เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ในทุกๆ วัน ลึกๆ เราต่างมีทั้งสุขและเศร้าแตกต่างกัน แต่ทำไมความเศร้าของแต่ละคนกลับมากกว่า?

ด้วยความที่เราต่างก็มีปัญหาที่ไม่สามารถเอ่ยให้ใครต่อใครฟังง่ายๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาใครสักคนเข้าใจเราได้ถึงร่องลึกที่แท้จริง ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความเศร้าจึงแผดเผาใจเราได้ง่ายกว่าความสุข แต่ว่านะ! นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้! เพราะถ้าพวกเราไม่รู้สึกเศร้ากันบ้าง ก็คงไม่มีคนที่เข้าใจพวกเราขึ้นมา และคงไม่เขียนหนังสือดีๆ สร้างสรรค์เนื้อหาที่ไม่ต่างอะไรกับยาชูกำลังชั้นดีเพื่อมนุษย์ที่แสนเจ็บปวดแบบพวกเรานั่นเอง😭🔥

วันนี้พวกเรา Lifesara ก็เลยนำ 15 หนังสือพัฒนาตนเองดีๆ สร้างพลังบวก ให้ข้อคิด แนวคิดดีๆ อีกทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจอีกด้วยนะ! หวังว่าหนังสือพัฒนาตนเองเหล่านี้จะช่วยเป็นทั้งวิตามิน เป็นทั้งอาหารเสริม และยาชูกำลังให้สำหรับคนที่เจ็บปวดอยู่นะ  เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปดูกันดีกว่าว่า 16 หนังสือพัฒนาตนเองที่เราเอามาฝากทุกคนจะมีอะไรบ้าง!

  1  

อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป

คำโปรย :

หนังสือพัฒนาตนเองเล่มนี้เป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง ดูแลเวลาในชีวิตประจำวัน และดูแลที่พักอาศัยของคนในเมืองใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนแนวความคิดไปสู่ความ Minimal หรือการมีสิ่งของเท่าที่จำเป็น คล้ายหนังสือ “ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านเพียงครั้งเดียว” แต่เป็นแนวคิดของการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ ทั้งตารางเวลาในชีวิตแต่ละวัน การจัดการกับงาน จัดบ้าน สังสรรค์ ล้วนใช้หลักการ Minimalist ได้ทั้งนั้น

ซึ่งเนื้อหาในเล่มมีการยกตัวอย่างเรื่องของตนเองเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น และเรื่องที่ยกตัวอย่างนั้นเป็นชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองอันวุ่นวายทั่วโลก

Link : Se-ed | นายอินทร์

  2  

Happy First เริ่มต้นที่ความสุข

คำโปรย

บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องมีจุดหมาย เราก็แค่เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักอยากแวะตรงไหนก็แวะ เจอตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูปเก็บไว้ ชอบตรงไหนก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานหน่อย ความเรื่อย ๆ มีเสน่ห์ในตัวมันเอง แต่ความเรื่อย ๆ มักถูกขัดจังหวะด้วยอุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

หลายครั้งทำให้เราท้อจนอยากจะเปลี่ยนเส้นทางใหม่ หรือไม่ก็อยากหายไปตั้งหลักสักพัก ช่วงเวลาที่ยากลำบาก เรามักต้องการคำปลอบใจจากใครสักคน อาจไม่ใช่คำพูดที่หวือหวาหรือสวยหรู แต่เป็นคำพูดที่ทำให้เราคิดอะไรบางอย่างได้

ซึ่งหนังสือพัฒนาตนเอง “Happy First เริ่มต้นที่ความสุข” เล่มนี้ ได้บรรจุ 120 ข้อความประกอบรูปภาพ ที่จะช่วยเยียวยาและทำให้คุณผู้อ่านพร้อมจะออกเดินทางบนถนนที่ชื่อว่า “ชีวิต” บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินแห่งนี้ไปเรื่อย ๆ อีกครั้ง

Link : Se-ed | นายอินทร์

  3  

แค่โอบกอดตัวเองให้เป็น

คำโปรย : 

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้โอบกอดตัวเอง… เราหลงลืมสิ่งนี้ไปหรือเปล่านะ “แค่โอบกอดตัวเองให้เป็น” ความเรียงแสนอบอุ่นจาก “คิดมาก” ที่มาพร้อมกับกำลังใจ พลังบวก นำเสนอในรูปแบบจดหมาย ซึ่งผู้อ่านจะได้รับประสบการณ์เหมือนได้อ่านจดหมายจากนักเขียน ที่เป็นทั้งผู้รับฟังและมอบคำแนะนำอย่างอบอุ่น

Link : Se-ed | นายอินทร์

  4  

พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว

คำโปรย : 

การกลัวความโดดเดี่ยว หรือ กลัวว่าคนอื่น ๆ จะไม่ยอมรับมากเกินไป ทำให้ต้องอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา เอาแต่เออออตามคนอื่น นั่นทำให้คุณไม่มีความสุข และทำให้คุณต้องสูญเสียตัวตนของคุณไป

หนังสือเล่มนี้ได้แนะนำเทคนิค อาทิ “หยุดหวาดกลัวความโดดเดี่ยว” เพราะจะทำให้คุณเสียอัตลักษณ์ของตัวเอง “หยุดต้องการใครสักคนอยู่เสมอ” เพราะจะทำให้คุณไม่มีเวลาทบทวนตัวเอง “หยุดซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง” เพราะคุณจะรู้สึกเหงาแม้อยู่ท่ามกลางผู้คน เป็นต้น จงกล้าโดดเดี่ยวคุณและคนรอบ ๆ ตัวจะมีความสุขมากกว่านี้!

Link : Se-ed | นายอินทร์

  5  

ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั้นแหละที่ทำเกินไป

คำโปรย : 

หลายครั้งที่เรารู้สึกไม่ดีต่อคำพูดและการกระทำของผู้อื่น แต่กลับถูกล้อเลียนหรือต่อว่ากลับมาว่า “อ่อนไหวเกินไป” ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม และในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่รู้สึกขุ่นมัวเพราะมีคนมาล้ำเส้นความรู้สึกย่อมต้องการคนเข้าใจและเข้าข้าง และเกิดคำถามว่า “ฉันอ่อนไหวเหรอ ไม่ใช่เธอที่ทำเกินไปเหรอ” จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องไม่น่ายินดีนัก หากต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่เพียงละเมิดขอบเขตของคนอื่น แต่ยังไม่พยายามเข้าใจ และด้อยค่าความรู้สึกของคนอื่น

คำถามคือ แล้วทำอย่างไร ถึงจะปกป้องตัวเองจากบุคคลที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ได้
คำตอบก็คือ การฝึกสร้างพลังปกป้องขอบเขตอารมณ์ของตัวเอง

หนังสือ “ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป” เล่มนี้ เขียนโดย “ยูอึนจ็อง” จิตแพทย์หญิงชาวเกาหลีใต้ ผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้คนมากมาย และยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยามาแล้วหลายเล่ม

หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปสังเกตพฤติกรรมของคนที่ชอบล้ำเส้นอารมณ์ของผู้อื่น การทำความเข้าใจมนุษย์และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล รวมไปถึงวิธีการสร้างความมั่นคงทางจิตใจ เพื่อสร้างขอบเขตอารมณ์ที่แข็งแกร่ง ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายความรู้สึกได้ง่าย ๆ ให้อารมณ์และจิตใจของเราเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองก้าวล้ำเส้นอารมณ์ของผู้อื่นไปด้วย

Link : Se-ed | นายอินทร์

  6  

เดือนเมษายน พาใครบางคนกลับมา

คำโปรย : 

ในเดือนเมษายน “ฟูจิชิโระ” จิตแพทย์หนุ่มได้รับจดหมายจากผู้หญิงคนหนึ่งในอดีตที่เขาควรจะลืม… “ฮารุ” คือเจ้าของจดหมายฉบับนั้น เธอเล่าว่าตนเองกำลังอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ ทะเลสาบอูยูนี ประเทศโบลิเวีย เธอบรรยายถึงความงดงามของภาพกระจกเงาสะท้อนท้องฟ้า และความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาในเดือนเมษายนแห่งความทรงจำเมื่อปีนั้น

ชายหนุ่มผู้ดูสงบเงียบขรึม กลับรู้สึกราวมีแรงสั่นสะเทือนภายในหลังจากที่ได้อ่านจดหมาย เขากับ “ยาโยอิ” แฟนสาวที่เป็นสัตวแพทย์มีแผนจะแต่งงานกันในปีนี้ แต่ฟูจิชิโระกลับไม่รู้สึกยินดียินร้าย เขาไม่อาจบอกได้ว่ายังรักหรือมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับเธออยู่หรือไม่ เขาพยายามหาคำตอบนี้ผ่านน้องสาวของยาโยอิผู้เปี่ยมเสน่ห์ หนุ่มรุ่นน้องคนสนิทที่ดูไม่ชัดเจนในรสนิยมทางเพศ และพยาบาลสาวเพื่อนร่วมงานที่มีอดีตอันซับซ้อน

 “ฟูจิชิโระ” จะได้คำตอบที่แน่ชัดจากหัวใจตนเองหรือไม่ว่าเขาต้องการอะไร เขาจะจัดการกับความรู้สึกต่อ “ฮารุ” ในอดีตได้ไหม และจะทำยังไงกับความสัมพันธ์กับ “ยาโยอิ” ที่กำลังจะสูญเสียไป อย่างไรก็ตามเดือนเมษายนสำหรับฟูจิชิโระ คงไม่ใช่แค่หน้ากระดาษบนปฏิทินอีกต่อไป…

“คาวามูระ เก็งกิ” ผู้เขียนได้ตั้งคำถามต่อชีวิตคนหนุ่มสาวยุคนี้ ในเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก และความใคร่ ได้อย่างตรงไปตรงมา และมีหลายแง่มุมที่ท้าทายกรอบนิยามความรักแบบเดิม ๆ เขายังคงนำวัฒนธรรมป๊อปที่เขาหลงใหลใส่ลงไปในเรื่องราวได้อย่างลงตัว

และนั่นก็เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ผลงานของเขามีเสน่ห์ชวนติดตาม เหมือนอย่างที่เขาเคยทำมาแล้วในนิยายสุดฮิต “ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว” (If Cats Disappeared from the World) หรือในบทบาทผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันระดับปรากฏการณ์อย่าง “Your Name” 

Link : Se-ed | นายอินทร์

  7  

กล้าที่จะถูกเกลียด

คำโปรย : 

คนส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญคือ เราต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งคุณพยายามทำดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าคุณต้อง “ทิ้ง” ชีวิตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น แล้วคุณจะมีชีวิตดีขึ้นอย่างที่ต้องการได้จริงหรือ?

หนังสือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” เล่มนี้ เขียนขึ้นจากคำสอนที่ถูกเก็บงำไว้มากว่า 100 ปี ของ “อัลเฟรด แอดเลอร์” นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง” และกลายเป็นคัมภีร์ที่ชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนนำไปใช้ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีในแบบที่ต้องการ คุณเองก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน…สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” ถ้าคุณพร้อมที่จะถูกเกลียดแล้วเปิดอ่านหน้าถัดไปได้เลย!

Link : Se-ed | นายอินทร์

  8  

นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

คำโปรย : 

หลายต่อหลายครั้งที่มักมีใครบางคนบอกให้เราตั้งใจทำนู่นทำนี่ให้ดีนะ ถ้าทำแบบนี้ ถ้าพยายามเข้า จะต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ หลายครั้งที่เราเลือกเดินตามเส้นทางที่หลายคนเดิน เพราะเราเห็นผลลัพธ์ที่ดีของคนอื่น ๆ

แต่จะเป็นอย่างไร หากเราได้ออกเดินทางและเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบให้เต็มที่ ขณะเดียวกันก็ผ่อนคลายและไม่ยึดติดจนเกินไป จะเป็นอย่างไร หากเราได้ลองใช้ชีวิตในเส้นทางที่ต่างออกไป สุดท้ายแล้วไม่มีใครบอกได้หรอกว่าเลือกแบบไหนถึงจะถูก ขนาดบางครั้งที่เราคิดมาอย่างดีแล้ว ชีวิตยังเล่นตลกออกจะบ่อยเลย

Link : Se-ed | นายอินทร์

  9  

อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น

คำโปรย : 

ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร ประกอบอาชีพไหน เมื่อถึงจุดหนึ่งจะมี “บางสิ่ง” ที่สำคัญแซงหน้าความรู้ความสามารถ หากขาดมันไป ต่อให้คุณพยายามทุ่มเทมากเพียงใด คุณก็จะประสบความสำเร็จแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปได้ไม่ไกลอย่างที่คาดหวังไว้ สิ่งนั้นคือ “ทักษะคุยเล่น” 

หนังสือ “อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น” เล่มนี้ จะเผยทักษะคุยเล่นของคนชั้นแนวหน้าในทุกวงการ ซึ่งช่วยให้พวกเขาก้าวสู่จุดสูงสุดของอาชีพได้ ทั้งที่หลายคนไม่ใช่คนที่คุยเก่งมาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น พูดโดยใช้เสียงในระดับ “ฟา” หรือ “ซอล”, หัดเล่าถึงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเอง, ฝึกชมแบบ “พึมพำ” , ทำไมการถามว่า “ทำไมล่ะ” ถึงดูสิ้นคิด และอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ยังได้อธิบายเกี่ยวกับเทคนิคในการพัฒนาทักษะการคุยเล่น โดยหยิบยกวิธีการที่นำไปทดลองปฏิบัติจริง แล้วได้ผลมาสรุปเป็นคำแนะนำที่ละเอียดชัดเจน เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

Link : Se-ed | นายอินทร์

  10  

ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน

คำโปรย : 

นิยายที่จะทำให้คุณอบอุ่นหัวใจกับความสัมพันธ์ของคนกลุ่มหนึ่ง ที่พันผูกกันด้วยการจากไปของคนรัก ท่ามกลางความมืดมิดของการสูญเสียก็ยังมีกลิ่นแกงกะหรี่และขนมปังปิ้งยามเช้า

หลังจาก “คาซึกิ” เสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 25 ปี เมื่อหลายปีก่อน “เท็ตสึโกะ” ผู้เป็นภรรยา และ “ป๊า” พ่อของคาซึกิผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศต่างก็พยายามที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ได้ แม้ภายนอกจะดูเป็นคนปกติ มีอารมณ์ขัน แต่ทั้งคู่ก็กลายเป็นคนเว้าแหว่ง

จนเมื่อความทรงจำที่มีต่อคาซึกิของคนทั้งสองถูกกระตุ้นโดยเพื่อนบ้านที่เป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งจู่ๆ ก็ยิ้มไม่ได้ สาวนักไต่เขาที่พยายามหลีกหนีบางอย่างในชีวิต ชายหนุ่มที่คิดว่าการแต่งงานคือความสำเร็จ หรือเด็กหนุ่มร่างสูงที่ฝันจะมีเซ็กซ์ในรถสักครั้ง ฯลฯ

นี่คือนิยายที่จะพาเดินทางสู่ประตูลับในจิตใจของคนเรา ในนั้นอาจซ่อนคนที่อยากลืมหรือคนที่อยากให้เขากลับมา และอาจถึงเวลาที่เราต้องจัดการกับความทรงจำเหล่านั้นเสียที

Link : Se-ed | นายอินทร์

  11  

เราเติบโตในทุกๆ วัน

คำโปรย : 

ยังจำความรู้สึกวันแรกที่ไปโรงเรียนได้ไหม จำได้ไหมว่ารู้จักกับเพื่อนสนิทได้ยังไง ยังจำความรู้สึกตอนมีความรักครั้งแรกได้หรือเปล่า ตอนนั้นเคยไหมที่กังวลใจมากว่าผลสอบจะออกมาไม่ดี แต่สุดท้ายเธอก็ผ่านมันมาได้ ยังจำความรู้สึกตอนสัมภาษณ์งานครั้งแรกได้ไหม ตอนนั้นตื่นเต้นไหม…

“เราเติบโตขึ้นในทุก ๆ วัน” เล่มนี้ จะพาผู้อ่านไปพบกับข้อคิด บทเรียน รวมถึงความสุขเล็ก ๆ ที่ได้เรียนรู้จากแต่ละช่วงวัยของชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท ได้แก่ วัยนักเรียน วัยนักศึกษา และวัยทำงาน ที่จะทำให้ผู้อ่านได้ทบทวนตัวเอง และหวนนึกถึงอดีตอีกครั้ง

แต่ละช่วงวัยเราอาจค้นพบบทเรียนที่แตกต่างออกไป หรือไม่บทเรียนในวันนั้นอาจนำมาใช้ได้กับชีวิตในตอนนี้ ลองพาตัวเองย้อนกลับไป แล้วคุณจะพบว่าแต่ละช่วงวัยในชีวิตมีเสน่ห์และเรื่องราวบางเรื่อง ซึ่งดีที่สุดแล้วที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

Link : Se-ed | นายอินทร์

  12  

น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20

คำโปรย : 

การเปลี่ยนผ่านจากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสู่ชีวิตการทำงาน เป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่…แต่ไม่ใช่กับนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพราะพวกเขามีโอกาสเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับโลกแห่งชีวิตจริง ผ่านกิจกรรมสุดท้าทายที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวข้ามหลุมพราง ที่คนส่วนใหญ่พลาดตกลงไป

อาทิ ใช้เงิน 5 ดอลลาร์ไปทำธุรกิจที่หาเงินได้มากถึง 650 ดอลลาร์ ภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมง เปลี่ยนแนวคิดพิเรนทร์อย่างการเปิดร้านขายซูชิหน้าแมลงสาบให้กลายเป็นธุรกิจขึ้นมาจริง ๆ คิดค้นอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นแก่ทารกในประเทศยากจนด้วยราคาแค่ 20 ดอลลาร์ จากที่เคยต้องจ่ายเงินซื้อสูงถึง 20,000 ดอลลาร์

ซึ่งในหนังสือ “น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (ฉบับปรับปรุง)” เล่มนี้ “Tina Seelig” ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จะบอกเล่าเนื้อหา กรณีศึกษา ตลอดจนแบบฝึกหัดที่ใช้จริงในชั้นเรียนโดยละเอียด ราวกับผู้อ่านได้เข้าไปนั่งเรียนด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตได้ ไม่ว่าตอนนี้คุณจะมีอายุ 20, 30, 40 หรือ 50 ปีก็ตาม “แล้วชีวิตคุณจะไม่เหลืออะไรให้ต้องเสียดายอีกต่อไป”

Link : Se-ed | นายอินทร์

  13  

ขอบคุณตัวเองที่เข้มแข็งมาได้จนถึงทุกวันนี้

คำโปรย : 

หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างผู้อ่าน พูดคุยด้วยภาษาเดียวกัน มากกว่าที่จะตัดสิน เป็นเพื่อนร่วมทางและเป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเศร้าและความผิดหวังผ่านไปไว ๆ กว่า 150 ภาพประกอบและข้อความสั้น ๆ สุดน่ารัก จะมาเยียวยาและเป็นกำลังใจในวันที่คุณหมดแรง อ่านแล้วจะรู้สึกมีเพื่อน ให้เราอยากลุกขึ้นสู้เพื่อมีชีวิตต่อไป

Link : Se-ed | นายอินทร์

  14  

ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทิ้งเป็น

คำโปรย : 

ในหนังสือ “ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทิ้งเป็น” ผู้เขียน “ชิฮาระ ทากาชิ” ที่ปรึกษาด้านความสำเร็จที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมและเป็นเซียนปาจิงโกะ เฝ้าสังเกตความสัมพันธ์ระหว่าง “ความสำเร็จ” และ “ความสุขในใจ” ของผู้คน จนค้นพบว่า “คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากเป็นคนที่ทิ้งเป็น”

เขาจึงจะมาเปิดเผยและแนะนำ “วิธีทิ้ง” เพื่อให้คุณได้ฝึกฝนจนเปลี่ยนแปลงจาก “คนที่ทิ้งไม่เป็น” และยึดติดกับวิธีการเดิมๆ ไม่ว่าจะเพราะรู้สึกว่าทิ้งมันยาก เพราะความเสียดาย ความกลัว ความกังวล ไปสู่ “คนที่ทิ้งเป็น” ที่พร้อมจะทิ้งสิ่งเก่าๆ ทั้งวิธีทำ วิธีคิด ความสามารถ และทักษะเก่าๆ เพื่อก้าวไปสู่บทใหม่ของชีวิตอย่างมีความสุขและไร้ความกังวลในทุกๆ ด้าน ทั้งการงาน การเงิน ความสัมพันธ์ และเป้าหมายชีวิต

เพราะ “สมการความสำเร็จ” ของคนเราขึ้นอยู่กับการ “ทิ้ง” สิ่งที่อาจจะจำเป็นในช่วงชีวิตเก่า แต่ไม่จำเป็นสำหรับช่วงชีวิตใหม่

Link : Se-ed | นายอินทร์

  15  

ที่จริงวันนี้ก็ดีนะ

คำโปรย : 

แม้ไร้ซึ่งแสงสว่างหรือเสียงใด ๆ แต่ร่างกายยังคงรับรู้ได้ มันบอกฉันว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้… เรื่องราวเปี่ยมแรงบันดาลใจของ “คูคย็องซอน” นักวาดภาพผู้สูญเสียการได้ยินและกำลังสูญเสียการมองเห็น เพราะเธอไม่มีโอกาสได้ยินเสียงใด ๆ บนโลกนี้ เธอจึงวาด “เบนนี่” กระต่ายน้อยขนปุยหูกางยาวใหญ่ ที่จะคอยรับฟังและบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ในแต่ละวันมากมายแทนตัวเธอ ผ่านรูปวาดลายเส้นน่ารักสีสันสวยงามที่ถ่ายทอดเหตุการณ์และความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน

จากแรงบันดาลใจรอบตัวที่เธอไม่คิดว่าจะได้รับ กลายเป็นหนังสือภาพพร้อมบทความดี ๆ ที่เธอยากตอบแทนและส่งต่อกำลังใจสู่คนทั่วโลก แม้โลกจะเงียบแค่ไหน และสักวันมันจะมืดมิดลง คงเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ใช้เวลาที่เหลือวาดสิ่งที่อยู่ในใจ ถ่ายทอดออกมาทั้งชีวิตของเธอ ความยากลำบากในชีวิตที่เงียบงัน ความฝันและกำลังใจ ความสุขและความทุกข์ของชีวิต กระทั่งสิ่งที่อยากทำตอนนี้และสิ่งที่อยากทำก่อนตาย

เธอและกระต่ายเบนนี่ขอเป็นหนึ่งกำลังใจดี ๆ ให้ผู้อ่านทุกท่านฝ่าฟันทุกอุปสรรค สนุกกับทุกสิ่งรอบตัว หัวเราะ ชื่นชม และมีความสุขในทุกช่วงเวลาของชีวิตแม้กระทั่งวันนี้ แค่ได้ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันก็เป็นการเริ่มต้นวันนี้ที่ไม่แย่นักหรอกเนอะ

Link : Se-ed | นายอินทร์

  16  

แด่เธอผู้เจ็บปวดกับการเรียน

คำโปรย : 

แด่เธอที่เหนื่อยล้าเจ็บปวด… แด่ความทรมานที่ดูสูญเปล่าไร้ความหมาย แด่ความฝันที่เลือนรางจนอยากล้มเลิกซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่เธอน่ะ… อย่ายอมแพ้เด็ดขาดเชียวนะ วันที่เจิดจ้ากำลังรอเธออยู่ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนนั้น ไม่ใช่สมอง แต่เป็น “จิตใจ” 

“เมื่อใจพร้อม เธอก็จะได้เห็นโลกใบใหม่ โลกที่การเรียนไม่ใช่ความเจ็บปวดเหนื่อยล้า แต่เป็นความสนุกและตื่นเต้น… เมื่อนั้นแหละที่เธอจะเติบโต” 

Link : Se-ed | นายอินทร์