เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีความฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้สักครั้งในชีวิต ซึ่งเเต่ละคนอาจจะมีความฝันในเเต่ละเมืองที่เเตกต่างกัน เเต่ในวันนี้พวกเรา Lifesara จะพาไปส่องอีกหนึ่ง Dreamlist ที่ขอบอกเลยว่าพลาดไม่ได้ นั่นคือเส้นทางนั่งรถไฟเมืองนอกในสถานที่ต่างๆ คือจะบอกว่าเเต่ละที่คือเด็ดเเละวิวสวยมากๆ คงจะดี หากเราได้ไปในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย!!!
1
Bernina Express
เริ่มกันที่ที่เเรกด้วยเส้นทางรถไฟเมืองนอกสุดสวยจากประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ที่ระหว่างทางทุกคนจะได้ชมความงามจากเทือกเขาเอลป์ น้ำตกธารน้ำเเข็ง เเละหน้าผาสุดอลังการซึ่งบอกเลยว่าไม่สามารถหาได้ที่จากที่ไหนในโลกอีก Chur และ St Moritz ในภาคตะวันออกของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ มุ่งหน้าไปยังเมือง Tirano ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศ อิตาลีระยะทางทั้งหมด 144 กิโลเมตร ที่พาดผ่านอุโมงค์ 55 แห่ง และสะพาน 196 อัน
คุณจะได้ท่องไปบนเส้นทางที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดเมื่อเทียบกัน “ไมล์ต่อไมล์” ในระหว่างทางคุณจะได้ชมวิวของเทือกเขาเอลป์ น้ำตก ธารน้ำแข็ง และหน้าผาที่สุดจะอลังการอีกด้วย ทุกโบกี้ในรถไฟมีหน้าต่างเพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน บนรถไฟยังมีกาแฟและเบเกอรี่เสิรฟด้วยนะลองสั่งกาแฟดำร้อนๆดื่มคู่ไปตอนรถไฟกำลังฝ่าพายุหิมะของ ภูเขา Bernina Pass บนความสูง 7,000 ฟุต ก็จะชิวกำลังพอดีเลยแหละ
ราคาตั๋ว: ประมาณ 2,250 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
2
The Train to the Clouds
สำหรับคนชอบความสูง เราขอแนะนำรถไฟท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า Tren a Las Nubes ที่จะนำท่านวิ่งออกจากเมือง Salta ในประเทศ อาร์เจนติน่า ไต่ขึ้นเทือกเขา Andean ที่มีความสูง 13,800 ฟุต ไปจบที่ชายแดนของประเทศ ชิลี เป็นเวลา 7 ชั่วโมงที่ท่านจะได้พบความสุดยอดของการอยู่บนรถไฟที่วิ่งระยะที่สูงที่สุดในโลก
วิวที่เจ๋งที่สุดของเส้นทางนี้คงหนีไม่พ้นฉากหลังที่จะเป็นสีต่างๆของหน้าผาที่เกิดจากการทับถมของชั้นหิน ตัดกับต้นกระบองเพชรยักษ์ ไกลสุดลูกหูลูกตา หากใครที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ไม่ต้องกังวลไป บนรถไฟได้มีการเตรียมถึงออกซิเจนไว้บริการเพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน
ราคาตั๋ว: ไป-กลับ ประมาณ 6,000 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
3
Fort William to Mallaig
หนึ่งในทางรถไฟที่รอดจากการทำหลายเมื่อยุค 60 ที่มีชื่อเล่นว่า “Road to the Isles” ทางรถไฟเส้น A830 ที่พาดผ่านบริเวณ Highlands ในประเทศ สก็อตแลนด์ จากเมือง Fort William ลากยาว 68 กิโลเมตร ทะลุภูเขาจนถึงเมือง Mallaig เป็นหนึ่งในทางรถไฟที่มีวิวที่สวยที่สุดในโลก
ไฮไลท์ของทางรถไฟนี้นั้นอยู่ที่ช่วง Glenfinnan Viaduct เป็นช่วงที่รถไฟวิ่งผ่านเสาหินที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางภูเขา ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ก็ได้ถ่ายทำฉาก Hogwarts Express ที่บริเวณนี้ด้วย“ใครฝันอยากเป็นนักเรียน Hogwarts ก็สามารถนั่งรถไฟไอน้ำ Jacobite train บนทางรถไฟสายนี้ได้ทุกวันเลย
ราคาตั๋ว: ไป-กลับ ประมาณ 1,700 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
4
Oslo to Bergen
ใครที่อยากได้ความรู้สึกแบบว่า “Top of the world” ห้ามพลาดรถไฟสายนี้เลย เส้นทางที่พาดยาว 496 กิโลเมตรจาก เมือง Oslo ถึงเมือง Bergen ประเทศนอร์เวย์ เป็นทางรถไฟที่สูงที่สุดในตอนเหนือของทวีปยุโรปที่วิ่งอยู่บนเทือกเขาสูง 4,000 ฟุต ยาวมากกว่า 100 กิโลเมตร“ กระทั่งในฤดูร้อนคุณก็ยังจะอยู่บนรถไฟที่วิ่งผ่านหิมะ”
ถ้าใครยังไม่จุใจ เราแนะนำให้คุณลงที่สถานี Myrdal เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นขบวน Flam Railway ที่จะวิ่งผ่านเส้นทางที่ชันที่สุดในยุโรป มุ่งหน้าลงหน้าผา (fjord) ที่มีความสูง 2,831 ฟุต
ราคาตั๋ว: ประมาณ 4,000 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
5
Koblenz to Mainz – the Rhine Valley
ทางรถไฟที่น่ารักที่สุดในยุโรป ลัดเลาะริมแม่น้ำ Rhine เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร ตั้งแต่เมือง Koblenz ตัดผ่านหมู่บ้านน่ารักๆ ที่คุณจะได้เห็น บ้านไม้ หน้าผา สวนไวน์ สวนผลไม้ต่างๆ ปราสาทดิสนีย์ ไปจนถึงเมือง Mainz ในประเทศเยอรมนี “นี่เป็นเส้นทางหนึ่งในไม่กี่แห่งที่วิ่งเลียบแม่น้ำตลอดเส้นทาง ไม่ค่อยมีอุโมงค์ขั้นวิว ทริคคือพยายามนั่งด้านซ้ายของขบวน คุณจะได้เห็นวิวแม่น้ำชัดแจ๋วเลยแหละ”
ราคาตั๋ว: ประมาณ 1,650 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
6
Venice Simplon-Orient-Express
ไม่ต้องพูดอะไรมากกับ Orient-Express รถไฟที่ได้ชื่อว่า หรูที่สุด ไฮโซที่สุด ถ้าพูดเรื่องความอลังแล้วบนโลกนี้คงไม่มีใครสู้กับรถไฟสายนี้ได้
ความหรูหราของการตกแต่ง ความเซอร์วิสไมด์ทำให้เรารู้สึกประหนึ่งพระราคาคือหนึ่งนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 เลยที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์ haute cuisine ที่ปรุงสดๆ บนรถไฟ วิวจากเทือกเขา เอล์ป ถ้ายังโรแมนติคไม่สะใจ บนรถยังมีเปียโนบาร์ ไว้ฟังเพลงเวลาพลบค่ำกับคู่รักของคุณ แต่หากจะมีข้อเสียละก็ บนรถไฟนี้จะไม่มี Wifi ให้ รวมถึงไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว แต่เมื่อคุณอยู่บนรถแล้ว เราบอกได้เลยว่าคุณจะต้องพูดว่า “แล้วไงใครแคร์”
ราคาตั๋ว: ประมาณ 110,500 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
7
Eastern & Oriental Express
ตามมากันงามๆ ด้วยของดีของไทย คิดว่าไม่มีใครไม่น่าไม่รู้จักรถไฟสุดหรูขบวนนี้ที่วิ่งจากหัวลำโพง ผ่านทั้งประเทศตอนใต้ ประเทศ มาเลเซีย จนไปจบที่ประเทศสิงค์โปร 19 โบกี้นอนสุดหรูที่จะพาคุณไปดื่มด่ำความสำราญระดับ 5 ดาวที่หาที่ไหนไม่ได้ บรรยากาศภายในรถจะหรูหราคล้ายๆ โรงแรม Peninsula แบ่งเป็นทั้งห้องรวม และห้องส่วนตัว มีโค้ชอาหารอยู่ท้ายขบวนให้คุณสามารถเอนจอยคอกเทลล์ได้ตลอดการเดินทางเลย
ราคาตั๋ว: ประมาณ 88,750 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
8
Palace on Wheels
หนีร้อน หนีคน ไปนั่งรถไฟหรูที่อินเดียต้อง Palace on Wheels เท่านั้น รถไฟสุดหรูที่พาคุณลุยแคว้น Rakasthan ในตอนเหนือประเทศอินเดีย ว่ากันว่าหากได้ขึ้นแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนเป็นพระราชากันเลยทีเดียวขบวนรถไฟ 14 โบกี้ที่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว และเมื่อก่อนบนรถไฟขบวนนี้ถึงขนาดมีบริการ “คนใช้ส่วนตัว” ให้คุณด้วย โดยการเดินทางนั้นจะออกจากกรุง เดลี ทั้งหมด 7 คืน และผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมาย รวมถึง ทัชมาฮาล ให้คุณได้ตะลุยแดนภาระตะโดยรองเท้าไม่เปื้อนฝุ่นกันเลย
ราคาตั๋ว: ประมาณ 31,140 บาท/ท่าน | เช็คตั๋ว
9
The Trans-Seberain
ทางรถไฟในฝันของมนษย์โลกทุกคน กว่า 9,000 กิโลเมตรที่ทางรถไฟนี้วิ่งผ่าน 8 ไทม์โซน ตั้งแต่เมือง Moscow จนถึงสุดชายแดนตะวันออก Vladivostok ของประเทศรัสเซีย มุ่งผ่านเมืองเล็กเมืองน้อย ทำให้คุณสามารถกระโดดลงเที่ยวที่เมืองต่างๆ ระหว่างทางได้
เท่านั้นไม่พอคุณยังสามารถเปลี่ยนขบวนเป็นรถ Rossiya No 2 แล้วนั่งยาวอีก 6 วัน เที่ยวประเทศมองโกเลีย ขี่ม้าสวยๆ ซึมซับบรรกาศชาวบ้าน แล้วมาจบที่เมือง ปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินกลับไทยได้ด้วยนะ แต่ถ้าใครอยากเที่ยวแบบหรู เส้นทางนี้ก็มีรถ Golden Eagle ที่มีห้องสูทส่วนตัว อาหารสุดหรู แล้วก็ยังมีหมอให้บริการเผื่อคุณป่วยด้วยนะ
ราคาตั๋ว: ประมาณ 25,000 บาท/ท่าน (Golden Eagle ประมาณ 500,000 บาท/ท่าน) | เช็คตั๋ว 1, 2
10
Harz Railway
ไม่มีรถไฟขบวนไหนอีกแล้วในโลกใบนี้ ที่เหมาะสมกับคำนิยามว่า สวรรค์ในหมอกไอน้ำ ทางรถไฟที่ลากยาว 137 กิโลเมตร จอดทั้งหมด 48 สถานี ที่คุณได้ได้พบกับเมืองเล็กๆ รอบภูเขา Harz ในประเทศเยอรมัน ตลอดทางยังกับหลุดมากจากโลกดิสนีย์
รถไฟขบวนนี้เป็นรถจักรไอน้ำที่ระยะทางยาวที่สุด (นับเฉพาะที่ยังวิ่งอยู่) ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดวินเทจขนาดนี้
