือกกู้ซื้อบ้านที่ราคาไม่เกินตัวมากเกินไป จะทำให้มีโอกาสกู้เงินซื้อบ้านผ่านได้ง่ายกว่า
2
อาชีพมีผลต่อการยื่นกู้
พนักงานประจำถือเป็นอาชีพที่มีโอกาสกู้บ้านผ่านได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ๆ เนื่องจากมีรายการเดินบัญชีและความมั่นคงมากกว่าอาชีพฟรีแลนซ์หรือเจ้าของธุรกิจ แต่สำหรับใครที่ทำงานอิสระก็อย่าเพิ่งเสียใจ หากทำรายการเดินบัญชีของรายได้ให้สวย มีเงินเข้าต่อเนื่องทุกเดือนและสามารถแสดงความมั่นคงของรายได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน ก็จะมีโอกาสยื่นสัญญากู้เงินซื้อบ้านผ่านเช่นเดียวกัน
4
ทำประวัติทางการเงินให้ดี
ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ตามควรจัดการให้มีเงินรายได้เข้าบัญชีอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนอย่างน้อย 6-12 เดือน และแนะนำว่าควรมีเงินติดบัญชีเอาไว้บ้าง ไม่ควรถอนออกมาหมดเพราะจะทำให้ประวัติการเงินมีความมั่นคงน้อยลงได้ สำหรับฟรีแลนซ์หรือคนที่ทำงานบริษัทที่ไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถใช้เอกสารรับรองรายได้เพื่อประกอบกับรายการเดินบัญชีได้เช่นกัน
9
เตรียมเอกสารให้พร้อม
เทคนิคนี้มีส่วนสำคัญในการยื่นกู้ซื้อบ้านอย่างมากเช่นกัน บางคนก็กู้บ้านไม่ผ่านเพราะเอกสารไม่ครบถ้วน ทำให้ต้องเสียเวลาไปอย่างน่าเสียดายเช่นกัน โดยพวกเราอยากจะแนะนำว่าควรเตรียมเอกสารให้พร้อม ทั้งเอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน, เอกสารประวัติรายได้, หนังสือรับรองเงินเดือน รวมถึงเอกสารเกี่ยวกับผู้กู้ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อ ฯลฯ